3 ธันวาคม 2550 15:56 น.

แสนงอนแสนงาม....

คีตากะ

รายงานตัวฝากหัวใจไว้แนบตัก
สุดที่รักคือเธอละเมอฝัน
ส่งคำหวานปานน้ำอ้อยร้อยรำพัน
บอกรักกันทุกวันฉันชื่นใจ

แม้นแสนงอนแสนงามตามคิดถึง
คงลึกซึ้งคำรักเพียรซักไซ้
ถ่อยทอดคำย้ำบอกออกจากใจ
แจ้งความนัยให้รู้อยู่ประจำ

อยากกอดเธอเพ้อหายามล้าอ่อน
หมายเคียงนอนนับดาวพราวชื่นฉ่ำ
หวังแนบชิดมิตรแท้แพ้น้ำคำ
จะเก็บงำความเหงาเฝ้ารอเธอ

รักของเรายังใหม่ไม่เก่าเลย
เป็นเหมือนเคยอย่างนั้นมั่นเสมอ
รักล้นปรี่มีฉันมั่นรักเธอ
ใจคอยเหม่อมองฟ้าถามหากัน.....
				
30 พฤศจิกายน 2550 13:24 น.

เรื่อยเปื่อยคำกลอนวอนรัก...

คีตากะ

....คำรักจากคืนหม่น....

จดจารถ้อยร้อยคำลำนำขาน
อาจไม่หวานกินใจในอักษร
ส่งถึงเธอเจอกันวันก่อนนอน
ฝากบนหมอนใบนั้นหลับฝันดี

อ้อมกอดดาวพราวฟ้าคงว้าเหว่
อยากกล่อมเห่เธอนอนผ่อนสุขี
ท่ามกลางคืนเปลี่ยวเหงาเศร้าฤดี
ยังคงมีหนึ่งใครส่งใจมา

เบื้องหลังคืนดื่นดึกระลึกถึง
เธอผู้ซึ่งอาทรวอนภาษา
ส่งถึงใจได้รับสดับพา
ตอบแทนว่ารักเธอเสมอใจ

เธอเป็นใครไยหลบไม่พบหน้า
รอสบตาเพียงเธอเพ้อฝันใฝ่
ส่งข้อความถามรักทักทายใจ
ทำปลื้มใจจริงแท้แม่น่ามล

คนเดียวดายหมายใจได้เคียงคู่
รอคอยอยู่เนานานพานหมองหม่น
ฝากคำรักจากใจใครบางคน
กลางคืนหม่นฟ้ามัวสลัวมอง....

............................................

ถ่ายทอดรักจากทรวงดวงใจหนึ่ง
ส่งตรงถึงทรามวัยใจห่วงหา
ลึกสุดใจไขขานสื่อสารมา
ผ่านภาษาต่ำต้อยร้อยรำพัน

ความรู้สึกล้ำลึกจารึกจด
ร้อยเรียงบทภาษาพาใฝ่ฝัน
กลั่นถ้อยคำย้ำเตือนเหมือนจำนรรจ์
เพียงเสกสรรอักษรามาบรรยาย

แม้นยากนักจักเอ่ยเฉลยถ้อย
คำนับร้อยหมื่นพันสรรค์ความหมาย
คงผิดเพี้ยนเวียนวนจนใจกาย
เพียรเขียนร่ายแต่เปลือกเลือกหาคำ

บทสรุปสุดท้ายหมายบ่งบอก
ใช่ลวงหลอกเล่นมาภาษาย้ำ
แทนจิตใจไร้เสียงสำเนียงคำ
เพียงเพ้อพร่ำใจสั่งมาว่ารักเธอ...

.......................................

...ลิขิตรัก ละลายใจ....

