10 เมษายน 2556 22:29 น.
คีตากะ
บนเส้นทางสายไหมไปแม่สาย
หมอกพร่างพรายสองฝั่งดังม่านขึง
ทุ่งนากว้างวางแต้มแซมหนองบึง
สายบัวหนึ่งชูช่อลออตา
เหมันต์เยือนเยี่ยมเย้าเนาถิ่นฐาน
ดุจสายธารกาลเปลี่ยนแวะเวียนหา
อรุณรุ่งลมหนาวพราวนภา
หนาวอุราหน้าหนาวร้าวฤดี
ถึงยามสายสายหยุดหยุดบานเบ่ง
ทุ่งวังเวงปราศชนบนวิถี
กลิ่นฟางไหม้ตลบทุ่งฟุ้งยวนยี
ขุนคีรีทอดเงาเร้าสายตา
สัญจรผ่านบ้านทุ่งมุ่งหมายมั่น
สายสัมพันธ์แน่นหนักเกินจักหา
กราบแทบเท้าบิดรและมารดา
หวังพบหน้าก่อนสายหมายแทนคุณ
จากท้องทุ่งสู่กรุงหวังรุ่งโรจน์
เขาจันโจษหมิ่นหยามตามเนื่องหนุน
แม่สายลืมสายใยไร้การุณย์
ลืมบุญคุณผู้เฒ่าก่อนเก่ามา
อยู่เมืองใหญ่ทำงานเปรียบปานทาส
จนสายตัวแทบขาดด้อยวาสนา
ค่าแรงเพียงขั้นต่ำจำทนมา
เป็นดอกหญ้าในป่าปูนจำรูญรวง
หมุนเศรษฐกิจก้าวไกลไปทั่วโลก
เหงื่อชุ่มโชกค่ำเช้าเนาเมืองหลวง
ด้วยความจนทนอยู่สู้กับดวง
หมายพ้นล่วงพรหมลิขิตชีวิตมา
ข่าวผู้เฒ่าล้มป่วยอำนวยให้
นำสายใจคืนถิ่นถวิลหา
สายน้ำผึ้งผลิดอกออกงามตา
สายสวาทคืนนาด้วยอาทร
สายลมพลิ้วชายทุ่งจรุงจิต
ให้หวนคิดคำนึงถึงสายสมร
จะโบยบินกลับรังยังคืนคอน
ขอไหว้วอน...แม่สาย...ไม่สายเกิน...
13 สิงหาคม 2558 22:46 น.
คีตากะ
อย่าสำคัญมั่นตนเป็นคนเลิศ
ทุกคนเกิ ดเทียมเท่าเปล่าสังขาร
อันลาภยศชื่อเสียงเพียงพบพาน
ยามวายปราณไปตัวเปล่าเหลือเท่ามา
เห็นกงจักรเป็นดอกบัวเกลือกกลั้วจิต
ทำชีวิตมืดมนด้นแสวงหา
ยอมขลาดเขลามิเกลาจิตปลิดมารยา
พึ่งธรรมาก่อนสายชีพวายวาง
แก่ชราหนุ่มสาวหลากราวเรื่อง
ชีวิตเปลืองหมดไปใจหม่นหมาง
ตามกระแสโลกีย์มิเว้นวาง
เดินไกลห่างมรรคาสถาวร
ตนที่พึ่งแห่งตนผจญโลก
มัวอุปโลกน์กายใจยากไถ่ถอน
หลงในขันธ์ว่ากูอยู่นิรันดร
ใครเดือดร้อนช่างมันทำหันเมิน...
20 ธันวาคม 2554 15:20 น.
คีตากะ
ยึดเอาไว้ไม่ปล่อยพลอยรานร้าว
ปรุงเรื่องราวตามจิตคิดโหยหา
เพาะเชื้อโลภโกรธหลงคงชินชา
หารู้ว่าทุกข์หนักเกินจักทาน
มั่นหมายไว้ไม่แจ้งเสียดแทงจิต
ห้วงชีวิตจมปลักสุดหักหาญ
วนว่ายเวียนซ้ำซากลำบากนาน
ตราบสังขารเสื่อมทรุดพักหยุดกาย
ถือเอาไว้ไม่วางสร้างก่อทุกข์
จุดไฟลุกเผาทรวงล่วงสลาย
ดื้อดึงดันทุรังฝังใจกาย
ถึงชีพวายฤาตระหนักหักด่านกรรม
มั่นหมายใจไล่ฝันอันบรรเจิด
ตายแล้วเกิดกี่หนทนถลำ
มือถือถ่านไฟร้อนเก็บซ่อนงำ
เลิกกุมกำปล่อยไป...ใจเบิกบาน...
10 เมษายน 2556 22:31 น.
