13 สิงหาคม 2558 22:42 น.
คีตากะ
อันช้างม้าวัวควายมากมายป่า
ยังนำมาฝึกหัดดัดนิสัย
สิ้นผยองพองขนกมลใน
สันดานไพรดิบเถื่อนเลือนมลาย
ความพยศหมดไปในจริต
กลายเป็นมิตรก่อประโยชน์โทษห่างหาย
เลิกร่อนเร่พเนจรซ่อนเร้นกาย
เคยดุร้ายกลายเชื่องเรืองปัญญา
แต่จิตคนวายวุ่นทั้งขุ่นข้อง
เดี๋ยวร่ำร้องเดี๋ยวหัวเราะเพราะตัณหา
เดี๋ยวก็มืดเดี๋ยวสว่างสร้างมายา
คอยผลาญพร่าเจ้าของต้องทุกข์ทน
กลับเพิกเฉยปล่อยไปไม่ฝึกหัด
ทรมานสัตว์ในจิตคิดฝึกฝน
จึงเป็นบ้าเป็นหลังเวียนวังวน
หนีไม่พ้นหมองเศร้ากร่อนเผาทรวง
*** ภาวนา คือการอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลอรรถธรรม รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวเองและสิ่งทั้งหลาย ไม่ให้จิตผาดโผนโลดเต้นแบบไม่มีฝั่งมีฝา ยึดการภาวนาเป็นรั้วกั้นความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผลอันจะเป็นทางแห่งความสงบสุข ใจที่ยังมิได้รับการอบรมจากภาวนา จึงยังเป็นเหมือนสัตว์ที่ยังมิได้รับการฝึกหัดให้ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์
ข้อคิดธรรมจากอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส
13 สิงหาคม 2558 22:43 น.
คีตากะ
อุทกภัยครั้งใหญ่ได้พ้นผ่าน
ทั่วทุกย่านน้ำลดหมดกังขา
บางพื้นที่น้ำยังท่วมขังนา
ชาวบ้านล้าอ่อนแรงแคลงกังวล
น้ำส่งกลิ่นเน่าเหม็นลำเค็ญหนัก
ซากพืชหมักหมมนานพานก่อผล
ทั้งขยะปฏิกูลพอกพูนชล
น้ำสีข้นขุ่นคลักประจักษ์ตา
จะเพาะปลูกพืชใดไร้ประโยชน์
ย่อมก่อโทษเสียหายเปล่าดายหนา
ต้องสูบน้ำออกทุ่งปรับปรุงนา
จึ่งหว่านกล้ารอบใหม่ได้อีกที
ดั่งบัณฑิตฝึกตนค้นหาแก่น
มัวโลดแล่นสร้างบุญหนุนราศี
แต่ไม่ละบาปกรรมมุ่งทำดี
ย่อมหามีประโยชน์ใดไม่ต่างนา...
13 สิงหาคม 2558 22:46 น.
คีตากะ
อย่าสำคัญมั่นตนเป็นคนเลิศ
ทุกคนเกิ ดเทียมเท่าเปล่าสังขาร
อันลาภยศชื่อเสียงเพียงพบพาน
ยามวายปราณไปตัวเปล่าเหลือเท่ามา
เห็นกงจักรเป็นดอกบัวเกลือกกลั้วจิต
ทำชีวิตมืดมนด้นแสวงหา
ยอมขลาดเขลามิเกลาจิตปลิดมารยา
พึ่งธรรมาก่อนสายชีพวายวาง
แก่ชราหนุ่มสาวหลากราวเรื่อง
ชีวิตเปลืองหมดไปใจหม่นหมาง
ตามกระแสโลกีย์มิเว้นวาง
เดินไกลห่างมรรคาสถาวร
ตนที่พึ่งแห่งตนผจญโลก
มัวอุปโลกน์กายใจยากไถ่ถอน
หลงในขันธ์ว่ากูอยู่นิรันดร
ใครเดือดร้อนช่างมันทำหันเมิน...
13 สิงหาคม 2558 22:48 น.
คีตากะ
ยืนเหม่อมองท้องนาแสนอาภัพ
ทุ่งระยับแวววาวราวแก้วใส
ข้าวเขียวเหลืองเรืองรองมองวิไล
มาจมใต้สายน้ำซ้ำความจน
ข้าวกำลังราคาดีมีความหวัง
ต้องมาพังลงครืนยืนสับสน
แทบสิ้นเนื้อประดาตัวทุกข์ทั่วคน
หนี้สินพอกท่วมท้นยิ่งจนใจ
น้ำท่วมแล้วดอกต้นยังท้นท่วม
ชาวนาอ่วมแย่ย่ำน้ำตาไหล
ที่นาผืนสุดท้ายคงมลายไป
จำนองไว้ใช้ทุนมาหมุนเวียน
กู้เงินจากธนาคารค่าหว่านไถ
เอาเงินไหนใช้คืนยืนปวดเศียร
เขามาทวงถึงบ้านพานวิงเวียน
แทบอาเจียนอกเอ๋ยใครเลยทน
เหลียวมองบ้านยิ่งช้ำเหมือนกรรมซัด
น้ำป่าพัดลับหายกลายล่องหน
เหลือเศษหินดินทรายพรายกมล
ยามแลยลยิ่งแสลงเสียดแทงใจ
เสียที่นาสูญบ้านพานทดท้อ
เช่านาต่อก็พลอยล้าพาหวั่นไหว
เหมือนดั่งตำน้ำพริกละลายไป
รันทดใจยิ่งแท้แพ้โชคชะตา
ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่ใครจะช่วย
ถึงคราวม้วยตัวเราเฝ้าอุตส่าห์
จึงถางดงพงพฤษ์ไพรพนา
สุดท้ายเจอข้อหารุกป่าดง...