10 เมษายน 2556 22:09 น.

คนสวยโพธาราม...

คีตากะ

0003.jpg










รถด่วนบขส....ชะลอจอด
เหม่อมองลอดหน้าต่างพลางทอดถอน
เห็นศาลาหลังนั้นพลันอาวรณ์
ก่อนบังอรยืนอยู่ใต้หูกวาง

รอรถเมล์ทุกวันหมั่นเพียรพาก
หลังแยกจากเรียนจบพบความห่าง
เธอเรียนอาชีวะคนละทาง
เราเดินต่างม.ปลายสายสามัญ

ใต้ร่มเงาโพธิ์พฤกษ์รำลึกถึง
เมื่อครั้งซึ่งเยาว์วัยได้สุขสันต์
วัดหนองโพโตใหญ่ได้พบกัน
เรียนร่วมชั้นนงรามความเป็นมา

คนสวยโพธาราม...นามกระฉ่อน
เชื้อสายมอญ, ลาวเวียงเพียงบุปผา
ใครพบเห็นเป็นมองจ้องจับตา
ดั่งดาราลอยล่องต้องตะลึง!

วัดขนอนหนังใหญ่เคยได้ทัศน์
เราเคยนัดเที่ยวท่องต้องคิดถึง
งานหาดทรายประจำปีที่ริมบึง
สบตาซึ้งดวงแขริมแม่กลอง

เรียนศาสตร์ศิลป์แตกฉานเชี่ยวชาญนัก
แต่เรียนรักตกซ้ำช้ำกลัดหนอง
ติดตัวรอหลายปีที่แม่กลอง
พอเรียนจบรักล่องต้องลาไกล

นั่งรถเมล์ผ่านมาพาปั่นป่วน
ยามรถด่วนหยุดป้ายชายตาไหว
มองหาสาวเมืองโอ่งโด่งดังไกล
ยังอาลัยกานดา...โพธาราม...

				
10 เมษายน 2556 22:10 น.

หนุ่มเคมี-สาวชีวะ...

คีตากะ

344976j3pw3zwsmm.jpg









หนุ่มเคมี....ห้องแล็บแอบมองเหม่อ ทุกวันเจอนงคราญผ่านหน้าห้อง มือถือสารเคมีที่ทดลอง ได้แต่มองผิวเผินเธอเดินผ่าน หนุ่มเคมี-สาวชีวะพบปะบ่อย แล็บต้องคอยพึ่งพาค้นหาสาร ห้องติดกันชั้นสองต้องช่วยงาน ร่วมประสานประสิทธิ์ผลิตภัณฑ์ โรงงานใหญ่งานหนักพักผ่อนน้อย เห็นเนื้อกลอยผายผอมยอมโศกศัลย์ ถือตะกร้าเข้าไลน์ไม่เว้นวัน สู้บากบั่นทำงานนับนานปี พบกันยิ้มยามผ่านสราญจิต เสมือนมิตรรู้ใจในวิถี ตะกร้าคนละใบผูกไมตรี กำลังใจนั้นมีในแววตา วันหนึ่งเธอเข้าแล็บแอบกระซิบ ให้ช่วยหยิบถือของต้องมาหา ไร้คนช่วยด้วยหญิงจึงพึ่งพา หนุ่มอาสาช่วยไปไม่รีรอ เมื่อเคียงใกล้ได้ชิดสนิทสนม เธองามสมเพรียบพร้อมย่อมทดท้อ สำรวจตัวมอมแมมแถมมอซอ รูปไม่หล่อยากแค้นแสนระอา ข่าวตอกย้ำแฟนเธอเป็นวิศวะ รูปสุดจะหล่อเหลาเงินเนาหนา จำต้องถอยออกห่างอย่างระอา ด้วยน้อยหน้าเงินน้อยต่ำต้อยเรา กระจกใหญ่บานนั้นทุกวันนี้ ยังคงมีนางฟ้าใบหน้าเฉลา เดินผ่านไปทุกคราสง่าเงา แต่ว่างเปล่าคนมอง....ต้องทำใจ...
30 กรกฎาคม 2558 13:09 น.

พยอมลืมนา....

