18 เมษายน 2550 17:11 น.
คีตากะ
ดงเสือหมอบขอบขัณฑ์อันตราย
ซ่อนเร้นกายหมายคร่าภักษาหาร
สัตว์น้อยใหญ่ไม่ระวังทางเสือผ่าน
ต้องวายปราณจานเจือถูกเสือกิน
เปรียบพยัคฆ์นักสู้ผู้พิชิต
เหนือคาดคิดปิดบังสุดหยั่งถวิล
แม้เลิศล้ำเก็บงำยอมต่ำดิน
คราวโบยบินสิ้นไร้ใครต้านทาน
พญามังกรซ่อนตนก้นธารา
ใครล่วงมากล้าหมิ่นสิ้นสังขาร
เลิศฤทธีมีพิษปลิดวิญญาณ
ยอมเลื้อยคลานธารน้ำทำถ่อมตน
เสมือนชนคนถ่อมผู้น้อมนอบ
แจ้งรู้รอบไร้ขอบเขตมีเหตุผล
กลับแฝงกายซ่อนไว้ไร้ตัวตน
ใช่เยี่ยงชนคนอวดโอ่สุดโง่งม...
18 เมษายน 2550 16:59 น.
คีตากะ
สูงสุดนั้นหันหาคืนสามัญ
ดุจตะวันอันสูงจรูงแสง
เจิดจำรัสประภัสสรหาอ่อนแรง
กำเนิดแหล่งแห่งพลังกำลังงาน
ธรรมดาไร้มารยาจึงสามัญ
ดั่งทารกน้อยอันพิศุทธิ์ศานต์
ไร้เดียงสาตาใสใจเบิกบาน
เป็นรากฐานวานวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์
ปกติไร้ตำหนิที่สามัญ
ใช่เสกสรรมั่นหมายหลงในฝัน
สงบเงียบเปรียบน้ำก้นลำธาร
แม้เนิ่นนานกาลผ่านมิผันแปร
ความว่างเปล่าเล่าหนาคือสามัญ
ปราศเขตขัณฑ์อันจำกัดขัดกระแส
ราวจักรวาลไพศาลอนันต์แล
ยังประโยชน์โปรดแผ่แก่หมู่ดาว...
14 เมษายน 2550 15:00 น.
คีตากะ
บัวดอกงามผลิดอกกลับงอกเงย
กลีบดอกเผยจากดินถิ่นอาศัย
งามตระการรานตาแสนวิไล
เติบโตใหญ่ไร้สาครน่าอัศจรรย์ !
ดอกเบ่งบานอลังการกาลผ่านพ้น
เต็มสากลชนเริงร่าหฤหรรษ์
พิสูจน์คำทำนายภควันต์
กาลหน้านั้นชนโบราณจะหันคืน
เคาะประตูสู่บ้านย่านเคหาสน์
ส่องแสงสาดปรัชญาลืมตาตื่น
ปลุกผองชนตนหนาหายั่งยืน
ให้หวนคืนฟื้นใหม่ใจพุทธา
ปัจเจกชนคนหลายคล้ายมืดบอด
หลงนอนกอดซากศพกลบบุปผา
ลืมพระเจ้าของเขาเองเพ่งมายา
ผ่านสายตาหาใครไหนจดจำ....
14 เมษายน 2550 14:39 น.
คีตากะ
หลั่งไหลไปสายน้ำแห่งความรัก
มินานนักจักถึงซึ่งจุดหมาย
หนึ่งหยดน้อยร้อยรวมร่วมเรียงราย
ก่อเกิดสายไหลหลั่งยังทะเล
กลั่นจากดินรินน้ำตาแลกมาได้
หลอมด้วยไฟให้ร้อนก่อนสรวลเส
แสงตะวันกลั่นเป็นฝนจนถ่ายเท
ผ่านร้อยเล่ห์กลลวงหล่นล่วงมา
จากยอดเขาเนาป่าเสียดฟ้าสูง
เกิดแควคุ้งมุ่งมั่นทางหรรษา
การเดินทางช่างยาวไกลไหลเอื่อยมา
มิเกรงว่าอุปสรรคมากเพียงใด
หลากเส้นทางต่างมุ่งหน้ามหาสมุทร
จึงยั้งหยุดสุดทางการหลั่งไหล
หลอมเป็นหนึ่งจึงพิศุทธิ์สุดกว้างไกล
ทั้งยิ่งใหญ่ทั้งลึกล้ำความรักเอย...
14 เมษายน 2550 14:29 น.
คีตากะ
เขาซุกซอนซ่อนหน้าหมวกใบเก่า
ดวงตาเหงาเศร้าสร้อยน้อยคนเหมือน
แม้อยู่ใกล้เหมือนไกลห่างดูรางเลือน
ราวเมฆเกลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยนภา
เขาว่างเปล่าเล่าเปลือยเหมือนเหนื่อยหน่าย
ดวงตาฉายคล้ายแสงแห่งอุษา
สงบเงียบเรียบง่ายไร้มารยา
เจรจาประหนึ่งว่าความลับมี
เขาแจ้งจิตความคิดปัจเจกชน
ดั่งอุบลพ้นน้ำหลากล้ำสี
ยามเคลื่อนไหวดุจสายลมห่มปฐพี
ท่วงท่าทีที่ธรรมดาเกินกว่าใคร
เขาเมตตาปราณีมีอารมณ์ขัน
รู้เท่าทันเลิศปัญญากว่าใครไหน
คล้ายกระจกสะท้อนเงาเหล่าชนใด
ยามอยู่ใกล้คลายทุกข์สุขอุรา...