คีตากะ
มีแฟนหมอ...โรคภัยไกลชีวิต
ไอเพียงนิดฉีดยาน่าใจหาย
บ่นปวดหัวจะผ่าตัดอาจถึงตาย
อยู่สบายหายห่วงถ้าดวงดี
แฟนเกษตร...ร่มรื่นแช่มชื่นจิต
บ้านทั่วทิศแมกไม้ใบสดสี
มักชวนเที่ยวป่าเขาเนานที
ทั้งชีวีเคี่ยวกรำคล้ำแดดลม
มีแฟนศิลป์...จินตนาหาสิ้นสุด
บ่อยครั้งหลุดโลกไกลไม่เหมาะสม
ชอบวาดภาพบทกวีดนตรีชม
ผีเข้าออกตามอารมณ์ต้องข่มใจ
แฟนบัญชี...ถี่ถ้วนรัญจวนจิต
เงินแค่นิดครึ่งบาทขาดไปไหน
นอนมิหลับรอบคอบตรวจสอบไว
งุบงิบไว้อย่าหวังเธอนั่งตรอง
มีแฟนวิทย์...ชอบวิจัยใช้ความคิด
อย่าทำผิดหลักการจะพานหมอง
ชอบสังเกตวิเคราะห์และทดลอง
คอยจ้องมองทุกฝีก้าวราวผู้คุม
แฟนการตลาด...สำรวยสวยบาดจิต
ชนทั่วทิศหมายปองต้องสุขุม
อารมณ์ดีฝีปากกล้าลูกค้ารุม
มีสิทธิ์กลุ้มนอนระแวงแคลงกังวล
แฟนอักษร...ประหยัดถ้อยน้อยราวเรื่อง
แม้ขุ่นเคืองก็เก็บไว้ไม่พร่ำบ่น
ชอบระบายขีดเขียนเวียนวกวน
เธอเหลือทนจะถึงฆาตอาจวางวาย
แฟนวิศวะ...พูดน้อยแต่ต่อยหนัก
มักจมปลักทฤษฎีมีเหลือหลาย
มาดหุ่นยนต์เย็นชาพาด้านตาย
ยุ่งวุ่นวายสิ่งประดิษฐ์อิดหนาทรวง
แฟนรัฐศาสตร์...การเมืองเรื่องใหญ่ยิ่ง
อย่าพาดพิงส่งเดชเหตุใหญ่หลวง
อาจยุบสภาหย่าร้างห่างคู่ควง
ต้องยืนประท้วงหน้าบ้านจะพานซวย
แฟนคหกรรม...อิ่มหนำสำราญนัก
เก่งเย็บปักการครัวมัวหยิบฉวย
คิดเมนูแปลกประหลาดอาจงงงวย
ถึงขั้นป่วยแสลงของต้องจองเมรุ....
แฟนเภสัช...จัดยาหาพลาดผิด
จะโรคจิตโรคกายจ่ายตรงเถร
ยามีมากเกินไปเลยไมเกรน
เธอประเคนแทนข้าวราวใกล้ตาย
แฟนบริหาร...เชี่ยวชาญชำนาญกิจ
งานทั่วทิศสั่งการอย่าพานหาย
ทั้งซักผ้าถูพื้นยืนตาลาย
เธอสบายแต่เราทรุดนั่งพุทโธ....
ฯลฯ..
31 กรกฎาคม 2558 22:11 น.
คีตากะ
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยชื่อระบือเลื่อง
คอยข้าวเหลืองรวงเรียวเกี่ยวรักษา
ใส่ยุ้งฉางเติมเสบียงเยี่ยงเคยมา
สิ้นหน้านาออกร่อนเร่พเนจร
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยศักดิ์ประจักษ์ทั่ว
ยามฟ้าหลัวเหม่อดาวพราวสลอน
ใต้แสงจันทร์ส่องสว่างกลางดงดอน
สิ้นอาวรณ์นิทราด้วยล้าแรง
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยเกียรติกำจรกว้าง
เดินตามทางคันนาหาหน่ายแหนง
กินน้ำคลองล่องเรือเมื่อคราแลง
เก็บผักแกงที่ท้ายทุ่งจรุงใจ
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยทรัพย์นับอเนก
อยู่วิเวกดงแดนแคว้นไศล
ดำแต่ตัวมิมัวจิตคิดการไกล
มีเท่าไหร่แบ่งปันกันและกัน
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยจิตคิดปรารถนา
มุ่งไขว่คว้าเกินตัวกลั้วโมหันต์
พึ่งพิงธรรมนำทางหว่างชีวัน
หาเมามันหลงวัตถุดั่งทุรชน
ข้าลูกทุ่ง...ด้อยคนรักสลักจิต
ขาดมิ่งมิตรรู้ใจในเหตุผล
ขับเพลงไพรกล่อมป่าธราดล
มาตรไร้คนเข้าใจไม่อาทร...