12 เมษายน 2556 21:36 น.
คีตากะ
เจ้าสุนัขเจ้าเล่ห์เฝ้าเคหะ
ท่านผู้ละวางโลกสิ้นโศกศัลย์
วันหนึ่งจรจาริกปลีกชีวัน
สู่เมืองอันเป็นทิพย์ไกลลิบตา
เจ้าสุนัขแสนรู้เดินอยู่หลัง
คอยระวังเภทภัยให้รักษา
ระหว่างทางพบกระดูกถูกทิ้งมา
ชิ้นโตกว่าคราวใดใจเปรมปรีดิ์
มันเร่งรีบขุดหลุมจนลุ่มลึก
ใต้โพธิ์พฤกษ์ต้นใหญ่ใจสุขี
คาบกระดูกฝังกลบสบฤดี
จดจำที่ตำแหน่งจนแจ้งใจ
มันติดตามนักบุญพลางครุ่นคิด
มุ่งหมายจิตแทะกินสิ้นสงสัย
รอวันกลับนับกาลผ่านเลยไป
แต่หาใครได้กลับต่างลับเลย.....
มันติดตามนักบุญพลางครุ่นคิด
มุ่งหมายจิตแทะกินสิ้นสงสัย
ยามหวนมาคราหน้าพาสุขใจ
มันจะได้กินหรือเปล่าวันเฝ้ารอ ?
เจ้าสุนัขจอมฉลาดเจ้าเพียรพยายามสะสมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อวันพรุ่งนี้
แต่จะมีใครบ้างที่จะรู้ว่าเวลาของเจ้าจะหมดลงเมื่อใด?
เจ้าสุนัขจอมเจ้าเล่ห์เจ้ารื่นเริงบันเทิงใจและแสวงหากอบโกยความสุขเพื่อวันพรุ่งนี้
แต่จะมีใครบ้างที่จะรู้ว่าวันพรุ่งนี้เจ้าจะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาหายใจอีกครั้งหรือไม่?
เจ้าสุนัขจอมวางแผนเจ้านั่งใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้
แต่แท้ที่จริงแล้วหนึ่งนาทีนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ของเจ้าอีกแล้ว เจ้ารู้ถึงความตายอะไรของเจ้าบ้าง?
12 เมษายน 2556 21:37 น.
คีตากะ
บนถนนที่ว่างเปล่า....
ฉันก้าวเท้าแสนหนักปักใจมั่น
ผ่านความหนาวร้าวเหลือเหนือคืนวัน
เบื้องหน้านั้นมืดมิดจิตหวาดกลัว
ทิวาวารอำลาฟ้าเปลือยเปล่า
มีเพียงเงาจากแสงดาวพราวสลัว
เงาทะมึนของหมู่ไม้ไหวระรัว
รอบตนตัวโดดเดี่ยวเดินเดียวดาย
สายลมล่องเย้าหยอกบอกกระซิบ
ทางไกลลิบเกินไปในจุดหมาย
พักเสียก่อนนอนพักจักสบาย
ก่อนลับหายจางไปไร้ร่องรอย
เสียงนกฮูกกลางคืนยืนตีปีก
ร้องบอกหลีกหลบไปให้รีบถอย
ความตายอยู่เบื้องหน้าอย่ามัวคอย
คนไม่น้อยไปลับไม่กลับมา
ฉันยังเดินต่อไปไม่เหลียวหลัง
ดอกไม้ยังส่งกลิ่นถวิลหา
มันเบ่งบานกลางคืนยื่นดอกมา
ยิ้มเริงร่าเย้ายวนชวนลิ้มลอง
ท่ามกลางทะเลทรายที่รายล้อม
นภาย้อมสีดำทำหม่นหมอง
ฉันนั่งลงข้างดงหนามความเหนื่อยครอง
หลับตาสองข้างนั่นอันหนักหน่วง
พลันความมืดบ่งบอกออกเสียงสั่ง
เจ้าจงรั้งอยู่นี่ที่แดนสรวง
ข้าจะมอบพลังแห่งทั้งปวง
ให้เจ้าช่วงใช้ได้ตามใจตน
ฉันเอื้อนเอ่ยวาจาว่าเงียบเถิด
อย่าเตลิดไปไกลให้สับสน
อัตตาเอ๋ยอย่าพล่ามยามทุกข์ทน
ข้าหมายพ้นความเศร้าเผาลนใจ.....
12 เมษายน 2556 21:38 น.