คีตากะ

225092pn19seir0r.gif






ท้องทุ่งร้าง...วังเวงแลเคว้งคว้าง
ไฟไหม้ฟางปลายนาวันว้าเหว่
ลมชายทุ่งทักทายพัดถ่ายเท
คงรวนเรลับหายคล้ายคนจร

หนุ่มรถไถ...คนคอยยังหงอยเหงา
เพียงแต่เฝ้ามองข้าวพราวสลอน
ริมคันนาหญ้ารกอกสะท้อน
ใจอาวรณ์อาลัยในกานดา

เธอจากทุ่ง...ไกลห่างร้างข่าวคราว
ร้อนฝนหนาวหลายหนทนโหยหา
ใต้พยอมต้นนั้นวันผ่านมา
เคยหรรษาเคียงสองต้องหมางทรวง

เจ้าพยอมลืมนา....อำลาทุ่ง
มุ่งเข้ากรุงกว้างใหญ่ใฝ่เมืองหลวง
หวังร่ำรวยเงินทองน้องพุ่มพวง
หลายปีล่วงลับหายคล้ายลืมเลือน

ชาวนาคนมอซอ...คงรอเก้อ
เฝ้าชะเง้อห่วงหาท่ามป่าเถื่อน
นั่งนับวันเวลาจนพร่าเลือน
กี่ปีเดือนคณานับ...ไม่กลับมา....









index.php?action=dlattach;topic=1141.0;a

p%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0

				
13 สิงหาคม 2558 22:40 น.

ฤาษีดัดตน....

คีตากะ



ปฐมบทชีวิตน่าคิดนัก
สุดตระหนักเข้าถึงซึ่งปุจฉา
คนเป็นสัตว์ประเภทใดในโลกา
หลากวิชาแบ่งแยกแตกต่างไป

บ้างว่าคนเป็นสัตว์จัดกินพืช
พวกหน้าจืดชวนหัวมัวสงสัย
บ้างว่าสัตว์กินเนื้อเถือตับไต
ทฤษฎีใดจะพิสูจน์คำพูดจา

พบแพทย์หนึ่งสูงวัยขัยแปดสิบ
ท่านกระซิบให้ฟังครั้งศึกษา
เพียงสังเกตรูปลักษณ์ประจักษ์ตา
มนุษย์หนาคล้ายสัตว์ประเภทใด

หน้าตาแหย...เซ่อซ่าหาดุร้าย
เทียบวัวควายม้าช้างกวางพอไหว
รักสงบมิต้องล่าฆ่าแกงใคร
ใบหน้าไกลสิงห์เสือข่มเหยื่อเกรง

ระบบฟัน...ยิ่งคล้ายมีหลายซี่
ไม่ต้องมีเขี้ยวยาวกร้าวข่มเหง
ใช้ฉีกเนื้อสร้างแผลแถละเลง
คล้ายกวางเก้งยีราฟคาบกิ่งใบ

ลำไส้ยาวหลายเมตร...สังเกตง่าย
จุดมุ่งหมายย่อยพืชยาวยืดไหล
ค่อยดูดซึมช้าช้าพาเส้นใย
เก็บกักไว้ยาวนานชาญกำลัง

ออกลูกทีละหนึ่ง...พึงพิเคราะห์
มนุษย์เหมาะพวกใดใช่เนื้อหนัง
ใช้ความไวจับเหยื่อเพื่อประทัง
ออกลูกครั้งละมากยากแจกแจง

ดูกระทิงอูฐม้า...ครากินน้ำ
ใช้ปากทำดูดดื่มลืมหน่ายแหนง
หาใช้ลิ้นเลียน้ำดั่งสำแดง
เหมือนสัตว์แห่งนักล่าคราดื่มกิน

คนเป็นสัตว์พวกใดพอได้คิด
แต่พลาดผิดที่ใดให้ถวิล
จึงมีโรคมากมายหมายเกาะกิน
ยังชีวินคนสั้นบั่นทอนลง

หมอเฒ่าว่ากายมนุษย์ทรุดโทรมง่าย
เหตุเลียนคล้ายนักล่าพาใหลหลง
ร่างกายใช้ย่อยพืชยืดเผ่าพงศ์
กลับทะนงเสพเนื้อใบ้เบื้อธรรม

เนื้อนมไข่ครบครันบั่นอายุ
จ้องบรรจุพิษร้ายหมายอิ่มหนำ
ล้วนอาหารยากย่อยพลอยระกำ
โรคกรายกล้ำสายเกินเดินสู่เมรุ

ออกกำลังกายประจำ...ท่านย้ำนัก
ชีวิตจักอยู่ยาวรุ่นคราวเหลน
หมั่นฝึกจิตภาวนาพาจัดเจน
ชีพจรเต้นช้าลงยืนยงนาน

กินผลไม้เป็นหลัก...จักแสนห้าว
ละของคาวเค็มเกินเมินของหวาน
สมุนไพรของไทยใช้นมนาน
ล้วนต่อต้านโรคร้ายคลายโศกา

ข่าพริกขิงตะไคร้ใบกระวานฯลฯ
มีฤทธิ์ต้านอนุมูลฯพูนรักษา
โรคมะเร็งห่างไกลไม่ใช้ยา
ควรรู้ค่าหาทานอาหารไทย

มีคำถามตอนท้ายท่านร่ายเอ่ย
อายุยืนที่สุดเลยเคยรู้ไหม?
ตอบว่าเต่าพันปีมีทั่วไป
กินพืชในทะเลนั้นมันยืนยาว

ท่านบอกท่านหมายเป็นดุจเช่นเต่า
ร่างกายเล่าคือกระดองป้องร้อนหนาว
ใจเฉกหัวเต่านั้นผ่อนสั้นยาว
ทุกย่างก้าวมั่นคงดำรงตน

ท่านหวังอยู่นานปีร้อยยี่สิบ
เสียงกระซิบเชื่อมั่นยืนยันผล
สิ้นเสียงพลันหกสูงท่ามฝูงชน
ตามด้วยฤาษีดัดตนคนเกรียวกราว!...



