17 พฤษภาคม 2556 21:35 น.
คีตากะ
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง แ ค่ ค น คั่ น เ ว ล า
แ ท ร ก เ ข้ า ม า ช่ ว ง สั้ น สั้ น วั น เ ธ อ เ ห ง า
ยื น เ คี ย ง ข้ า ง กั บ เ ธ อ เ ส ม อ เ ง า
เ พี ย ร ค อ ย เ ฝ้ า ดู แ ล แ ค่ ชั่ ว ค ร า ว
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง ค น นั้ น ใ น วั น เ ศ ร้ า
ที่ ค อ ย เ ฝ้ า เ ยี ย ว ย า ค ร า เ ห น็ บ ห น า ว
ช่ ว ย ป ร ะ โ ล ม ป ล อ บ ป ลุ ก ทุ ก เ รื่ อ ง ร า ว
จ น เ ธ อ ก้ า ว ต่ อ ไ ป ไ ด้ อี ก ค ร า
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง ใ ค ร ห นึ่ ง ซึ่ ง พ า น พ บ
บั ง เ อิ ญ ส บ วั น เ ธ อ เ จ อ ปั ญ ห า
ค อ ย ร่ ว ม คิ ด ร่ ว ม แ ก้ แ ค่ ผ่ า น ม า
จ น เ ธ อ ฝ่ า ข้ า ม ไ ป ไ ม่ เ ดี ย ว ด า ย
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง ค น บ้ า ก ล้ า เ อ า ร่ า ง
ยื น ต้ า น ข ว า ง พ า ยุ ดุ ก ร ะ ห า ย
เ พี ย ง ใ ห้ เ ธ อ พั ก ฟื้ น ห ยั ด ยื น ก า ย
สู่ จุ ด ห ม า ย ที่ ห วั ง เ ค ย ตั้ ง ใ จ
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง ค น ห นึ่ ง ซึ่ ง โ ง่ เ ข ล า
ที่ รั บ เ อ า อุ ป ส ร ร ค ห นั ก เ พี ย ง ไ ห น
ร่ ว ม เ ผ ชิ ญ พ ร้ อ ม เ ธ อ ย า ม เ จ อ ภั ย
วั น เ ธ อ ไ ร้ ใ ค ร แ ล แ ผ่ ก า รุ ณ ย์
อ า จ เ ป็ น เ พี ย ง ค น นี้ ที่ ถู ก เ ย า ะ
เ พี ย ง เ พื่ อ เ พ ร า ะ เ ข้ า ข ว า ง ท า ง ก ร ะ สุ น
บั ง เ ธ อ ไ ว้ ใ ห้ พ้ น จ น ก า ย พ รุ น
ล้ ม ค ลุ ก ฝุ่ น แ ท น เ ธ อ เ ส ม อ ม า...
17 พฤษภาคม 2556 21:04 น.
คีตากะ
นาทีสุดท้าย....ก่อนกลายว่าง
สู่เส้นทางสายเปลี่ยวกอดเกี่ยวฝัน
บนโลกร้างไร้แสงแห่งตะวัน
เมื่อเข็มนาฬิกานั้นพลันหยุดเดิน
นาทีสุดท้าย....ล้วนมลายลับ
สุดคว้าจับสิ่งใดให้หาวเหิน
ปลดกายใจปล่อยลงคงหนักเกิน
ก้าวย่างเดินเส้นทางร้างตัวตน
นาทีสุดท้าย....ทำลายฝัน
เพลินสร้างสรรค์นานมาพาสับสน
วนเวียนว่ายหลายคราวร้าวกมล
ก้าวข้ามพ้นสมมุติหยุดโศกา
นาทีสุดท้าย....เหมือนตายจาก
ต้องจำพรากรูปนามท่ามสังขาร์
ปลดวางแอกบาปบุญสู่สุญตา
หลอมวิญญาณ์ละลายมลายเลือน
นาทีสุดท้าย....กลายแปรเปลี่ยน
ราวดั่งเทียนมอดดับลับเสมือน
เหลือเถ้าควันเบาบางอันรางเลือน
ก่อนคล้อยเคลื่อนสู่อากาศปราศร่องรอย...
17 พฤษภาคม 2556 21:33 น.
