3 ตุลาคม 2550 15:11 น.

เพียงปลอบประโลม

คีตากะ

ไยคร่ำครวญหวนไห้อาลัยหา
แก้วกานดาอย่าร้องจะหมองขวัญ
อัสสุชลหล่นไหลให้จาบัลย์
ชนจะหยันเย้ยเจ้าเฝ้าโศกา

เสียงกำสรวลนวลปิ่มว่าทวีทุกข์
ซ่อนพักตร์ซุกทรามวัยในเกศา
สั่นระริกหลังไหล่นัยน์หูตา
ซบดวงหน้าสะคราญซึ้งคะนึงครวญ

พิมลพักต์ผุดผ่องพาลหมองหม่น
รินไหลล้นชลเนตรเกศกำสรวล
สะเทือนฟ้าสะท้านดินด่าวดิ้นจวน
เทพไทล้วนซวนซบเซาสร้อยเศร้าทรง

หยดเพชรหยาดเยิ้มย้อยกลอยกำสรด
แสนสลดหดหู่ตามงามระหง
พี่รวดร้าวราวเป็นเช่นอนงค์
สุดปลดปลงปานหทัยใกล้วายปราณ

ชลนาบ่าล้นท่วมท้นแล้ว
ไยจอมแก้วกรรแสงแกล้งละหาน
ประคองรับชลนัยน์ให้ดวงมาน
ชลธารจะล้นเอ่อด้วยเธอครวญ

ทิฆัมพรหมองหม่นทนทอดถอน
ดารากรเดือนดับลับสรวงสวน
สุราลัยไหวหวั่นนงรัญจวน
สรรพสิ่งครวญล้วนแล้วด้วยแก้วตา

ทุกข์อันใดไยกานต์เกินหาญหัก
ฤานงลักษณ์รักตรมระทมหา
เพียงพลาดพลั้งชั่งใจไยระอา
หวนโหยหาอาวรณ์กัดกร่อนทรวง

ฤารักพี่มีน้อยจนด้อยค่า
ไอลดายาใจไม่ห่วงหวง
พี่ซึมเศร้าเพราะเจ้าตรมเพียงลมลวง
มิวายทรวงขาดรอนไปก่อนนาง

พี่ตั้งจิตขอพรยอกรกราบ
ศิโรราบศรีสุคตประณตหว่าง
เบื้องบาทองค์พระทรงชัยหทัยวาง
ให้นวลปรางปราศทุกข์สบสุขครอง

มาตรแม้นทุกข์ทวีทับเกินรับไหว
ด้วยกรรมในบุพชาติวาดสนอง
ขอกรรมนั้นจงผันเปลี่ยนเวียนครรลอง
ให้พี่ครองแทนน้องยา...สาธุเทอญ !.....
				
3 ตุลาคม 2550 14:34 น.

ดินแดนแห่งจิตใจทั้งห้า

คีตากะ

โอ้ชีวิตคิดไปน่าใจหาย
วิ่งเวียนว่ายวกวนชอบกลหนา
เหมือนนักโทษโอดครวญชวนโศกา
ไม่อาจฝ่ากำแพงแห่งจิตใจ

ความรักความผูกพันอันใคร่หลง
ดุจลูกกรงกั้นกางทางสุกใส
ความรู้สึกนึกรักยากหักใจ
รั้งชนไว้วางวายหลายกัปกัลป์

แดนแห่งเหตุแลผลดลกรรมก่อ
สืบสานต่อภพชาติวาดทางฝัน
สร้างบาปบุญหมุนวนจนนิรันดร์
สุขโศกศัลย์น่าสมเพชเวทนา

พลังการสร้างสรรค์แสนบรรเจิด
ล้วนล้ำเลิศศาสตร์ศิลป์สิ้นศึกษา
หลงลำพองปองยิ่งใหญ่ในโลกา
ด้วยอัตตาพาว่ายวนจนดิ่งจม

แดนว่างเปล่าเนานิ่งยากยิ่งผ่าน
สุดไพศาลกว้างไกลไม่อาจถม
ทางมืดมิดจิตเสรีมิสุขตรม
ต้องกรานก้มกราบครูผู้รู้ทาง

ดินแดนบริสุทธิ์ผ่องผุดผาด
สุดสะอาดอมฤตจิตแผ้วถาง
อาสวะละแล้วแน่แน่ววาง
แสงสว่างวามวับระยับวาว

อันมรรคสู่นฤพานกันดารนัก
มากกับดักหลุมพรางวางแหลมหลาว
ต้องสุขุมลุ่มลึกตรองตรึกคราว
ทุกย่างก้าวมีภัยให้สังวร.....
				
27 กันยายน 2550 14:11 น.