คีตากะ
พอหรือยังกับตัวตนทำหม่นไหม้
จับยึดไว้เร่าร้อนนอนโศกศัลย์
ทิ่มแทงซ้ำย้ำคิดจิตรำพัน
สร้างความฝันฟุ้งเฟ้อละเมอครวญ
เจ็บพอไหมร้าวรวดแสนปวดแสบ
เอามาแนบกอดไว้ให้คิดหวน
ภาพเหตุการณ์รานร้าวคราวทบทวน
ยังใจป่วนแปรเปลี่ยนอยู่เวียนวน
เดินพันหลักตรวนโซ่เซโซนัก
เดี๋ยวเรื่องรักเรื่องชังนั่งสับสน
เดี๋ยวก็อยากไม่อยากซ้ำซากทน
เสียงเพ้อบ่นอาลัยไม่เคยจาง
ทุกข์สาหัสพอไหมใจแบกรับ
หวังคว้าจับภาพลวงตาพาหมองหมาง
อีกกี่ทุกข์กี่รอยจะปล่อยวาง
หรือรอร่างล้มหายค่อยคลายปม
ทุกข์สุขเศร้าใครเล่าเอามาแบก
ทั้งโซ่แอกใครล่ามความขื่นขม
ใครระบุมีเรา-เขาเฝ้าชื่นชม
ใครผูกปมเงื่อนนั้นพันธนา ?
12 เมษายน 2556 21:39 น.
คีตากะ
รัตติกาลประดับดาวหนาวลมค่ำ
นั่งดื่มด่ำแสงอุ่นละมุนไหว
กะพริบดาวพราวฟ้าจ้าอำไพ
คืนหลับใหลยังมีจันทร์นั้นคู่เคียง
ปฐพีเยี่ยงนี้มีกี่แห่ง
จันทร์ทอแสงเย็นเยียบเงียบสรรพเสียง
โลกโคจรผ่านหมู่ดาวพราวรายเรียง
มุมเอนเอียงสร้างสีสันบรรเจิดพราย
ทอดตาทั่วแผ่นดินถวิลถึง
ขุนเขาซึ่งทอดเงาเนาเฉิดฉาย
ธาราใสไหลเย็นเป็นประกาย
อยู่ใต้ภายแสงรพีคลี่ปีกกาง
บุปผชาติดาษดื่นยืนโดดเด่น
แอบซ่อนเร้นกลางไพรที่ไกลห่าง
ต้นไม้ใหญ่ใบหนาอ้าแขนกาง
ยอดเลือนรางในเมฆาเสียดฟ้าคราม
สัตว์น้อยใหญ่แปลกตาดาษดาเหล่า
อาศัยเนาพงพีมีล้นหลาม
สงบสุขสนุกใจในทุกยาม
อยู่กันตามประสาบรรดามี
ภาพความงามเหล่านี้มีอีกไหม
เมื่อคนใจอำมหิตจิตบัดสี
จ้องเข่นฆ่าชีวิตคิดราวี
สัตว์มากมีล้มตายทอดกายลง
เมื่อมนุษย์สุดประเสริฐเกิดเป็นยักษ์
หมายจ้องควักตับไตด้วยใหลหลง
เสพเลือดเนื้อเพื่อนสัตว์ตัดชีพปลง
สุดท้ายลงอเวจีใช้หนี้กรรม
12 เมษายน 2556 21:40 น.
คีตากะ
ฟังเสียงโลกโศกสลดกำสรดแสน
ทั่วถิ่นแคว้นร้อนเร่าเพลิงเข้าสุม
ลมแปรปรวนโบกสบัดพัดครอบคลุม
ทะเลคลุ้มบ้าคลั่งพังหาดทราย
ธารน้ำแข็งครวญครางพลางปริแตก
ละลายแทรกธาราบ่าเป็นสาย
ท่วมเกาะแก่งดาดดื่นกลืนผืนทราย
ล้วนจมหายล่วงลับกับสายชล
เพลิงลุกป่าเมามันหมอกควันทั่ว
เมืองสลัวเลือนรางพลางฉงน
เกิดอาเพศอันใดให้พิกล
ทั้งฟ้าฝนผิดแผกแหวกฤดู
ฤาถึงคราวเวรกรรมจำชดใช้
ผู้ดีไพร่เสมอกันพลันอดสู
อย่าหลบตามัจจุราชเขลาขลาดดู
วันพิพากษารออยู่ทุกผู้คน.....