คีตากะ
ค่ำคืนหม่นฟ้าเวิ้งนองเจิ่งน้ำ
ล่องลำนำเรือยนต์บนธารไหล
บนถนนเคยเที่ยวเคี้ยวคดไกล
แปรเปลี่ยนไปเป็นคลองสองฝั่งทาง
สองฟากฝั่งคลองสองน้ำนองหลาก
ธารเชี่ยวกรากท่วมท้นจนหมองหมาง
ชำระกรรมผองชนจนเจือจาง
ทั่วทุกบางจมหายภายใต้ชล
ล่องเรือผ่านเทวษทุกข์ธารรุกเข้า
กลืนเมืองเอาแทบสิ้นทุกถิ่นหน
พรจากฟ้าครานี้มากพิกล
พรากผู้คนจากเคหาจำลาไกล
ท่ามความมืดอับแสงลมแรงพัด
สายธารซัดผองชนเกินทนไหว
ทิ้งถิ่นฐานอพยพหลบเภทภัย
เดินแหวกในสายชลบนทางจร
แววตาเศร้าเคล้าวิตกระหกระเหิน
ร่วมเผชิญเคราะห์กรรมจำทอดถอน
ดั่งกรุงแตกแหวกว่ายในสาคร
เฝ้าวิงวอนฟากฟ้าให้ปราณี
บ้างนั่งเรือ, ลอยคอ บ้างถ่อแพ
บางคนแค่ห่วงยางนำร่างหนี
บ้างเดินฝ่าสายชลล้นวารี
แทบจมศีรษะตนพ้นแค่คอ
บ้างจูงลูกจูงหลานซมซานหนัก
บางคนรักหมาแมวแจวเรือปร๋อ
บรรทุกสัตว์เต็มลำน้ำตาคลอ
มิทดท้อต่อชะตาฝ่าเกลียวคลื่น
หมู่บ้านสองข้างทางแทบร้างสิ้น
ทั่วแผ่นดินน้ำนองมองสุดฝืน
เพียงเดือนดาวพราวฟ้าคราค่ำคืน
ที่หยิบยื่นแสงมาคราวิกาล
วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ
คำพุทธิตรัสสอนทอนสังหาร
ความทุกข์ด้วยความเพียรเวียนแผ้วพาน
ด้วยจิตหาญมิหวั่นพรั่นสะพรึง
มองสายน้ำตามทางอ้างว้างจิต
ไปเถิดมิตรน้องพี่ที่คิดถึง
สู่หนทางแห่งใหม่ไร้คลองบึง
ไกลคลองหนึ่งคลองสองล่องนาวา
ดั้นด้นเถิด...ดั้นด้นก่อนชลโถม
รุกชโลมซ้ำอีกปลีกสังขาร์
ถุงยังชีพจำเป็นเร้นกายา
รอวันหน้าฟ้าใหม่ได้พบกัน
ขอพระแม่คงคาชลาศัย
โปรดอภัยในบาปอาบมหันต์
ความบริสุทธิ์แห่งแม่แผ่คุณอนันต์
เจือจุนส่ำสัตว์นั้นอย่าผันแปร
เพียงความเขลาอวิชชาแห่งมานุษ
จึงรั้งฉุดแม่มาพากระแส
ท่วมธรณีหลากล้นท้นดวงแด
เพียงหมายแค่ปลุกชนค้นหาธรรม
ข้าขอน้อมศิโรราบล้างบาปเคราะห์
หมายธารเซาะล้างชุบอุปถัมภ์
แม้ตกตายมิเสียดายหมายชีวัน
เพียงมุ่งมั่นจิตพิสุทธิ์สู่พุทธภูมิ...
17 พฤษภาคม 2556 21:08 น.
