12 เมษายน 2556 21:32 น.

ความรักเอ๋ย.....

คีตากะ





ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยแบ่งข้างสร้างเงื่อนไข
แต่ตัณหาพาเจ้าเปลี่ยนแปรไป
เป็นความใคร่หมองมัวกลั้วราคี

ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยผลักไสใครโศกศรี
แต่อัตตาพาเจ้าเคล้าโลกีย์
สร้างแต่ทุกข์ท้นทวีบัดสีความ

ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยทำร้ายหมายหมิ่นหยาม
แต่ทิฐิมานะพยายาม
คอยประนามชื่อเจ้าจนเทาหม่น

ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยลวงล่อหวังรอผล
แต่อวิชชาพาเจ้าเข้าวังวน
ป้ายเล่ห์กลแก่เจ้ามาเนานาน

ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยพลาดผิดคิดประหาร
แต่ปัญญาพร่าเลือนแห่งคนพาล
จ้องประจานโทษเจ้าอย่างเมามัน

ความรักเอ๋ย...
เจ้าไม่เคยพ่ายแพ้ฤาแปรผัน
แม้นโลกลับดับไปไร้ชีวัน
เจ้ายังอยู่คงมั่นนิรันดร....

				
13 สิงหาคม 2558 23:22 น.

ถ้อยคำแรก....

คีตากะ

1358503uanwx8lad6.gif









ฉันเป็นเพียงอิฐก้อนแรก
ยินยอมแบกก้อนอื่นอีกหมื่นแสน
ยามเธอสร้างวางต่อก่อทดแทน
สร้างดินแดนตัวตนพ้นโลกีย์

ฉันเป็นเพียงก้าวที่หนึ่ง
นำเธอซึ่งก้าวไปในวิถี
บนเส้นทางว่างเปล่าเฝ้ายินดี
หวังเธอนี้ไปถึงซึ่งหลักชัย

ฉันเป็นเพียงความคิดแรก
อันผ่านแทรกดวงจิตพิสมัย
หมายย้ำเตือนตัวตนบนทางไกล
ให้จดจำความยิ่งใหญ่ในตัวเธอ

ฉันเป็นเพียงคำเริ่มต้น
แห่งสากลนานเนาเฝ้าเสนอ
ถ้อยคำย้ำซ้ำซ้ำย้ำใจเธอ
พร่ำละเมอคำรักอักษรา
				
12 เมษายน 2556 21:34 น.

ตำบลกระสุนตก......

คีตากะ

refugee1.jpg














มหาภัยประจิมทิศมาผิดแผก
กระสุนแหวกอากาศวินาศแสน
ตกแถบบ้านย่านเรือนกลาดเกลื่อนแดน
ชนต่างแคว้นหนีตายกรูกรายมา

เดินซัดเซวเนจรจำร่อนเร่
แขนต่างเปลอุ้มลูกไร้ฟูกฝา
มือเปล่าว่างร้างสิ้นรินน้ำตา
มุ่งสู่ทิศบูรพาหาเพื่อนพ้อง

พสุธาลุกเป็นไฟไร้สันติ
คู่อริรุกรบพบความหมอง
เหตุกรรมเก่าเรานี้มีก่ายกอง
จึงจำต้องพลัดถิ่นสิ้นเรือนชาน

เขาเรียกคำ “ตำบลกระสุนตก”
ต่างระหกระเหินเดินโดยสาร
ตายดาบหน้าพาร่างห่างเรือนชาน
ก่อนวิญญาณหลุดลอยพลอยลาไกล

หมายมิ่งมิตรอารีที่หลบร้อน
เพียงพักผ่อนสักคราอย่าผลักไส
สงครามรบสงบลงคงกลับไป
อย่าขับไล่ยามร้ายคล้ายดูแคลน

มนุษยธรรมนำพาชาติ
พ้นพินาศไพรีมีสุขแสน
สร้างกุศลผลบุญหนุนทดแทน
หากมาตรแม้นเราบ้างทางปลอดภัย
				
12 เมษายน 2556 21:34 น.