เมื่อเธอวางอัตตาละลายแล้ว
เธอคงแพร้วงดงามล้ำนักหนา
จงรักฉันมั่นเดิมเริ่มกานดา
ด้วยฉันหาใช่ใครคือใจเธอ

ตัวตนฉันนั้นสมมุติดุจภาพวาด
ฉันเติมสาดสีแสงแจ้งเสนอ
ลิขิตเขียนเพียรเคล้าเฝ้ารักเธอ
ส่งคำเพ้อมากมายละลายใจ

เหตุเธอทุกข์รุกร้อนกัดกร่อนจิต
เพราะยึดติดอัตตาพาหวั่นไหว
บัดนี้แจ้งแห่งสัจจ์ปลงตัดใจ
อย่าเปลี่ยนไปเกลียดชังนั่งอาวรณ์

ครั้นอัตตาพร่าผลาญสังหาญสิ้น
ความรักรินจากใจอย่าได้ถอน
นั่นคือรักรักแท้แท้อาทร
นี่คือรักฉันสอนวอนบอกเธอ

หากเธอมีรักนี้ไม่มีทุกข์
สงบสุขใสเย็นเช่นนั้นเสมอ
วางตัวตนผลประโยชน์โกรธเกลียดเธอ
แล้วจะเจอบางสิ่งนอนนิ่งนาน

จิตใจว่างทุกอย่างดีมีอิสระ
จงเลิกละยึดมั่นสร้างสรรค์สาน
มุ่งสู่ธรรมล้ำค่าหาดวงมาน
ซึ่งเบิกบานกลางใจในตัวเธอ

อย่าให้ภาพลวงตามาปิดกั้น
จงหาฉันทุกวันมั่นเสมอ
ใช่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ใจละเมอ
ฉันคือเธอจงรู้ดูดีดี

เราเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งวันแรก
อย่าหลงแบกอาฆาตรบาดหมางหนี
ฉันรักเธอจริงแท้แน่คนดี
รักแบบที่ไร้เงื่อนไขไร้ตัวตน

เมื่อเธอว่างปัญญาย่อมจ้าแจ่ม
ฉันยิ้มแย้มทักทายตั้งหลายหน
แต่เธอไปสนใจใครบางคน
คนที่จนคนไม่หล่อพ่อไม่รวย

เธอจึงทุกข์เพราะมายาพาใจหวั่น
เป็นเช่นนั้นเป็นไปเป็นได้สวย
รักฉันเถอะ ! รักฉันมั่นอำนวย
ฟ้าจะช่วยเธอพ้นสิ้นมลทิน.....

................................................

....ชลธีมีความรัก....

แว่วเสียงครวญชวนชมชลธี
ล่องเรือผ่านนทีวจีขาน
คุ้นสำเนียงเพียงยินถิ่นตระการ
ดังใกล้บ้านของเราเฝ้าฟังคำ

ท่องสายน้ำฉ่ำเย็นช่างเป็นสุข
ค่ำคืนปลุกแสงดาวพราวชุ่มฉ่ำ
เดือนในน้ำงามตาน่าจดจำ
หิ่งห้อยทำคืนเหงาไม่เปล่าดาย

เลียบริมฝั่งนั่งมองเหม่อท้องน้ำ
ยังเก็บงำภาพสวยด้วยเฉิดฉาย
เคยเที่ยวเล่นเย็นย่ำล้ำเพริศพราย
เหม่อมองสายน้ำหลั่งครั้งเคยมา

ใจสะเทือนเหมือนใครคนใกล้ถิ่น
ยังหลั่งรินน้ำใจให้โหยหา
ถึงบางใครในฝันจินตนา
คงเหว่ว้าอ้างว้างพลางรอคอย

น้ำใสเย็นเห็นแล้วแจวเรือผ่าน
แสนสำราญชมแหล่งแสงหิ่งห้อย
ใต้ลำพูดูชื่นคืนจันทร์ลอย
คล้องเกี่ยวก้อยคนดีไมตรีกัน....

.................................................

.....แสวงธรรมจำจากจร....

จำใจพรากจากแล้วแก้วตาเอ๋ย
มิรู้เลยจะกลับมาเพลาไหน
ยีนตัวเก่าเสื้อยืดขาวก้าวเท้าไป
กระเป๋าใบบนบ่าบ่ายหน้าเดิน

ขุนเขาแห่งวิญญาณยากผ่านนัก
สู้ด้วยรักด้วยใจไม่ห่างเหิน
มุ่งสู่ธรรมล้ำค่าฝ่าเผชิญ
เพียงก้าวเดินตามพระศาสดา

