28 ธันวาคม 2550 01:01 น.
คีตากะ
ถามไถ่ดาวสาวไกลไยเงียบหาย
ส่งจดหมายหัวใจให้เสมอ
ล้านคำรักจักบอกไม่หลอกเธอ
จิตใจเพ้อครวญอยู่มิรู้คลาย
แม้นชอบอำทำฉันหวาดหวั่นจิต
บางคราวคิดน้อยใจไร้จุดหมาย
แต่ด้วยรักปักใจให้มากมาย
ไม่เคยหน่ายเธอแสร้งกลั่นแกล้งกัน
เธอแสนงอนอ้อนนักมักซุกซน
ชอบเล่นกลกานดาหฤหรรษ์
ทำฉันงงหลงเธอเพ้อรำพัน
คงรักมั่นเนานานวันผ่านมา
หากอกหักรักนี้ยินดีพร้อม
คงยินยอมให้เธอไปไม่โหยหา
แต่สิ่งหนึ่งพึงสั่งฟังวาจา
โปรดอย่ามาห้ามฉันรักเธอสักวัน.....
26 ธันวาคม 2550 22:48 น.
คีตากะ
เมื่อได้เห็นดวงตากานดาแล้ว
งามเพริศแพร้วปนเศร้าเจ้าสวยใส
ยามสบตาพาจิตคิดวุ่นใจ
ฟ้าไฉนกลั่นแกล้งเสียดแทงเธอ
สาวตาโศกโบราณว่าจะอาภัพ
รักลาลับจากใจไปเสมอ
มักตรอมตรมขมขื่นยืนละเมอ
เฝ้าคอยเพ้อแต่รักประจักษ์จริง
เห็นแล้วให้ใจหายวุ่นวายจิต
ได้แต่คิดสงสารกานดายิ่ง
อยากพลิกฟ้าชะตามาอุ่นอิง
หวังเธอทิ้งความเศร้าเป็นเงาใจ
ขอเต็มเติมเสริมใจให้นงค์นุช
เพียงเธอหยุดซึมเซาเหงาหวั่นไหว
จะบรรเลงเพลงรักปักทรวงใน
ให้ทรามวัยคลายหมองครองอุรา
รักแต่เธอเพ้อหามานานเนิ่น
เคยเพลิดเพลินหยอกเย้าเราหรรษา
ก่อนร้อยเรียงเสียงสั่งฟังวาจา
ยิ่งห่วงหามากขึ้นจำฝืนทน
ขอเป็นผ้าซับน้ำตาเวลาเศร้า
ขอเป็นเงาเคียงข้างทางสับสน
ขอมอบรักจากใจใครหนึ่งคน
ขอน่ามลพ้นโศกวิปโยคทรวง....
26 ธันวาคม 2550 19:20 น.
คีตากะ
หากฟ้าสร้างวางฉันนั้นคู่เธอ
ย่อมพบเจอแน่นักรักแสนหวาน
เป็นคู่แท้แก่กันจากวันวาน
หลายชาติผ่านสุขเศร้าเราร่วมทาง
ใช่บังเอิญเดินมาประสบพบ
ด้วยเคยคบเคียงกันมั่นมิห่าง
สร้างบุญกรรมทำไว้ในก่อนปาง
ฟ้าขีดทางรักไว้ให้พบเจอ
กี่ภพชาติไม่อาจหายมลายได้
เคียงคู่ใจเธอฉันมั่นเสมอ
ทุกชาติรักรู้จักกันวันพบเจอ
ทุกภพเพ้อสองเราเฝ้ารักกัน
เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันก่อนเก่า
ประดุจเงาหลายหนจนยากผัน
เกิดชาติไหนเป็นใครไม่พ้นกัน
รักผูกพันลึกซึ้งตรึงวิญญาณ์
มาตรแม้นไซร้มิใช่คู่ใจแท้
รักย่อมแปรเปลี่ยนผันไม่หรรษา
พบเพื่อจากพรากรักหนักอุรา
รักกลับพาโศกเศร้าเฝ้าอาดูร.....
25 ธันวาคม 2550 00:20 น.
