12 เมษายน 2556 21:41 น.

ภาษารัก...

คีตากะ

เน้นอักขรวิธีที่ถูกต้อง ท่วงทำนองอ่านเขียนเพียรศึกษา คำควบกล้ำย้ำนักอักษรา ภาษาอย่าวิบัติฝึกหัดลอง ภาษาคนมิเพี้ยนเรียนเก่งกาจ แต่อนาถภาษารักชักหม่นหมอง ไยผิดเพี้ยนเรียนซ้ำน้ำตานอง ความรักพร่องห่างหายคล้ายหมอกควัน ภาษารักวิบัติอึดอัดจิต ทั่วทุกทิศเกลียดชังนั่งโศกศัลย์ ยิ่งขัดแย้งแรงกล้าราวีกัน ทุกวี่วันแลเห็นเป็นอาจิณ สะกดคำว่ารักชักหวาดหวั่น เกรงคำนั้นเลิกใช้ให้ถวิล ความหมายเปลี่ยนเพี้ยนไปใจชาชิน ยามยลยินคำรักแสนหนักทรวง รักเพียงหวังครอบครองปองประโยชน์ รักแล่นโลดตามฝันอันแสนหวง รักกลายแค้นแสนรักมักหลอกลวง รักแล้วทวงถามรักชักงมงาย รักตัวเองไม่เป็นเฟ้นหารัก ยิ่งทุกข์หนักกว่าใครไปมากหลาย รักแล้วทุกข์ลุกลนกระวนกระวาย รักกลับกลายวิบัติตัดใจลา จดจารคำว่ารักสลักเขียน แล้ววนเวียนเปล่งเสียงเพียงภาษา ความหมายใดไม่แจ้งแคลงอุรา คงต้องหาอนุบาลวารช่วยแปล....
12 เมษายน 2556 21:43 น.

ความบ้า....

คีตากะ

op24.jpg












เพียงสายลมโบกไหวสั่นใจวุ่น
ธุลีฝุ่นบดบังนั่งกังขา
สร้างตัวตนบนฐานรากจากมายา
ย่อมไขว่คว้าอากาศธาตุปราศสิ่งใด

หลงยึดถือดื้อเอาว่าเขามี
ทั้งทั้งที่ตนว่างร้างไฉน
ทุกข์จึงเกิดเตลิดหลงเข้าพงไพร
ถูกหนามไหน่แทงทิ่มเลือดปริ่มเปื้อน

สิ่งแวดล้อมลวงหลอกกลับกลอกซ้ำ
ด้วยถ้อยคำแห่งมารพานเชือดเฉือน
เขาสมมุติกุกันจนฟั่นเฟือน
เราพลันเลือนตามเขายิ่งเมามัน

แกว่งจนเซแทบทรุดยากหยุดยั้ง
แต่เพียงนั่งมองตนบนรอยฝัน
พบความบ้าพาจิตวิปริตอัน
เพราะยึดมั่นความลวงพ่วงใจตน

ฟ้ายังสูง ดินยังต่ำ ลำธารไหล
ระหว่างใจสงบนิ่งอิงเหตุผล
สักแต่ว่าหาเกี่ยวข้องล่องตามชล
ย่อมหลุดพ้นภาพฝันอันเลื่อนลอย....



พุทธพจน์  :  คนเขลาย่อมเดือดร้อนว่า บุตรของเรามีอยู่ ทรัพย์ของเรามีอยู่ ก็ตนของตนยังไม่มี บุตรและทรัพย์จักมีแต่ที่ไหน ?

(ตนประกอบด้วยธาตุ 4( ดิน น้ำ ลม ไฟ) และขัณฑ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) มีธรรมชาติว่างเปล่าหาแก่นสารสาระมิได้) 






				
12 เมษายน 2556 21:44 น.

หนึ่งพันวัน....