มุ่งภูผาเลื่องลือชื่อเขาใหญ่
หนทางไกลสุดแลชะแง้หา
ไม่ท้อถอยคอยสู้สู่สัจจา
แม้นชีวาแลกได้เพื่อใฝ่ธรรม

ก่อนสิ้นลมหายใจขอได้สู้
ให้โลกรู้ตัวเราเฝ้าก้าวย่ำ
ทิ้งร่องรอยร้อยสู้ดังผู้นำ
จารึกธรรมเกริกไกรให้ผองชน

งานฌานใหญ่ไทยจัดฝึกหัดจิต
ทั่วสารทิศต่างมาหาเหตุผล
เกิดทำไมตายทำไมมองใจตน
เพียงหลุดพ้นปัญหาน่าท้าทาย

อย่าประมาทอนาถแท้แม่งามขำ
ไล่คว้าคลำความมืดอืดอาดหลาย
หลงกระแสแฟชั่นจนวันตาย
จะอับอายตัวเองเล็งผิดทาง

หมายชักชวนนวลน้องลองมาบ้าง
หวั่นเกรงนางบอกเชยเดินเลยห่าง
ยังเป็นสุขสนุกแท้เดินแต่ห้าง
ปล่อยพี่ร้างไร้คู่อยู่เดียวดาย

มาบุญครองคลองถมสีลมย่าน
เมืองทองฯงานไบเทคไฮท์เทคหลาย
ทั้งเซนทรัลพันธ์ทิพย์ทิปโก้พราย
พาต้าขายของมากนักจตุจักรพราว

ทั้งสยามฯเวอร์เทรดเดินเตร็ดเตร่
ชอบนั่งเหร่สวนลุมดูหนุ่มสาว
ไนท์พลาซ่าบาร์เบียร์เพลียบางคราว
คาราโอเกะยาวนั่งเฝ้าไมค์

มาจนเบื่อเหลือระอาเวลานี้
ท่องราตรีลายตาพาหลงใหล
หลากแสงสีลีลาน่าหนักใจ
เหลือทิ้งไว้ความเหงาว่างเปล่าทรวง

หันหลังออกนอกกรุงมุ่งสู่ป่า
ให้พฤกษาปลอบใจดั่งในสรวง
อยู่ธรรมชาติอาจดีมีโชคดวง
ได้ก้าวล่วงแดนธรรมล้ำโลกา

ปล่อยชีวิตติดยึดอึดอัดวาง
เดินตามทางแห่งตนพ้นกังขา
ไปเพื่อสุขสนุกนักหากกลับมา
มีเวลาจะมาเล่าให้เจ้าฟัง

..............................................

ฝากเพลงแซวใครบางคน.....อย่าเศร้าอย่าเหงาอย่าทุกข์.....

เพลงหัวใจฝังเพชร(ยิงไม่เข้า...ฮ่าๆๆๆๆ)

พี่คนไม่หล่อ มาง้อคงเสียเวลา
แม่สาวแห่งเมืองล้านนา อย่าหมิ่นคนจนบ้านไกล
คนพเนจร วอนบอกพี่รักจากใจ
มาขอปรับความเข้าใจ ทำไมน้องเมินหน้าหนี

พี่คนไม่เท่ ว้าเหว่หัวใจทุกคราว
หวังความเห็นใจจากสาว ชาวเมืองเชียงใหม่โสภี
แง่งอนเรื่องใด ทรามวัยมาตัดไมตรี
ทำหนุ่มเมืองราชบุรี ล้นปรี่ด้วยน้ำตานอง
 
*เขาว่าสาวเหนือรักใครไม่เคยหลอกลวง
ทำชายให้ต้องช้ำทรวง คำลวงใช่ไหมนวลน้อง
พี่คนจริงใจ เพียงหมายหัวใจใฝ่ปอง
ไม่เคยคิดแค่ทดลอง ไยน้องมาตัดสัมพันธ์

พี่ทนบากหน้า พ่อตาจะดุยอมทน
ขอเพียงหัวใจน่ามล รักล้นเหมือนวันก่อนนั้น
ถึงพี่คนโซ ไม่โก้เหมือนคนเธอฝัน
เพียงแค่ภายนอกนงคราญ ใจนั้นฝังเพชรเลี่ยมทอง....
				
29 พฤศจิกายน 2550 12:50 น.