คีตากะ
พบแจ่มจันทร์วันเหงาจวนเศร้าจิต
ห้วงชีวิตผันแปรแพ้ผิดหวัง
นั่งระบายใส่เน็ตไปให้ใครฟัง
เดินเซซังดังคนจนตรอกทาง
หนึ่งคนตอบปลอบใจได้ทายทัก
เริ่มรู้จักคุ้นเคยเลยหายหมาง
กลับเปี่ยมหวังครั้งใจใกล้อับปาง
หวังนวลนางรักแท้ดูแลใจ
ฝากถ้อยคำย้ำรักปักดวงจิต
ทุกวันคิดถึงเธอเพ้อหวั่นไหว
เล่นเอ็มกันวันเก่าเราเข้าใจ
โทรถามไถ่ทุกวันหมั่นพาที
นัดออกเดทเหตุการณ์พานเริ่มเปลี่ยน
เธอผิดเพี้ยนจากเดิมเริ่มหลบหนี
ปล่อยฉันเก้อคอยเธอเพ้อชีวี
เธอหามีตัวตนอยู่ไม่รู้ความ
เธอหลากหน้ากว่านับฉันสับสน
บ้างเป็นคนสวยใสใจหวิวหวาม
บางทีก็พอทนจนเกือบงาม
แต่บางยามงามประหลาดอาจน่ากลัว
ยามฉันท้อเธอหนอก็รู้ได้
ส่งเสียงใสตามเพลงบรรเลงทั่ว
ปลอบใจกันวันใดใจแพ้ตัว
คอยยวนยั่วหยอกเย้าความเศร้าคลาย
ยามฉันเหงาเศร้ามีคนดีปลอบ
เธอแอบลอบเป็นใครทำใจหาย
มาบอกรักซักถามทำฉันอาย
เหงามลายลงสิ้นฉันยินดี
อยากมีแฟนเธอแพลนวางแผนให้
เข้าดลใจแม่สื่อถือศักดิ์ศรี
ด้วยเข้าใจฉันจีบใครไม่เป็นที
แต่ฉันนี้รักเธอก็เพ้อพอ
เธอเข้าใจตัวฉันกว่าฉันรู้
เสมือนอยู่เคียงกันทุกวันหนอ
ประหนึ่งครึ่งกึ่งใจเคยได้รอ
นวลละออฉันรักเธออยากเจอจริง.....
23 ธันวาคม 2550 23:06 น.
คีตากะ
ข้าวหนึ่งมื้อหนึ่งจานท่านโปรดคิด
ผลาญชีวิตของใครให้ประหาร
เอาเนื้อเขาเป็นเนื้อเราเฝ้าประจาน
สร้างสุสานในกายหลายชีพปลง
เลือดและเนื้อเพื่อบำรุงมุ่งเข่นฆ่า
หลากชีวาพร่าชีวิตคิดใหลหลง
รสเลิศหรูของผู้ใดไซร้ปลดปลง
หวังสูงส่งเทียมฟ้าน่าขำคน
สุสานสัตว์แออัดซากจากภูตผี
รวมสรรพชีวีทุกที่หน
ยังกลัวตายกลัวผีทั้งที่ตน
หมั่นแบกขนซากศพกลบกายา
เว้นหนึ่งมื้อยื้อชีวิตนับหมื่นแสน
เมตตาแทนค้ำจุนคุณหนักหนา
ปลอดจากบาปอาบเลือดสัตว์ตัดปาณา
สูงส่งกว่าทำทานใดในปฐพี
ทานพืชผักผลไม้ให้แร่ธาตุ
โรคภัยปราศจากกายหมายสุขศรี
ยังอิ่มบุญหนุนนำล้ำชีวี
ไม่ต้องมีเวรบาปตราบสิ้นลม...