1292989556.jpg

yoga-types-poses.jpg



071815_731592.jpg



MediaFile_423Yoga_460x300.jpg




				
10 เมษายน 2556 22:15 น.

ปริศนานกยาง....

คีตากะ

2398937vnd68vezk9.jpg












นกยางเฮย...เฉยไยไม่ร้องขอก
ปลาไม่ออกนกตอบลอบเร้นหาย
พอถามปลาว่าไยไม่เผยกาย
ปลาบอกหน่ายหญ้ารกปกทางเดิน

จึ่งถามหญ้าเหตุใดถึงได้รก
หญ้าหยิบยกอ้างวัวมัวห่างเหิน
ถามวัวไยไม่กินหญ้ามาหมางเมิน
เจ้าของเพลินผูกไว้วัวให้การ

เจ้าของเอ๋ยเฉยไยไม่ยอมปล่อย
ข้าพลันพลอยเจ็บท้องเขาร้องขาน
ท้องเอ๋ยท้องไยปวดรวดร้าวราน
ท้องบอกทานข้าวมิสุกจึงทุกข์ทน

ร้องถามข้าวเหตุใดจึงไม่สุก
ไฟไม่ลุกข้าวเฉลยเลยก่อผล
ไฟไม่ลุกเพราะเหตุใดไยพิกล
ไฟพร่ำบ่นเพราะฟืนเปียกร้องเรียกดู

ฟืนเจ้าเอยเปียกปอนฤาซ่อนเลศ
ฟืนแจ้งเหตุฝนมาพาอดสู
ไถ่ถามฝนตกไยไหลพรั่งพรู
กบเขียดกู่ร้องแข่งฝนแจ้งความ

กบเขียดไยร้องนักชักกังขา
กบเขียดว่าเพราะงูไล่ให้เกรงขาม
ถามงูร้ายเหตุใดจึงไล่ตาม
งูเอ่ยความกบเขียดหนาอาหารมัน!....








ตามตำนานกล่าวกันว่า...หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานผ่านมาได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว ท้าวสักกะองค์อินทร์ระลึกถึงกิจที่พระศาสดาสั่งไว้ได้ จึงเนรมิตตนเป็นชีผ้าขาวลงมาสู่กรุงศรีอยุธยา. ชีผ้าขาวนั้นท่องเที่ยวถามปัญหาแก่สมณะ ชี พราหมณ์ทั้งหลาย โดยบอกว่า ถ้าใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ.

คนโดยมากได้พบเห็นชีผ้าขาวเข้าไปถามปัญหาก็พากันคิดว่า พราหมณ์เฒ่านี้ท่าจะบ้า จึงไม่มีใครใส่ใจพิจารณาปัญหานัก ท้ายที่สุด ชีผ้าขาวก็กลับร่างเป็นพระอินทร์ นั่งอยู่บนอากาศแสดง

เอ กัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวรรณภูมิ(คาดว่าเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน) ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-


" ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียว และนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"

จริงหรือเท็จประการใดไม่ทราบแต่ปริศนานกยางนี้เคยมีผู้แก้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...


นกยางไม่ร้องขอก คือ พระศรีอาริย์ไม่บันลือสีหนาท
ปลาไม่ออก คือ ขุมทรัพย์จักรพรรดิไม่ปรากฏ
หญ้ารกมาก คือ คนอวดเก่ง(มานะจัด) มีมาก
วัวไม่กินหญ้า คือ ศรัทธาไม่ออกมาข่มมานะ
เจ้าของไม่ปล่อยวัว คือ ใจไม่ปล่อยศรัทธา
เจ้าของเจ็บท้องมาก คือ ใจเป็นทุกข์ ลำบากอยู่มาก
กินข้าวไม่สุก คือ เสพธรรมที่ไม่บริสุทธิ์
ไฟไม่ลุก คือ ไม่มีปัญญา
ฟืนเปียก คือ ทิฏฐิเศร้าหมอง(ชุ่มไปด้วยกิเลส)
ฝนตกมาก คือ ตัณหาหนาจัด
กบเขียดร้องนัก คือ ความคิดปรุงแต่งมีมากนัก(สังขาร)
งูไล่กินกบเขียด คือ อวิชชาครอบงำความคิด
กบเขียดเป็นอาหารของงู คือ สังขารเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงอวิชชา 				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