คีตากะ
โอ้ โลก ตื่นเถิดและมองดู
แม่น้ำและภูเขากำลังอยู่ในความวุ่นวาย
ป่าที่ถูกเผา เนินเขาที่ถูกกัดกร่อน ลำธารที่เหือดแห้ง
ที่สุดแล้ว จิตวิญญาณที่อับเฉาจะไปที่ใดในตอนท้ายของทุกความฝัน
โอ้ โลกผู้ยิ่งใหญ่ ขอให้ความทุกข์มรมานของท่านจงบรรเทาลง
เพื่อให้น้ำตาเหล่านี้ลดน้อยลงในค่ำคืนอันแสนยาวนาน
โอ้ ทะเล และทะเลสาบ อย่าได้หยุดยั้งท่วงทำนองของท่าน
เพื่อมอบความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ให้แก่มนุษยชาติ
โอ้ สรรพสัตว์ จงหยุดพักในดินแดนเบื้องบน
ถึงแม้ท่านได้จากไปโดยไม่มีการเอ่ยกล่าวใดๆ
ขอให้การเต้นแรงของหัวใจฉันบรรเทาลง
ขณะที่ฉันกำลังรอคอยการสำนึกผิดที่ทันเวลาของชาวโลก
โอ้ ป่าลึก อนุรักษ์ไว้ซึ่งแก่นที่แท้จริงของท่าน
ปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ในช่วงเวลาที่พวกเขาทำผิดพลาด
โปรดรับหยาดน้ำตานับพันครั้งจากใจจริงของฉัน
เพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ ใบไม้ และรากไม้ ที่สง่างามของท่าน
โอ้ หัวใจ จงบรรเทาการคร่ำครวญของท่าน
เพื่อให้จิตวิญญาณของฉันได้พักผ่อนในค่ำคืนอันแสนยาวนาน
น้ำตาได้เหือดแห้งไป และฉันไร้คำพูด
คร่ำครวญอย่างรวดร้าวให้กับผู้ทุกข์ทรมาน
โอ้ ค่ำคืน โปรดจุดประกายแห่งแสงของท่าน
ส่องหนทางให้กับดวงวิญญาณของเหล่ามนุษย์ที่อยู่ในความมืด
โปรดสงบนิ่งเพื่อให้จิตใจของฉันมั่นคง
และเข้าสู่ความว่างเปล่าด้วยท่วงทำนองอันมหัศจรรย์แห่งสวรรค์
โอ้ กลางวัน อย่าได้ปลุกเร้าความโกลาหลในทันใด
เพื่อให้สันติภาพได้พำนักอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเรา
เพื่อให้การดิ้นรนของมนุษยชาติเบาบางลง
เพื่อให้ตัวตนที่แท้จริงได้ส่องแสงอย่างรุ่งโรจน์
โอ้ หัวใจของฉัน อย่าได้เศร้าโศกอีกต่อไป
ดั่งแมลงที่กำลังดิ้นรนอยู่ในฤดูหนาวอันเยือกเย็น
รอคอยวันพรุ่งนี้ที่สมบูรณ์แบบอย่างสงบ
และวันที่โลกจะถูกประดับด้วยกลดแห่งสวรรค์
โอ้ ฉันร้องไห้ ฉันขอวิงวอน ฉันภาวนา ฉันขอร้อง!
โอ้ พระพุทธะ ผู้ไร้ขอบเขต พระเจ้า เหล่าเทวดา
โปรดนำทางวิญญาณที่พลัดหลงจากหนทางแห่งสัจธรรม
ซึ่งเร่ร่อนอยู่ในวัฏจักรนรกแห่งความทุกข์ไม่รู้จบ
โอ้ พี่ชาย ตื่นเดี๋ยวนี้
เดินอย่างภาคภูมิใจ ในทะเลและแม่น้ำอันยิ่งใหญ่
มองตรงไปยังดวงอาทิตย์ที่ลุกเป็นไฟ
และปฏิญญาณที่จะเสียสละเพื่อสรรพสิ่งทั้งหลาย
โอ้ พี่สาว ตื่นเดี๋ยวนี้
ลุกขึ้นจากสถานที่แห่งการทำลายล้าง
เรามาร่วมฟื้นฟูโลกของเราไปด้วยกัน
เพื่อให้ทุกคนร้องเพลงแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีความสุข
17 พฤษภาคม 2556 21:46 น.
คีตากะ
ยามใกล้รุ่งดุเหว่าเร้าขับขาน
แว่วกังวานหวานโสตอุโฆษเสียง
ค่อนคืนดึกลึกล้ำส่งสำเนียง
ยลยินเพียงดุริยางค์หว่างราตรี
ค่ำคืนแสนยาวนานล้วนผ่านพ้น
ฝันวกวนซ้ำซากยากหลีกหนี
มีวันตื่นฟื้นหายกลายเปรมปรีดิ์
เยี่ยงชีวีดุจฝันแปรผันไป
สุขทุกข์เฉกพระพายระบายสะบัด
หมายทานทัดยากยิ่งสิ่งเคลื่อนไหว
จะยับยั้งเหนื่อยเปล่าเขลาฤทัย
เพียงหัวใจไหวหวั่นพรรณนา
เลื่อนไหลไปดั่งธารกาลสมัย
ลับหายไปมิหยุดดุจสังขาร์
จ่อมจมไปดั่งสินธุ์จินตนา
สุดท้ายคว้าสิ่งใดเอาไว้ฤา....