26 สิงหาคม 2551 19:42 น.

มายากลบนเรือนร่าง

คีตากะ

โอ้กวีฝีปากกล้าน่าเคารพ
กายเพียงศพสุสานอาหารหนอน
มินานร้างห่างจิตคิดอาวรณ์
เพียงอาภรณ์ภายนอกแค่หลอกลวง

มายากลบนเรือนร่างสำอางอ่อน
ดุจละครบทซึ้งถึงท่าท่วง
หลากลีลาพร่าพรายหลายเล่ห์ลวง
จำพ้นล่วงจากกรรมด้วยจำนน

จับเพียงเปลือกเกลือกกลั้วว่าชั่วช้า
แท้เพียงตามืดบอดปลอดเหตุผล
ทุกอารมณ์ห่มกายในตัวตน
ดำรงชนสืบทอดรอดสูญพันธ์

หากชีวิตปลิดตัณหาแลราคะ
โลกย่อมจะวิบัติตัดสร้างสรรค์
ย่อมถึงคราสลายไปในเร็ววัน
ด้วยโลกนั้นปราศชีวิตสถิตใน

เหรียญหนึ่งมีสองด้านอย่าพาลบ่น
ใช้เหตุผลวิเคราะห์เหมาะสมไหม ?
นี่คือธรรมกำหนดกฏเกณท์ไป
เพียงแต่ใจท่านแจ้ง ฤ แคลงคลาง?

มองให้ซึ้งถึงจิตครุ่นคิดหน่อย
รอยด่างพร้อยเกิดได้ด้วยใจหมาง
หากหัวใจใสสดปลดละวาง
แม้เรือนร่างเปื้อนโลกีย์ผิดที่ใด?

ร่างสะอาดจิตโสโครกจึ่งโศกแท้
ด้วยพ่ายแพ้แก่ตนจนเหลวไหล
กายหมดลมจมดินโบยบินไป
แต่หัวใจคงอยู่เชิดชูนาน

ถอดอาภรณ์รอดพ้นบนห้วงทุกข์
ย่อมพบสุขจริงแท้แผ่สืบสาน
เดินผิดธรรมจำทนทรมาน
ย่อมยากผ่านมายาคร่าจิตตน



ไร้ซึ่งความโลภ โกรธ หลง ตัณหาและราคะ 
ย่อมไร้ซึ่ง ศีล สมาธิ และปัญญา
มีความโลภ โกรธ หลง ตัณหาและราคะ
ย่อมมี ศีล สมาธิ และปัญญา

วิมลเกียรตินิเทสสูตร
เรื่องราวของศิษย์ฆาราวาส
ผู้ครองเรือนในโลกียภูมิ
ของพระพุทธองค์ที่ทรงยอมรับว่า
บรรลุระดับชั้นพุทธะแล้ว
เล่าโดยพระอานนท์.....
				
20 สิงหาคม 2551 19:21 น.

จันทร์พันดาว....

คีตากะ

สุริยันจันทราบนฟ้ากว้าง
เหมือนเคียงข้างคู่กันมั่นไฉน
ต่างฉายแสงแรงกล้าส่องฟ้าไกล
ล้วนเผาไหม้ตนเองเปล่งประกาย

แต่ท้องฟ้าที่ว่ากว้างกว่ากว้าง
มีที่ว่างสุดคณาเกินกว่าหมาย
กลับลาร้างว่างเว้นเช่นวางวาย
ไร้จันทร์ฉายคู่ตะวันทุกวันวาร

มีเพียงหนึ่งกึ่งกลางทางช้างเผือก
คงเย็นเยือกเดียวดายพรายสืบสาน
กี่ทิวาราตรีที่ยาวนาน
ฤดูกาลหมุนเปลี่ยนวนเวียนไป

เดือนสกาวดาวประดับมิอับแสง
ประชันแข่งงดงามอร่ามใส
พรหมลิขิตชิดเชยเอ่ยความนัย
จันทร์เผลอใจให้ดาวพราวนภา

หากแต่ว่าโลกานี้มิอาจร้าง
ตะวันพร่างพรายแสงแห่งเวหา
ไร้ตะวันพลันไร้เดือนเคลื่อนนภา
ทุกชีวาดับหายมลายเลือน.....



				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