เพลงฉันมันบ้านนอก...

คีตากะ

ฉันคนบ้านป่า อยู่กลางทุ่งนาป่าดง
ไม่สูงไม่ส่ง ดั่งหงส์ที่อยู่บนฟ้า
เป็นกาต่ำต้อย ไม่เคยเลิศลอยหรูหรา
ตึกสูงใหญ่โตโอ่อ่า ไม่รู้ว่าเป็นฉันใด

เทิดทูนคุณค่า ชีวิตบ้านนาป่าดอน
ไม่ทุกข์ไม่ร้อน อาทรต่อความยากไร้
แม้งานจะหนัก แต่ยังพักผ่อนสบาย
เพราะเรามีใจเป็นนาย ไร้คนชี้นิ้วบงการ

* อยู่แบบพอเพียง ฟังเสียงทิวไผ่ต้องลม
หย่อนพักอารมณ์ ชมธรรมชาติสร้างสรรค์
ชีวิตเรียบง่าย ไม่เคยวุ่นวายแข่งขัน
มากเล่ห์อุบายห้ำหั่น เชิงชั้นสงครามชีวี

ถึงจะยากจน ยังพอสู้ทนกันได้
ใฝ่สูงมักใหญ่มีแต่วุ่นวายสิ้นดี
ลาภยศชื่อเสียง เป็นเพียงความฝันวันนี้
อีกร้อยพันหมื่นแสนปี ใครกันที่อยู่ค้ำโลกา....
				
27 พฤศจิกายน 2550 21:19 น.

ความงามอยู่ที่สายตาคนมอง...

คีตากะ

ข้าขุนแผนแสนสะท้านหว่านเสน่ห์
ข้ารักเร่เล่ห์รักหักใจสาว
ข้ากลิ้งกลอกหลอกชมคารมคาว
ข้าแพรวพราวกามยุทธสุดพรรณนา

ข้าล้ำลึกคำหวานหักหาญจิต
ข้าเพียงคิดลวงเล่ห์เสน่หา
ข้าเลิศล้ำคำศิลป์จินตนา
ข้ากามาเต็มทรวงล่อลวงชม

ข้าปลุกเสกเวทย์มนต์ดลใจได้
ข้าเกรียงไกรไร้เทียมทานปานเทพสม
ข้าหวังใจได้สาวคาวเชยชม
ข้านิยมราคีทุกวี่วัน

ข้ามากรักนักหนากว่าพันหมื่น
ข้าผู้หื่นกามาพาเสกสรรค์
ข้าแสนเลวเหลวใหลใจเมามัน
ข้าสิ้นธรรม์ทำชั่วตัวจัญไร

ข้าวาจาพร่าผลาญรานใจสาว
ข้าคือจ้าวแห่งมารหาญยิ่งใหญ่
ข้ามีหน้าคณานับอัปไมย
ข้าแปลงได้ร้อยล้านตระการกาย

ข้าเหนือฟ้ามาดินทุกถิ่นทั่ว
ข้าหากลัวเกรงใครใจแพ้พ่าย
ข้าสมสู่นางฟ้ามากหน้าพราย
ข้ากอดกายนางนับล้านผ่านคืนเดียว

ข้าเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องเพียงเรื่องเล็ก
ข้าร่ายเสกมนตรามาเพียงเดี๋ยว
ข้ารักใครไม่จริงแม้หญิงเดียว
ข้าหมั่นเกี้ยวนวลนางอ้างความดี

ข้ารูปลักษณ์พักตร์หลากมากนักหนา
ข้าเหนือกว่าเทวาใดในสรวงศรี
ข้าหมายปองจ้องสาวเคล้านารี
ข้าเพียงมีกำหนัดเกินทัดทาน

เจ้าเห็นข้าอัปลักษณ์พักตร์เลวทราม
เจ้าจึงหยามหมิ่นแคลนแสนห้าวหาญ
เจ้าโง่เขลาจิตเจ้าต่ำสิ้นธรรมทาน
เจ้าจึงพานเห็นข้าต่ำข้าจำนน.....