เสาคู่ประตูโบสถ์....

คีตากะ

Romrod_5870.jpg














แลเสาคู่ประตูโบสถ์ประโยชน์ล้ำ
หน้าที่ทำยากนักใครจักเห็น
ยืนตากฟ้าตากฝนทนลำเค็ญ
แม้ร้อนเย็นเพียงใดไม่นำพา

ขอให้รักเรานั้นอันแน่นหนัก
ดุจเสาหลักคู่นั้นมั่นรักษา
ยกคานไว้ให้ชนดั้นด้นมา
แสวงหาธรรมะละโพยภัย

ถึงพายุลมแรงอาจแกว่งพัด
แดดร้อนจัดบางคราวหนาวเพียงไหน
ยังสยบสงบนิ่งเหนือสิ่งใด
มิเอนไหวเขลาขลาดฤาหวาดหวั่น

ยั้งยืนอยู่คู่ข้างไม่ห่างเหิน
มิไกลเกินใกล้ไปในเธอฉัน
เหลือช่องว่างระหว่างเราเข้าใจกัน
ความผูกพันธ์ผ่อนคลายสบายเบา

ช่วยประคับประคองสองชีวิต
ยกดวงจิตวิญญาณรานอับเฉา
พ้นแดนทุกข์สุขีชีวีเรา
หยุดความเขลาว่ายวนบนห้วงกาล
				
12 เมษายน 2556 21:35 น.

อิทธิฤทธิ์โลกร้อน....

คีตากะ








ปีพยัคฆ์นักษัตรกัดไม่ปล่อย
แฝงเขี้ยวคอยขย้ำซ้ำเจ็บแสน
“เอลนีโญ” ครึ่งปีมีทั่วแดน
น้ำขาดแคลนแล้งจัดสาหัสมา

น้ำไม่ถึงครึ่งเขื่อนเหมือนล่องหน
ยังผองชนขัดแย้งปัดแข้งขา
ทั้งการบ้านการเมืองเรื่องประชา
จ้องเข่นฆ่าราวีทุกวี่วัน

ครึ่งปีหลังหวังฟื้นลุกยืนบ้าง
ต้องฝันค้างฝนฟ้ามาแปรผัน
ข้าวกำลังตั้งท้องต้องจาบัลย์
น้ำท่วมพลันเสียหายใต้สายธาร

“ลานีญา” มาแรงแฝงภัยร้าย
ฝนเทไม่ขาดสายกลายผสาน
เขื่อนน้ำน้อยคอยกักรักษาธาร
เพื่อเจือจารการเกษตรเหตุเภทภัย

อีกน้ำป่ามาหลากยากคาดคิด
เมืองอยู่ติดภูเขาน้ำเข้าไหล
น้ำเต็มเขื่อนเหมือนซ้ำจำปล่อยไป
อุทกภัยมาถึงซึ่งชายคา

ขณะชนทนทุกข์ต่างปลุกปลอบ
น้ำใจหอบข้าวของปรองดองหา
บรรเทาเคราะห์เพราะกรรมเคยทำมา
ช่วยเยียวยากันนั้น โปรดหันมอง !

โน่น ! มังกรสองตัวบินทั่วฟ้า
ร่อนถลาด้วยฤทธิ์จิตพยอง
มันสู้กันพัลวันมั่นลำพอง
หมายครอบครองเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

มาตรตัวหนึ่งสีดำนั้นชำนะ
ความมืดจะครอบคลุมสุมทั่วถิ่น
แปดในสิบชนล้มจมธรณิน
ยังแผ่นดินลุกเป็นไฟประลัยกัลป์

หากอีกตัวสีขาวก้าวเป็นใหญ่
โลกพิไลสุดแสนแดนสุขสันต์
สองในสิบส่วนหนึ่งถึงชีวัน
โลกจากนั้นเข้ายุคทองครองเปรมปรีดิ์










				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