26 มิถุนายน 2564 10:53 น.

สาส์นถึงโควิด

คีตากะ

9611b3fdb56b3932fa328ecd5b5d07ce.jpg
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ
สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
สหายเอ๋ย...มนุษย์สุดมืดบอด
เพียงหนีรอดดิ้นรนทนขวนขวาย
ดำรงชีพวันวันเพียงกันตาย
กรรมมากมายที่ก่อเพราะอวิชชา
สหายเอ๋ย...กฎเกณฑ์เฆี่ยนเข่นเขา
ทุกค่ำเช้าซัดโบยล้วนโหยหา
เตลิดไปในฝันจินตนา
สุดท้ายคว้าน้ำเหลวร่างลบเลือน
สหายเอ๋ย...ระบบบอบครองครอบโลก
ถูกอุปโลกน์ด้วยมารพานเชือดเฉือน
ขุดหลุมพรางวางไว้ไม่แชเชือน
ตั้งตนเสมือนราชาเหนือราชา
สหายเอ๋ย...มนุสสาถูกยาพิษ
ยังกายจิตฟั่นเฟือนเลือนสังขาร์
หลงลืมจิตบริสุทธิ์คือพุทธา
สิ้นอหิงสาฆ่าเข่นไม่เว้นใคร
สหายเอ๋ย...ท่านหรือคือพุทธะ
จงลดละจองเวรเข่นใครไหน
อโหสิอย่ามาดร้ายหมายฆ่าใคร
โปรดอย่าใช้วิธีเหมือนเพื่อนมนุษย์เลย...
27 มิถุนายน 2564 08:17 น.

ประสบการณ์จริงจากพี่สาว...

คีตากะ

559000000945102.JPEG
พี่สาวหนึ่งบำเพ็ญเห็นพุทธะ
เธอตามพระลงนรกอกกลัดหนอง
เห็นกงล้อโอฬารพานเหม่อมอง
เสียงกรีดร้องสัตว์นรกอกเวทนา
ทั้งชายหญิงวิ่งวนบนกงล้อ
ใต้มีหม้อน้ำร้อนกร่อนสังขาร์
ล้อหมุนเร็วเหวี่ยงชนร่วงหล่นมา
ทุกกายากลายสุกแสนทุกข์ทน
หม้อน้ำเดือดขนาดใหญ่ไม่เว้นว่าง
เต็มด้วยร่างมนุษย์ทุกแห่งหน
พอตายแล้วก็ฟื้นคืนเวียนวน
ตราบเศษผลแห่งกรรมจำเบาบาง
เธอพบเห็นดั่งนั้นพลันสังเวช
จึงแจ้งเจตจำนงลงสะสาง
โพธิสัตว์กษิติครรภ์พลันช่วยนาง
นรกว่างทันใดในบัดดล
เธอถามเขาเหล่านี้ที่ถูกโปรด
ท่านต้องโทษใดมาพาก่อผล
ตอบว่าเรากินเนื้อเมื่อเป็นคน
จึงไม่พ้นหม้อปรุงทุกข์ตามกรรม
กาลเวลาผ่านไปไม่นานนัก
เธอประจักษ์ว่าชนใหม่ได้ตกถลำ
ลงสู่ขุมนรกนี้ที่มืดดำ
กงล้อกรรมเริ่มหมุนชนวุ่นวาย...
12 มิถุนายน 2564 00:40 น.

หญิงโสเภณี...

คีตากะ

หญิงหนึ่งเป็นโสเภณีคดีต้อง
เขาจับคล้องโซ่ตรวนจวนประหาร
นำเธอลงหลุมใหญ่ให้ประจาน
ชนทุกย่านรายล้อมพร้อมลงทัณฑ์
ชนตราหน้าว่าเธอบาปและหยาบช้า
พิพากษาถึงตายโทษมหันต์
ต้องถูกหินขว้างใส่ในโทษทัณฑ์
จนอาสัญตามกรรมเธอทำมา
พระเดินผ่านพอดี ณ ที่นั้น
ฝูงชนหันแจ้งความถามปัญหา
สาธยายความชั่วมั่วกามา
ควรโทษฆ่าหรือไม่ในคดี
พระตอบว่าถ้าบาปเธอหยาบช้า
จำต้องฆ่าตกตายกลายเป็นผี
ก็ขอให้ผู้ไม่บาปตราบชีวี
คนแรกที่จับหินขว้างใส่ร่างเธอ
ชนต่างจ้องมองกันพลันนิ่งเฉย
ทุกคนเคยทำบาปบ้างพลาดเผลอ
ชนจึงทยอยกลับไปไม่พบเจอ
เหลือเพียงเธอกับพระองค์ศาสดา...
11 มิถุนายน 2564 22:00 น.