***บุคคลใดตามยึดถือตถาคตด้วยรูปหรือด้วยเสียง
ย่อมผิดมรรควิธี  ฉะนี้เขาจะไม่เห็นตถาคตได้เลย....


กายนี้ไม่นานหนอจักนอนทับซึ่งแผ่นดิน
มีวิญญาณไปปราศจากบุคคลทิ้งเสียแล้ว
ราวกับว่าท่อนฟืนไม่มีประโยชน์
นายโคบาลย่อมขับวัวทั้งหลายไปด้วยอาชญา ฉันใด
ความแก่ด้วยความตายย่อมขับไปซึ่งอายุแห่งสัตว์ทั้งหลาย ฉันนั้น
ชีวิตคืออายุเป็นของน้อยอันชรานำเข้าไปใกล้
รื่นเริงเพลิดเพลินอะไรกันหนอ
เมื่อโลกนี้ลุกโพลงอยู่ด้วยเพลิงเป็นนิจ
ท่านทั้งหลายอันอยู่ท่ามกลางความมืดบอดรัดรึง
แล้วไฉน ไม่แสวงหาซึ่งประทีปเล่า ?....

                                                               พุทธพจน์...



ด้วยกายเนื้อของเรานี้ เราขอถือที่พึ่งในธรรมกายอันบริสุทธิ์(คือกายแก่น) ของพระพุทธเจ้า.....
ด้วยกายเนื้อของเรานี้ เราขอถือที่พึ่งในสัมโภคกายอันสมบูรณ์ 
(คือกายแสดงออก) ของพระพุทธเจ้า....
ด้วยกายเนื้อของเรานี้ เราขอถือที่พึ่งในนิรมานกายอันมากมายตั้งหมื่นแสน
(กายเปลี่ยนรูปต่างๆ) ของพระพุทธเจ้า...
   
                       สูตรเว่ยหล่าง..ท่านพุทธทาสภิกขุแปล...




มนุษย์ที่แท้จริง...
ไม่ใช่เป็นแค่เนื้อและกระดูกเท่านั้น
สิ่งที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้
หรือทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆได้นั้น
มิใช่ลักษณะภายนอก..
ที่ดูสวยงามหรือมีเสน่ห์
แต่เป็นแหล่งของปัญญาอันยิ่งใหญ่
ของพระเจ้าผู้ทรงพลานุภาพ

ตัวบุคคลก็เป็นเพียงนิสัยและความคิด
ที่สะสมมาชาติแล้วชาติเล่าเท่านั้นเอง
เราไม่ได้เป็นบุคคลนั้น เราไม่เคยถูกแบ่งแยกจากกัน
เราคือปัญญา เราคือความรัก
สิ่งเหล่านี้อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งในจักรวาล
มันจะถูกแบ่งแยกจากกันด้วยผิวหนังเพียงแค่ชั้นเดียวได้อย่างไร ?...


ความสุขที่แท้จริงมิใช่ได้รับมาจากการมีตำแหน่ง
ที่สูงส่งในโลก หรือจากสังคมหรือจากสิ่งต่างๆที่เราครอบครองอยู่
แต่ความสุขที่แท้จริงจะมาถึงตัวเราก็ต่อเมื่อ 
เรารู้จักตัวเอง เราได้รับการรู้แจ้ง....


ผู้ที่รู้แจ้งจึงมีความสุขมากกว่า มีความพอใจมากกว่า
และในสภาพเช่นนั้น เนื่องจากภาวะจิตใจของเขามีความมั่นคงมาก
เขาก็จะสามารถทำสิ่งที่น่าพิศวงต่างๆ ได้มากมาย
เพราะเขาเงียบสงบพอที่จะเข้าใจว่า ปัญญาของเขาอยู่ที่ไหน
ความยิ่งใหญ่ของเขาอยู่ที่ไหน เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากมันได้....


สิ่งที่พระเยซูได้ทำไปแล้ว เป็นเพียงของเด็กเล่น
สิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงให้เราดูตอนที่ท่านยังอยู่ในโลกนั้น
เป็นเพียงแค่เรื่องตลก
เพราะสิ่งที่พระเยซูทำได้ หรือที่พระพุทธเจ้าทำได้จริงๆนั้น
เหนือกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด มันมีความยิ่งใหญ่เป็นพันล้าน 
หมื่นล้านเท่า..และเราก็สามารถทำได้...


