12 เมษายน 2550 15:34 น.
คีตากะ
หยุดเถอะใจ ! ไยฝันให้หวั่นไหว
ได้อะไรไขว่คว้าตามหาฝัน
พักผ่อนบ้างวางใจผ่อนคลายมัน
สุขเศร้านั้นล้วนมั่นหมายคิดไปเอง
หยุดเถอะใจ ! ใครเขามิเข้าใจ
ประโยชน์ใดไปบังคับจับข่มเหง
ชีวิตใครเป็นของใครใคร่บรรเลง
ลิขิตเองเร่งเร้าก็เปล่าดาย
หยุดเถอะใจ ! เงียบไว้ ไม่ดีกว่า
เสียเวลามาหวังดั่งใจหมาย
โลกเสื่อมทรามต่ำลงคงเป็นไป
เหนี่ยวรั้งไว้ได้ฤาอย่าถือความ
หยุดเถอะใจ ! ไม่นานกาลมาถึง
ก็คงซึ้งตรึงใจไม่เหยียดหยาม
ยามซบหน้าพิพากษาคดีความ
ย่อมเป็นตามกรรมสร้างเลือกทางเดิน...
12 เมษายน 2550 14:55 น.
คีตากะ
ดวงตาท่านปานตะวันนับพันดวง
แสงโชติช่วงชัชวาลทุกกาลสมัย
มีรูปลักษณ์พักตร์หลากยากนับได้
หมื่นพันกายไม่อาจวัดคาดคณนา
เปล่งเสียงดั่งอัสนีวจีก้อง
ราวฟ้าร้องทำนองหลากฝากภาษา
ดุจดนตรีมีสูงต่ำตามคีตา
ถ้อยเจรจาน่าฟังดั่งคำกวี
เปี่ยมเมตตาแลปัญญามหาพลัง
มีมนต์ขลังฝังใจในวิถี
เปลี่ยนจิตใจคนร้ายกลับกลายดี
ใจหมองศรีพลันมีสุขทุกเพลา
อบอุ่นใจคล้ายอ้อมกอดของคนรัก
ยามประจักษ์ตระหนักแจ้งสิ้นกังขา
รู้เท่าทันหมู่มารมากเสนา
ทั้งโลกาหาใครได้เทียบเทียม.....
11 เมษายน 2550 17:05 น.
คีตากะ
เมื่อหัวใจขยายใหญ่กว่าเดิม
ทรวงอกเริ่มปริแตกแยกสลาย
แหวกซี่โครงกรงขังพังทลาย
กางปีกผายร่ายบินโผผินพลัน
ถูกตีกรอบขอบจำกัดทาสความคิด
ใจผูกติดโซ่ตรวนล้วนความฝัน
ตกเป็นทาสขาดเสรีจนนิรันดร์
เหตุตนนั้นสรรค์สร้างทุกอย่างเป็น
โบยบินไปไร้เขตขัณฑ์อนันตกาล
ทิ้งสงสารอันว่างกลวงลวงตาเห็น
ด้วยวิญญาณหาญกล้าฝ่าลำเค็ญ
ดั่งจันทร์เพ็ญเด่นฟ้าท้าหมู่ดาว
อิสรภาพตราบฟ้าดินสลาย
ล่องลอยไกลได้เพลินคราเหินหาว
อาบแช่แสงแห่งรักประจักษ์คราว
ทุกย่างก้าวราวเดินบนกลีบโรย....
30 มีนาคม 2550 17:47 น.
คีตากะ
เสียงนกเขาเฝ้าคูขันกู่ร้อง
กังวานก้องร้องเพลงบรรเลงขาน
กระรอกไพรไต่กิ่งวิ่งชำนาญ
หาอาหารจานเจือมิเบื่อกิน
นกไก่นาหาปลาเป็นอาหาร
ใกล้ลำธารนานนักจักโผผิน
ไก่คุ้ยเขี่ยเพรี้ยหนอนซอกซอนดิน
ผึ้งโบยบินถิ่นใดดอกไม้บาน
ลมพลิ้วไหวใบข้าวโพดลิงโลดเล่น
ต้นส่ายเอนเล่นล้อกอประสาน
เสียงก่อไผ่ไหวลมห่มทุ่งธาร
ทุกวันวารย่านป่าพนาไพร
นาฏกรรมรำเพยเผยลีลา
ทุกชีวามาผสานอิงอาศัย
ล้วนเกี่ยวพันสรรค์สร้างเส้นทางไป
หลอมรวมไซร้ให้เห็น...เป็นหนึ่งเดียว.....
30 มีนาคม 2550 16:52 น.
คีตากะ
ห้วยละหานธารหลากอันกรากเชี่ยว
โค้งคดเคี้ยวเลี้ยวลดมากโขดหิน
ปลาว่ายสวนทวนน้ำทำอาจิณ
เกรงแดดิ้นบนดินดอนตอนน้ำพา
กุมชีวิตคิดทวนสวนกระแส
มิยอมแพ้แม้ยากลำบากหนา
รางวัลให้ผู้ไม่แพ้แก่โชคชะตา
น้อยนักฝ่าจนมาถึงซึ่งเส้นชัย
คิดแตกต่างสร้างสรรค์ฝันนอกกรอบ
ดำหริชอบมอบประโยชน์โทษไฉน
ด้วยมรรคากล้าหาญมิหวั่นภัย
ดั่งปลาว่ายไม่ยอมแพ้กระแสชล
ม่านมายาหนาแน่นแสนคดเคี้ยว
ดุจน้ำเชี่ยวเกี่ยวใจให้หมองหม่น
มิคิดสู้รู้เรียนเพียรดิ้นรน
ย่อมไม่พ้นโดนซัดพัดไปไกล...