เทพธิดาพญามาร

คีตากะ

หมอกอรุณรุ่งสางเดินทางผ่าน
แดนกันดารเลือนหายสายหมอกขวาง
ม้วนตลบอบอวลทุกถ้วนทาง
กลืนเรือนร่างลับหายภายหมอกควัน

กระซิบเย้ากระเซ้าแหย่ปกแผ่หุ้ม
ปลุกวัยหนุ่มรุ่มรักทอถักฝัน
เนานิ่งนิจเนิ่นนานผ่านคืนวัน
ก่อกระสันบรรเจิดเตลิดไกล

แรงฉุดดึงหนึ่งสาวพราวพิลาส
อนงค์นาฏวัยเยาว์เจ้าสดใส
เสียงเจื้อยแจ้วแว่วดั่งระฆังใจ
เฝ้าถามไถ่มีใจกันหมั่นเจรจา

ดวงเนตรเปี่ยมเมตตาแสนน่ารัก
พิศดวงพักตร์พิไลไร้เดียงสา
เธอเป็นดาวพราวแสงแข่งจันทรา
ชนมากหน้าหมายปองคล้องเกี่ยวพัน

ส่งจดหมายรูปถ่ายร่ายคำรัก
มอบเพ็ญพักตร์รักสองครองสุขสันต์
จากจอมใจไกลแม่สุดแลกัน
คราเรานั้นเรียบจบพบอาลัย

แรงเหนี่ยวรั้งหนึ่งทางดุจนางฟ้า
งามสง่าอ่าองค์ชวนหลงใหล
พิไลลักษณ์พักตร์ผ่องเพียงยองใย
พิศคราใดใจสั่นไหวหวั่นทรวง

กานดางามเกินกว่าใครหาเทียบ
งามพร้อมเพรียบนารีที่หลงสรวง
เปรียบหงส์งามท่ามหงส์นงเด่นดวง
แม้นกาลล่วงห่วงสวาทมิคลาดครา

เธอติดตามถามหาจนมาพบ
สองเราคบดูใจให้ห่วงหา
ซึ้งน้ำใจไมตรีนุชมีมา
แต่วาสนาพาพรากจำจากจร

แรงกามาอีกนารีสตรีหนึ่ง
งามสวยซึ้งตรึงใจยากไถ่ถอน
เริ่มจากมิตรชิดใกล้ในบังอร
จวบงามงอนอ่อนใจรักให้มา

จิตจรรยามารยาทพิลาสล้ำ
ยามเอ่ยคำอ่อนหวานขานคะขา
กรุณาปรานีมีเมตตา
กัลยาหยดย้อยแช่มช้อยที

สายสุดาน่ารักพักตร์เพียงแข
ตะลึงแลเรือนร่างสำอางศรี
ผิวขาวผ่องผาดผุดสุดโสภี
เราบุญมีเพียงน้อยกลอยร้างลา

สามธิดาพญามารพิมานสรวง
เฉกจันทร์จวงลวงล่อพะนอหา
ราวบ่วงบาศรัดรึงซึ่งวิญญาณ์
เพียงมายาพาติดลวงจิตตรม

จึ่งสลัดตัดนิวรณ์ก่อนถลำ
ก้าวล่วงล้ำตัณหาพาขื่นขม
หมอกพลางตามติดแจหมายแพร่พรม
ครั้นสุรีย์ห่มแสงส่องล่องหนจร............
				
1 สิงหาคม 2558 01:10 น.

ทุ่งรวงทอง

คีตากะ

ทางลูกรังสีส้มดุจพรมทาบ
วางทอราบฉาบทาจรดฟ้าใส
ดั่งจิตรกรรังสรรค์อันพิไล
เกิดทางไกลแพรวพรายไร้ปลายทาง

สองฟากฝั่งเป็นท้องทุ่งแซมคุ้งน้ำ
กระยางย่ำเหยาะย้ายร่ายปีกหาง
ท่วงท่าทีผ่อนคลายคล้ายปล่อยวาง
ราวปราชญ์พรางเร้นกายหมายโสดา

ต้นตาลคู่ชู้ชื่นยั้งยืนหยัด
ราวบรรทัดทาบเขียนเพียรเรขา
เหมือนคู่รักผูกพันมั่นสัจจา
รักชั่วฟ้าดินสลายมิคลายคลอน

ธารน้ำใสไหลเอื่อยไม่เหนื่อยเหน็ด
เหล่าฝูงเป็ดเล่นว่ายรายสลอน
มัจฉาหยอกเยื้องกรายวนว่ายจร
ลืมทุกข์ร้อนราวโลกสิ้นโศกตรม

ต้นข้าวเขียวขจีสีสวยสด
ดินจรดฟ้าสีครามงามสวยสม
ฉากหลังเป็นภูผาทายท้าลม
ตะวันกลมชิงพลบหลบเมฆา

ปล่อยจิตใจลอยล่องกลางท้องทุ่ง
หอมจรุงกลิ่นไอดินสิ้นปรารถนา
ทุ่งรวงทองถิ่นเกิดกำเนิดมา
คือถิ่นเดียวหมายข้าฯกลบหน้านอน.....
20 กันยายน 2550 14:00 น.

แว่วคำครู

คีตากะ

ข้ามภูผาสู่ป่าพนาสันฑ์
พฤกษาพันธุ์แปลกตาน่าหลงใหล
หลงเพลิดเพลินจำเริญตาหรรษาใจ
จึ่งหลงไพรเพราะประมาทขาดสังวร

คำครูแว่วว่าปล่อยวางทุกอย่างนี้
เจ้าจึงมีทุกอย่างท่านพลางสอน
ค้นพระเจ้าในใจให้พบก่อน
แล้วพระพรทุกอย่างต่างตามมา

ตามรอยเท้าครูบาอาจารย์สั่ง
หลุดจากวังเวียนวนพ้นกังขา
สู่ธารกว้างราบเรียบเย็นเยียบตา
ท้องนภาสดใสลมไหวเย็น

เหม่อมองทางข้างหน้าใจกล้าแกร่ง
แม้โรยแรงอย่างไรไม่ยากเข็ญ
ถึงเหนื่อยล้าน้ำตาพร่ากระเซ็น
มอบกายเป็นธรรมทานสานคำครู...
				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