หนทางของบุคคลที่รู้แจ้งก็คือ อิสรภาพ คือความสุข และปัญญา
นี่แหละ คือชีวิตซึ่งพวกเราทุกคน ควรจะจำได้
เพราะว่านี่คือตัวตนจริงๆของเรา...


หัวใจที่ถ่อมตนคือหัวใจที่ว่างเปล่า
ปราศจากสิ่งกีดขวาง ไม่มีอัตตา ไม่มีความหยิ่งทะนง
ไม่มีสิ่งใดจะพึ่งพิง เฉพาะเมื่อมันว่างเปล่าเท่านั้น
มันจึงจะรับเอาสิ่งที่มีค่า 
ซึ่งหัวใจที่มีสิ่งอื่นอยู่เต็มเปี่ยม มิอาจรับไว้ได้

                                          อนุตตราจารย์ชิงไห่...



ไตรโลกเชื่อมโยงอยู่ด้วยใจดวงเดียว
ถ้าใจปราศจากสันติสุข ถึงมีภาระหน้าที่ใหญ่หลวง
ก็ทำการใดๆไม่ได้ ถึงมีทรัพย์มากเพียงใดก็ไร้คุณค่า
ถึงมีราชวังและสวนชมดอกไม้ ก็ปราศจากความเบิกบาน...

                                                       นิกายเซน..




ทุกข์เท่านั้นมีอยู่  ผู้เสวยทุกข์หามีไม่
การกระทำมีอยู่  ผู้กระทำหามีไม่
นิพพานมีอยู่  ผู้นิพพานหามีไม่
หนทางมีอยู่  ผู้เดินทางหามีไม่ 

                                             วิสุทธิมรรคฉบับบาลี...



ดูกร ! สมันตภัทร โพธิสัตว์คือผู้ละเลยแล้วซึ่งตัวเอง
หลงลืมแล้วซึ่งตัวเอง ท่านถือเอากายของสัตว์โลกเป็นกำเนิด
เพื่อร่วมทุกข์กับสรรพสัตว์ ท่านคือผู้ปลดปล่อยโลก
ท่านทำลายความมืดมิด และนำแสงจรัสเข้าไปสู่

ดูกร ! สมันตภัทร โพธิสัตว์ดำรงอยู่ทุกสถาน
แม้ในนรกขุมที่ลึกที่สุด ประตูนรกจะถูกเปิดออก
เพื่อผองสัตว์จะได้รับความบรรเทา
โพธิสัตว์คือความชื่นชมยินดี ของปวงสัตว์โลกทั้งผอง

                                            พระอมิตาภะพุทธเจ้า...

				
27 พฤศจิกายน 2550 15:58 น.

ฝากเพลงคอยดนดีที่ท่าแพ....ปลอบใจเธอ

คีตากะ

มอบใจต่อกัน ทุกวันหัวใจคิดถึง
สาวเหนือคนงามนางหนึ่ง เคยซึ้งสบตาต่อกัน
หนุ่มแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง หมายปองน้องแม่ปิงนั้น
หมายคล้องเกี่ยวความสัมพันธ์ รักมั่นเชื่อมคลองสองแคว

รอนแรมทางไกล ตั้งหลายกิโลเยือนถิ่น
หวังพบเพียงเจ้ายุพิน อยากยินเสียงทองของแม่
กราบครูบาศรีวิชัย ดลใจให้พบดวงแด
คอยอยู่ประตูท่าแพ แต่ไร้เงาเจ้าไม่มา

วอนพระธาตุดอยสุเทพ
ในคืนหนาวเหน็บ ช่วยเก็บคำวอนอ่อนล้า
สะกิดหัวใจเธอ ให้แลเหม่อแวะเวียนมองมา
คนไกลยังยืนรอท่า อยู่หน้าประตูท่าแพ

บอกลมส่งข่าว ให้สาวได้รู้ได้ยิน
หนุ่มไกลแปลกหน้าเยือนถิ่น แผ่นดินล้านนารักแน่
หวังชิดชมดอกบัวตอง นวลน้องด้วยใจรักแท้
อย่าปล่อยคนคอยเหม่อแล ชะแง้มองหาแต่เธอ.....

				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