คีตากะ





ตะวันรอนอ่อนแสงอัสดง
สิ้นสูรย์คงรัตติผลิกลีบฉาน
พิรุณลับดับไปในห้วงกาล
ทิ้งสายธารเจิ่งนองครองปฐพี

นาฬิกาทรายหลั่งรินใกล้สิ้นสุด
วันเร่งรุดสู่ปัจฉิมปริ่มดิถี
จวนใกล้ค่ำย่ำแสงแห่งราตรี
หลายพันปีผ่านมายังอาลัย

หนึ่งพันวันที่เหลือเพื่อลาจาก
จำพลัดพรากจากนุชสุดหวั่นไหว
เคยขับกล่อมเพลงรักสลักใจ
ตราตรึงในดวงจิตคิดคำนึง

จะมั่นรักต่อเจ้าเฝ้าฟูมฟัก
แม้นโลกจักมลายสิ้นถวิลถึง
จะคงมั่นมิผันแปรแม่เอวกลึง
ร้อยรำพึงรักฝากก่อนจากลา...










				
12 เมษายน 2556 21:45 น.

วงปีแห่งต้นคูน....

คีตากะ






กลีบดอกคูนเหลืองอร่ามยามหน้าแล้ง
ยังกวัดแกว่งใต้ลมพรมพลิ้วหา
บ้างหลุดร่วงรองเรืองเนืองพสุธา
สีสดตาซีดจางกลางผืนดิน

สายลมร้อนพัดพามาปะทะ
ก่อนจะผละจากไปให้ถวิล
ห้วงเวลาแห่งนิรันดร์ผันชีวิน
ปลาสนาการสิ้นโบยบินไป

ชีวิตดั่งโอกาสวาดกำหนด
สรรค์สร้างบทนิยายคล้ายเหลวไหล
สร้างตัวตนตามฝันอันพิไล
เริ่มต้นใหม่ซ้ำซ้ำเหมือนจำทน

มาตรว่าคูนต้นนี้ในปีหน้า
คงแกร่งกว่าปีนี้มีดอกผล
แผ่ก้านใบไพศาลตระกานยล
วงปีต้นเพิ่มใหม่ไปอีกปี.....

				
12 เมษายน 2556 21:46 น.

นางฟ้าบำเพ็ญธรรม.....

คีตากะ



เทพธิดาแห่งฟ้าสง่าศักดิ์
ทวยเทพรักแหนหวงดวงสมร
งามหยาดฟ้ามาดินกลิ่นขจร
แม่งามงอนแสนสุขทุกทิวา

ด้วยบุญหนักศักดิ์ใหญ่ได้กายเกิด
รูปงามเลิศแดนดินถิ่นอนาถา
ใครเห็นรักปักใจในกานดา
หลงรูปพากลัดหนองปองนารี

บุญพาวาสนาส่งอนงค์นารถ
ให้พบปราชญ์เปี่ยมธรรมนำวิถี
รับทอดธรรมล้ำลึกนึกยินดี
ยังเทวีปรีดิ์เปรมเกษมทรวง

ธรรมวิถีบุราณสืบสานสร้าง
สอนปล่อยวางทุกสิ่งยิ่งแสนหวง
ละความงามทรามเชยเลยหวั่นทรวง
เกรงพ้นบ่วงแห่งบุญหนุนนำมา

ธรรมสุขุมลุ่มลึกคัมภีรภาพ
ทิ้งบุญบาปหนหลังเธอกังขา
เหนือวิสัยในโลกอุปโลกน์มา
ยังกานดาสงสัยในหลักธรรม

กร่อนอัตตาตัวตนนางทนทุกข์
ดุจไฟลุกร้อนไหม้ใจคมขำ
ชะล้างใจใสสดปลดบ่วงกรรม
เฉกยาล้ำรสขมพรมกายใจ

เหตุเพราะความถือตัวเมามัวจิต
เพียงน้อยนิดบังตาพาหลงใหล
รักสนุกสุขเทียมเปี่ยมทุกข์ภัย
ขาดวินัยบำเพ็ญเป็นอาจิณ

มิยอมทนขัดเกลาเสลาสลัก
ยอมจมปลักความเศร้าเฝ้าถวิล
หลงรูปลักษณ์แห่งตนก่นชีวิน
ย่อมยากสิ้นอาสวะละโพยภัย

กองคารวานแห่งธรรมเธอจำพราก
ฟังลมปากหมู่มารพานเฉไฉ
สู่สงสารธารเชี่ยวเคี้ยวคดไกล
เกลือกกองไฟแห่งทุกข์ลุกระทม

โชคเข้าข้างกานดาคราล่วงลับ
เคยพบกับสุคตหมดขื่นขม
จุติสรวงล่วงทุกข์สุขอารมณ์
กรกรานก้มเบื้องบาทนาถเมธี....

				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