25 ธันวาคม 2552 00:38 น.
คีตากะ
เมื่อสวรรค์ปิดทางทุกอย่างสิ้น
ผืนแผ่นดินโกรธามาเฉียวฉุน
พายุร้ายหมายโบกไหวให้เป็นจุน
คงคาขุ่นเกรี้ยวกราดวินาศเมือง
แรงแห่งกรรมนำหนุนหมุนกระแส
ถึงกาลแก่กลียุคมาฟ้าสีเหลือง
ชลธีสีเลือดเดือดนองเนือง
ปกคลุมเมืองทั่วธานีชี้บอกลาง
ผีป่าเข้าสิงเมืองอันเฟื้องฟุ้ง
ผีบ้านมุ่งสู่พนาหาขัดขวาง
ปราชญ์แพ้มารหาญกล้ามาปล่อยวาง
โลกเปล่าร้างดั่งกำพร้าไร้ธาดา
ธรณีทรุดต่ำเพราะกรรมหนัก
จวนเสียหลักใกล้ล่มจมเวหา
จำล้างซากกากเดนเข่นชีวา
ยกโลกาสู่สวรรค์สิ้นจัญไร
12 เมษายน 2556 22:04 น.
คีตากะ
อย่าถามฉันว่าพรุ่งนี้จะมีไหม
เพราะหัวใจเฉื่อยชาล้าสมอง
โลกแปลกไปไกลกว่าจะเหลือบมอง
หยุดจับจ้องด้วยเหนื่อยนักหนักเปลือกตา
โมงยามนี้มีเหลือเพื่อหยุดพัก
อยู่จมปลักกับซากหวังยังโหยหา
มงกุฎหนามที่เธอครอบมอบให้มา
แทนคำว่าขอบคุณกรุ่นสัมพันธ์
ถึงความรักจักจางหายมลายโลก
กายชุ่มโชกเลือดหลั่งรินสูญสิ้นฝัน
ถึงเมตตาแห้งเหือดหายกลายเป็นควัน
แผลนับพันจากคมมีดกรีดทิ้งรอย
แต่วันหนึ่งฉันจะมาอีกคราครั้ง
ต่อเติมหวังด้วยศรัทธามิล้าถอย
มือถือมีดกรีดหัวใจให้เป็นรอย
เพื่ออย่างน้อยเพียงรู้ฉันนั้นหายใจ....
12 เมษายน 2556 20:46 น.
คีตากะ
สิ่งที่เห็นเป็นไปไม่แจ่มแจ้ง
หวาดระแวงหวั่นผวาน่าใจหาย
แลเล็งโลกโศกนักชักวุ่นวาย
ความทุกข์กรายทั่วหล้าประชาตรม
สิ่งที่ยินยังโสตเหมือนโหดร้าย
โลกพริ้งพรายกลายหมองต้องขื่นขม
ความหวาดกลัวแพร่ทั่วไปในสายลม
เสียงระงมร่ำไห้ใจวังเวง
สิ่งที่รู้หยั่งทราบเหมือนบาปเคราะห์
คอยกุมเกาะกินโลกโยกข่มเหง
ทิ้งซากศพลบชำระเลือดละเลง
เหลือบทเพลงแห่งความเศร้าเคล้าระคน
สิ่งที่ได้สัมผัสยากขัดขืน
ปลุกชนตื่นจากฝันอันสับสน
สร้าง ทำลาย หลายครั้งในวังวน
สิ่งใดฤา?...คงทน...บนรอยกาล
สิ่งที่รู้สึกได้...ใกล้สิ้นสุด
ก้าวถึงจุดเปลี่ยนแปลงแห่งสงสาร
ล้างภาพลวงทวงถามความเบิกบาน
ผลิสะคราญกลางใจใสพิสุทธิ์....
ที่มาจากพระสูตรชื่อวิมลเกียรตินิทเทสสูตร
พุทธพจน์ที่ว่า " พึงชำระจิตแห่งตนให้บริสุทธิ์สะอาด
เมื่อจิตบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว พุทธเกษตร(ดินแดนพุทธะ)
ก็ย่อมบริสุทธิ์สะอาดตามไปด้วย"
12 เมษายน 2556 20:48 น.
คีตากะ
ยามเมื่อฟ้าเปิดทางกระจ่างใส
พิรุณไหลกลางแล้งแฝงความหมาย
เย็นชื่นฉ่ำน้ำฟ้าคราโปรยปราย
ก่อเกิดสายสัมพันธ์มั่นฟ้าดิน
เมื่อสวรรค์เป็นใจให้พานพบ
ถึงจุดจบความเหงาเฝ้าถวิล
ดุจวิหคนกเถื่อนเคลื่อนโบยบิน
สบยลยินคู่รักร้องทักทาย
เดินทางฝ่าอุปสรรครักลอบเร้น
ราวจันทร์เพ็ญไร้เมฆเอกเฉิดฉาย
ทอแสงอุ่นละมุนไอไหวพริ้งพราย
โอบกอดกายอิงแอบแนบเนื้อนวล
กางปีกฝันโผผินบินสู่ฟ้า
เย้ยจันทราและดาวพราวสรวงสวน
งามใดเล่าเท่ารักงามยามรัญจวน
สุดหอมหวนกว่าบุบผาดาษดาพันธุ์
ใยชาวโลกโศกสลดคราวหมดรัก
เพียงจมปลักกับภาพลบพบโศกศัลย์
ฤายึดถือยื้อแย่งยากแบ่งปัน
แผ่รักนั้นแก่โลกจึงโศกตรม
ฤาความรักใช่คนรักมักแปรผัน
มีผูกพันพบพรากยากเหมาะสม
หวังสมบูรณ์พูนพร้อมย่อมระทม
ประหนึ่งงมเขากระต่ายอย่าหมายเจอ....
12 เมษายน 2556 20:49 น.
คีตากะ
เนื้อชิ้นโตหัวหมูขึ้นบูชา
เทพดาส่ายหน้าพาเมินหนี
เสพมังสาฆ่าเข่นเซ่นชีวี
จนอ้วนพีอาบเลือดเหือดแห้งกรัง
ประชุมนี้มีเพื่อสันติภาพ
โลหิตอาบเต็มโต๊ะใหญ่ใจมุ่งหวัง
ความสงบกลับมาอีกคราครั้ง
แท้เพียงนั่งวาดวิมานสราญรมย์
ชีวิตแลกชีวิตสิทธิเทียมเท่า
มัวนั่งเขลาแก้ปัญหาว่าเหมาะสม
ยิ่งเติมเชื้อเพิ่มไฟให้แรงลม
สุดท้ายก้มพ่ายแพ้แก่แรงกรรม
กี่ล้านปีที่ยังนั่งวาดฝัน
เข่นฆ่ากันเพราะเคยฆ่าพาอิ่มหนำ
เลือดล้างเลือดเชือดเฉือนเหมือนเคยทำ
สัตว์โลกเป็นตามกรรมคำศาสดา
กายมนุษย์สุดประเสริฐเลิศนักแล
หากเพียงแต่จิตใจเป็นใครหนา
สิงสู่ร่างสางบัญชีหนี้ชีวา
เกรี้ยวโกธาขาดสติพินิจเทอญ.....