10 เมษายน 2556 22:23 น.
คีตากะ
ฐีติจิต...จิตเดิมแต่เริ่มต้น
พิสุทธิ์พ้นมลทินสิ้นสงสาร
ดำรงอยู่อิสระสุดประมาณ
เหนือห้วงกาลนานมาสถาวร
ดั่งบิดามารดาพากำเนิด
กายใจเกิดเป็นมาอุทาหรณ์
ชื่อมนุษย์สุดประเสริฐเลิศอาภรณ์
เที่ยวเร่ร่อนในวัฏฏะประดาชน
ฐีติจิต...กอปรไปในความหลง
จึงเสริมส่งอวิชชาพาก่อผล
ปรุงแต่งเป็นสังขาร....อุปาทานดล
ภพชาติวนเรียกว่าปัจยาการ
จิตเดิมแท้กอปรหลงบ่งชี้เหตุ
อุปกิเลสหมักหมมจมสงสาร
อบรมจิตภาวนาพาเกิดญาณ
จึงประหารโมหันธ์หักบรรลัย
สังสารวัฏตัดขาดสิ้นชาติภพ
สว่างสงบด้วยจิตพิศผ่องใส
จากสมมุติเป็นวิมุตหลุดพ้นไป
ประหนึ่งน้ำกลิ้งในใบบัวเอย...
บางส่วนจากมุตโตทัย
อาจารย์มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส
ในปัญหาที่ว่า มนุษย์เกิดมาจากไหน
เกิด เพราะอะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ได้มีสิ่งที่เป็นปัจจัยต่อเนื่องกันมาเป็นเหมือนลูกโซ่
เรียกว่า ปัจยาการ, บางทีก็เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ดังนี้
๑. อวิชชา (ความไม่รู้) เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
๒. สังขาร (การปรุง) เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
๓. วิญญาณ (ปฏิสนธิจิต) เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
๔. นามรูป (ขันธ์ ๕) เป็นปัจจัยให้เกิดสฬายตนะ
๕. สฬายตนะ (อายตนะ ๖) เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ
๖. ผัสสะ (ความสัมผัสกับสิ่งนอกตัว) เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
๗. เวทนา (ความรู้สึกสุขทุกข์) เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
๘. ตัณหา (ความอยาก) เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน
๙. อุปาทาน (ความยึดถือ) เป็นปัจจัยให้เกิดภพ
๑๐. ภพ (การถือกำเนิด) เป็นปัจจัยให้เกิดชาติ
๑๑. ชาติ (ความเกิด) เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์ต่างๆ,
คำบาลีว่า "อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ นามรูปปจฺจฺยา สฬายตนํ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนาปจฺจยา ตณฺหา ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ อุปาทานปจฺจยา ภโว ภวปจฺจยา ชาติ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา.
10 เมษายน 2556 22:24 น.
คีตากะ
ชายหนุ่มหนึ่งหดหู่ดูทุกข์หนัก
จึงไปหาเพื่อนรักจักปรึกษา
พบเพื่อนเกลอพลันเอ่ยเผยวาจา
เขาบอกว่า " ฉันนี้อยากมีเมีย! "
เขาอ้างเอ่ยเหตุผลระคนเศร้า
" ฉันนั้นเล่าแก่ไปใจละเหี่ย
หาไม่ได้สักคนจนอ่อนเพลีย
อยากมีเมียเต็มแก่...แกช่วยที! "
" ฉันพาหญิงมากหน้ามาเที่ยวบ้าน
แม่ก็พานไม่ชอบใครใจโศกศรี
ปฏิเสธเสียทุกคนก่นชีวี
ทำอย่างไรกันดี...อยากมีเมีย? "
เพื่อนจึงบอกว่า " โถ! โอ้! ง่ายมาก
ใช่เรื่องยากอะไรอย่าใจเสีย
แค่หาคนหน้าคล้ายแม่แกทำเมีย
รับรองเคลียร์งานนี้มีคู่ครอง
ชายหนุ่มจึงบอกเพื่อนเขาเอื้อนเอ่ย
" ฉันนั้นเคยลองแล้วไม่แคล้วหมอง
กลับเป็นพ่อฉันขึ้งถลึงมอง
ท่านไม่ชอบเลยต้องล่องลาไกล! "
13 สิงหาคม 2558 22:43 น.
คีตากะ
อุทกภัยครั้งใหญ่ได้พ้นผ่าน
ทั่วทุกย่านน้ำลดหมดกังขา
บางพื้นที่น้ำยังท่วมขังนา
ชาวบ้านล้าอ่อนแรงแคลงกังวล
น้ำส่งกลิ่นเน่าเหม็นลำเค็ญหนัก
ซากพืชหมักหมมนานพานก่อผล
ทั้งขยะปฏิกูลพอกพูนชล
น้ำสีข้นขุ่นคลักประจักษ์ตา
จะเพาะปลูกพืชใดไร้ประโยชน์
ย่อมก่อโทษเสียหายเปล่าดายหนา
ต้องสูบน้ำออกทุ่งปรับปรุงนา
จึ่งหว่านกล้ารอบใหม่ได้อีกที
ดั่งบัณฑิตฝึกตนค้นหาแก่น
มัวโลดแล่นสร้างบุญหนุนราศี
แต่ไม่ละบาปกรรมมุ่งทำดี
ย่อมหามีประโยชน์ใดไม่ต่างนา...
10 เมษายน 2556 22:28 น.
คีตากะ
ห้วงนภากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
น่าสังเกตเลศนัยให้แอบแฝง
บางคราสีสดใสได้สำแดง
บางคราวแต่งแต้มสีที่มืดมน
ยามอาทิตย์อุทัยขับไขแสง
ฟ้าพลันแจ้งแจ่มจรัสลัดเวหน
แต่ราตรีไร้ดาวคราวแลยล
กลับมัวหม่นสลัวเลือนเยือนอัมพร
นภาลัยว่างเปล่าราวกระดาษ
ธรรมชาติสร้างมาประภัสสร
เดิมเปลือยเปล่าเช่นนั้นนิรันดร
สรรค์สิ่งจรเยี่ยมเยือนเหมือนชั่วคราว
เหล่าธุลีละอองไอเคลื่อนไหลล่อง
ลอยฟูฟ่องเลยล่วงสู่ห้วงหาว
ก่อหมู่เมฆหมุนวนยลสกาว
คลื่นสีขาวปรากฏหยาดหยดมา
เกิดพระพายพระพิรุณหนุนเนื่องหลั่ง
โปรยปรายยังปฐพีปรี่โถมถา
สายวิชชุกัมปนาทซัดฟาดมา
ปานแผ่นฟ้าพังทลายสลายไป
ทั้งสายฟ้าสายฝนระคนทั่ว
เกรี้ยวกราดรัวหยาดมุกเม็ดสุกใส
หลอมรวมเป็นคงคาชลาลัย
โคจรไปตามวัฏฏะจิรกาล
คิมหันต์เยือนแหล่งหล้าอากาศร้อน
ทิฆัมพรสีเข้มเกษมศานต์
เหมันต์หวนเหน็บหนาวร้าววิญญาณ
ฟ้าคงสราญศานติทุกทิวา
ฟ้าเปรียบเป็นเช่นใจใสสะอาด
อารมณ์กลาดกล้ำกลายหลายชันษา
ปานดังหนึ่งฤดูกาลผันผ่านมา
ในไม่ช้าลับหายมลายเลือน...