ท้องนาวันนี้...

คีตากะ

ท้องทุ่งนาวันนี้พิกลแปลก
คันไถแอกถูกทิ้งอิงแอบเสา
เห็นเคียวคานเหน็บฝาพาซึมเซา
แม้ทุยเจ้าก็ลับหายไม่เหลือรอย
เจ้านกเอี้ยงเดียวดายคล้ายส่งเสียง
ขาดคู่เคียงเพื่อนทุยคงเหงาหงอย
เกาะกิ่งตะเคียนวังเวงร้องเพลงคอย
เสียงเศร้าสร้อยตัดพ้อรอทุยย้อน
ท้องทุ่งร้างว้างเวิ้งและเหว่ว้า
คอยคนมาพลิกฟื้นคืนไถ่ถอน
เขาขุดนาขายดินสิ้นนาดอน
รับเงินก้อนขายนาต้องอาลัย
เปลี่ยนที่นามาเป็นทะเลสาบ
จากที่ราบเป็นที่ลุ่มชุมชนใหม่
มิเหลือแล้วชาวนาเคยอาลัย
เมื่อเอไอแทนที่วิถีชน
รถบรรทุกเข้า-ออกบอกลางเลศ
ชนวนเหตุนาร้างกลางไพรสณฑ์
เมื่อหนุ่มสาวเข้าเมืองเฟื่องกมล
ด้วยความจนชักนำจำทิ้งนา
อุตสาหกรรมสร้างเงินสูงเกินเทียบ
ไกลเกินเปรียบท้องทุ่งมุ่งอุตส่าห์
ใช้ที่น้อยสร้างเงินเกินอัตรา
แต่ท้องนาที่มากยากทำเงิน
ล้อเกวียนฝุ่นเกรอะกรังดั่งสิ้นค่า
หุ่นไล่กาคอตกอกขัดเขิน
เหลือยุ้งฉางว่างเปล่าเขาหมางเมิน
ท้ายก้าวเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์…
10 มิถุนายน 2564 19:26 น.

ฟ้าลงทัณฑ์....

คีตากะ

ฟ้าเคยงามสีครามเมฆลามไล้
มองครั้งใดให้สุขปลุกปลอมขวัญ
มาบัดนี้หม่นหมองครองชีวัน
ฟ้าแปรผันพิโรธมาโกรธเกรี้ยว
ลมพรมพลิ้วทิวสนจนเอนไหว
เคยเพลินใจได้มองต้องหันเหลียว
กลายพัดโบกโยกสนต้นล้มเทียว
ลมกราดเกรี้ยวด้วยกระไรไยโกรธา
ธารเคยไหลเคลื่อนคล้อยเอื่อยอ้อยอิ่ง
ยิ่งมองยิ่งใจสงบพบหรรษา
แต่แล้วธารพานโกรธโทษใดนา
จึงพัดพาสรรพสิ่งจมดิ่งไป
แดดเคยอุ่นยามสายหมายประสบ
ช่วยเลือนลบความเศร้าเฝ้าหลงใหล
กลับแผดเผาเร่าร้อนซ่อนเปลวไฟ
โกรธเคืองใดไยพร่าดั่งราวี
ฤาโลกเสียสมดุลวายวุ่นหนัก
สุดเกินจักเยียวยาพาบัดสี
ฤาต้องหาโลกใหม่ให้ชีวี
หากโลกนี้แตกดับลับบรรลัย
ฤาศีลธรรมถูกฆ่าจนอาสัญ
เบียดเบียนกันชีวิตจิตเผลอไผล
สรรพชีวิตนับล้านสังหารไป
ดาบจึงได้คืนสนองผองชนเอง....
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