5 พฤษภาคม 2550 15:47 น.
คีตากะ
นกน้อยในกรงทองเจ้าของรัก
เฝ้าฟูมฟักทักเล่นเช้าเย็นหา
ให้อาหารประทานน้ำประจำมา
นกเริงร่าช้านานกาลผันแปร
จนถึงวันเจ้าของต้องจากไกล
ทิ้งนกไว้ไม่เหลียวแลลืมแยแส
นกอดตายวายสิ้นดับดิ้นแด
ทอดกายแผ่เหลือแค่ซากฝากประจาน
จานอาหารจานน้ำจำเหือดแห้ง
ทั้งที่แหล่งแอ่งน้ำลำธารผ่าน
อยู่มิไกลใกล้ป่ามาวายปราณ
น่าสงสารอาหารหลากยากเกินกิน
ภาพสะท้อนย้อนใจในวิหค
เรื่องสาธกนกตายให้ถวิล
เปรียบชีวิตติดยึดอยู่อาจิณ
ลืมโบยบินสิ้นใจในกรงทอง.....
2 พฤษภาคม 2550 19:23 น.
คีตากะ
เขียนเสือไว้ให้วัวจักกลัวขลาด
เหลือกระดาษขาดวิ่นสิ้นแก่นสาร
ศาสนาน่าอนาถขาดวิญญาณ
คนประจานหวานปากฝากจำนรรจ์
บัญญัติไว้หรือไม่ไยแตกต่าง
เมื่อธรรมร้างห่างใจไกลเกินฝัน
ซากภาษาหาใช่หลักจักยึดมั่น
ปราชญ์ประชันมันคารมถ่มวาจา
ท่านชี้จันทร์ไม่หันมองฤามองเห็น
หลับเช้าเย็นเป็นอยู่มิรู้หา
จับเพียงเปลือกไม่เลือกแก่นแว่นสัจจา
มิเบิกตาหรือจะแจ้งแดนแห่งธรรม
เขาชี้ทางวางไว้หวังใจสงบ
ใช่รุกรบสยบกันจ้องหยันหยาม
มิแก้ไขใจตนฝึกฝนตาม
มัวไถ่ถามตามหาศาสนาไย ?
2 พฤษภาคม 2550 18:39 น.
คีตากะ
คืนเดือนแรมแต้มทาท้องฟ้าดำ
เสียงฝนพรำฉ่ำชื่นระรื่นไหล
บ้างถี่เร็วเร่งเร้ายวนเย้าใจ
บ้างร่ำไรไห้ครวญชวนโศกา
ดึกสงัดชัดถ้อยหยาดร้อยเรียง
นอนฟังเสียงสายฝนหล่นเวหา
ตกกระทบกลบดังบนหลังคา
ทั่วดินฟ้าบ่าจมพรมพิรุณ
หยดน้ำใสไหลเย็นกระเซ็นซ่าน
ก่อประสานธารทอต่อเนื่องหนุน
เคยร้อนแล้งแห่งใดไหลเจือจุน
กาลเวียนหมุนพิรุณมาบุปผาบาน
ผ่านทิวาราตรีกี่นิทรา
จะโหยหาอาลัยไร้แก่นสาร
มีสุขเศร้าเคล้าคละประสบการณ์
ดั่งฤดูกาลผ่านเวียนมีเปลี่ยนแปลง
2 พฤษภาคม 2550 18:20 น.
คีตากะ
เมฆล่องฟ้ามาเร็วดังเปลวคลื่น
ฟ้าร้องครืนครวญครางไม่ห่างหาย
ลมบนแรงแฝงพลังพังทลาย
ไม้เรียงรายไหวพลิ้วลู่ปลิวลม
พายุโถมโหมซัดเข้าพัดใส่
ฝนเม็ดใหญ่ไหลรัวกลั้วผสม
บ้านเคหาสถ์กลาดเกลื่อนเคลื่อนตามลม
ต้นไม้ล้มจมหายในพริบตา
เหลือเพียงซากปรักพังทุกอย่างสิ้น
น้ำตารินถิ่นอาศัยใจห่วงหา
เคยหลบภัยพลันลับหายกับสายตา
เหตุใดฟ้าไม่ปราณีปฐพีรวน
โอ้ชีวิตมิผิดแน่แค่ความฝัน
หาคงมั่นผันแปรแลผันผวน
เรื่องราวหลากมากมายให้แปรปรวน
ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าจะเศร้าไย ?