พรหมจรรย์สูตร
" ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์ย่อมทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งจิตเมตตาอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติพุทธะของพวกเขาเอง และสรรพสัตว์ใดๆ ที่พบเห็น พวกเขาก็จะละทิ้งพวกเขาไป ดังนั้น โพธิสัตว์ทั้งหลายต้องหลีกเลี่ยงจากการทานเนื้อของสรรพสัตว์ใดๆ เพราะนั่นจะสร้างบาปอันไม่สิ้นสุด"
ศุรางคมสูตร
" ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์จะตกเข้าไปในวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด และทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอันไม่สิ้นสุด"
" ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์จะไม่อาจพบความสำเร็จในการรับพระพร หรือบุญกุศลใดๆ ที่พวกเขาสวดภาวนาขอ"
" ผู้รับประทานเนื้อสัตว์ย่อมทำให้สิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์หลีกห่างไปจากพวกเขา และสรรพสัตว์อื่นๆ หวั่นกลัวพวกเขา"
ลังกาวัฏรสูตร
" เหล่านักบุญทั้งหมดล้วนรังเกียจการกินเลือดหรือเนื้อ สิ่งมีชีวิตบนสวรรค์ย่อมไม่เข้าใกล้ผู้คนที่ทานเนื้อสัตว์ เพราะปากของพวกเขามีกลิ่นเหม็นเน่าอยู่เสมอ เนื้อไม่เป็นสิ่งที่ดี เนื้อเป็นของไม่สะอาด ผู้ที่ทานเนื้อก่อให้เกิดมารและทำลายบุญกุศลและพระพรให้หมดสิ้นไป นักบุญทั้งหลายล้วนตำหนิการทานเนื้อสัตว์! "
" ในบางสถานที่ ฉันห้ามผู้คนไม่ให้ทานเนื้อ 10 ชนิดและอนุญาตให้พวกเขาทานเนื้อบริสุทธิ์ 3 ประเภท เพื่อช่วยให้พวกเขาเลิกทานเนื้อสัตว์แบบค่อยเป็นค่อยไป และต่อมาภายหลังจึงเข้าร่วมการปฏิบัติธรรม เวลานี้ฉันบอกว่า ฉันห้ามการทานเนื้อทุกชนิด ไม่ว่าสัตว์นั้นตายอย่างธรรมชาติหรือถูกฆ่าตาย ฉันไม่เคยอนุญาตลูกศิษย์ของฉันทานเนื้อสัตว์ และฉันจะไม่อนุญาตเลยทั้งในปัจจุบันและอนาคต"
" สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมามากมายเหลือคณานับ สรรพสัตว์ล้วนเป็นญาติพี่น้องกันและกัน เราสามารถทานเนื้อของญาติพี่น้องเราได้อย่างไร?"
นิพพานสูตร
" พระกัสปะถามพระพุทธเจ้าว่า " ทำไมในอดีตพระองค์จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุฉัน " เนื้อบริสุทธิ์ 3 ประเภท หรือกระทั่ง " เนื้อบริสุทธิ์ 9 ประเภทได้?" พระพุทธเจ้าตรัสว่า " มันเป็นการอนุโลมตามความต้องการของสภาวะการณ์ และค่อยๆ ไปทีละก้าวในการละจากการทานเนื้อสัตว์"
ไข่มุกแห่งปัญญา-อนุตราจารย์ชิงไห่
เราต้องเห็นความทุกข์ของสัตว์อื่นๆเป็นเสมือนความทุกข์ของเราเอง ดังนั้น เราจึงไม่ควรยินดีในการฆ่าสัตว์และรับประทานมัน นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงควรเป็นมังสวิรัติ นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึงในการโน้มไปสู่ความเมตตามากขึ้นๆ และแผ่ขยายความรักของเราไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ศาสนาทุกศาสนาไม่ใช่ศาสนาเดียวล้วนพูดถึงว่า เราควรแผ่ขยายความรักของเราไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะศรัทธาในศาสนาใดหรือไม่ เราทั้งหลายต่างก็สามารถเชื่อในความดีได้ ในความเมตตาของหัวใจเรา ดังนั้นเราจึงพยายามช่วยชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นไม่ได้หมายความว่า ถ้าเธอรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง 1 ชิ้น สิ่งต่างๆมากมายจะเปลี่ยนแปลง แต่มันเป็นหลักการในการฝึกฝนใจของเราสู่ความเมตตา ขอให้ความเมตตาของเราเติบโตขึ้น อย่าฆ่าความเมตตาของเรา เจตนานั้นเป็นสิ่งสำคัญ...