เบื้องขวา "ภุมรี" โสภีพักตร์พิไลลักษณ์เปรียบอย่างนางอัปสรเชื้อชาติครุฑพาหนะพระสี่กรถ้อยสุนทรว่านารายณ์ทรงสุบรรณเบื้องซ้าย "มัศยา" นารีลักษณ์พิลาสพักตร์เทียมอย่างนางสวรรค์ชาตินาคีคุ้มครองป้องภควันต์ปางหนึ่งนั้นนามนาคปรกยกพังพานเบื้องหน้า "หิมวา" ลักขณานักล้ำเลอลักษณ์พักตร์ใสใจห้าวหาญดุจหิมะสงบเย็นเด่นสะคราญเหนือวิมานทวยเทวาหิมาลัยสามอนงค์สามลักษณ์ยากจักผ่านประหนึ่งปานตรีภพสลบไสลเพลินรักโลภโกรธหลงคงเกิดภัยจำต้องใช้ไตรสิกขาตัดอาวรณ์...
ฝากความคิดถึง....คำนึงหา แหวกข้ามฟ้าอากาศดาดาษหน หมายส่งถึงหัวใจใครหนึ่งคน แม้ท่วมท้นเกินกว่าเธอเข้าใจ ฝากความห่วงหา....อาทรจิต แพร่ทุกทิศลอยลมพรมพลิ้วไหว ถึงตกหล่นลับเร้นมิเป็นไร ยังดีได้มอบส่งห่วงคงคลาย ฝากความรักไป....ในอากาศ แม้เธออาจมิเข้าใจในความหมาย แต่อย่างน้อยหัวใจได้ระบาย ถึงห่างหายระหว่างทางก็ช่างมัน ฝากบทกลอนมา....นภากาศ ใจแทบขาดคิดถึงจึงเสกสรร มาดหมายเธอตระหนักในสักวัน อสงไขยกัลป์ยังรักจักเฝ้ารอ.....
มีพักตร์พรายพรั่งดั่งเดือนดาวมีขนงก่งราวดั่งรุ้งสายมีเนตรดั่งตะวันนับพันรายมีโอษฐ์ดั่งคล้ายทิฆัมพรมีเกศดั่งเขาเมรุราชมีทนต์ดั่งหิมวาตสิงขรมีฉวีดั่งสีศศิธรมีกรดั่งศรพระนารายณ์มีกรรณดั่งห้วงมหรรณพมีบาทดั่งพิภพพร่างเฉิดฉายมีทรงดั่งเทพพรรณรายมีอุระดั่งคล้ายห้วงสกลมีเสียงดั่งเสียงอสุนีบาตมีถ้อยดั่งปราชญ์เปี่ยมโกศลมีลักษณ์ดั่งแสงสุวิมลมีจริตแลยลยิ่งจับใจ...
รูปลักขณาสูงส่งดังหงส์เหิน
เยื้องย่างเดินหิมวาเวหาหาว
แต่ดวงจิตคิดชั่วเกลือกกลั้วคาว
เฉกเพชรพราวร่วงตมจมราคี
ถึงทรลักษณ์พักตราเพียงกาต่ำ
ล้วนรูปชั่วตัวดำคล้ำราศี
แต่จิตทรงสิกขาปัญญามี
ยังอาจดีกว่าหงส์เล่นลงโคลน
ล้วนไตรลักษณ์อนัตตาภควาตรัส
รูปจำรัสฤาชั่วล้วนหัวโขน
หากจุดไฟหทัยดวงให้ช่วงโชน
ย่อมพรากโยนทวิลักษณ์จักรมณีย์
อนึ่งคบแต่พาลลาญบัณฑิต
อาจชีวิตฉิบหายกลายบัดสี
ไม่ฟังธรรมท่านเอ่ยเผยพาที
ย่อมราคีขลาดเขลาเปล่าปัญญา
เพียงภพหนึ่งชาติหนึ่งพึงสั้นนัก
มัวหลงรักเนื้อหนังในมังสา
ซึ่งทรุดโทรมเสื่อมไปในชรา
ถึงมรณามาดหมายทุกกายมี
เพียงเวรกรรมนำพาเมื่ออาสัญ
เสวยสวรรค์ฤานรกตกเป็นผี
จะสายเกินแก้ไขให้กลายดี
ถึงโศกีไปก็เปล่าเขาเมินมอง
มัจจุราชจะยิ้มเยาะเพราะโมหา
มนุสสาล้นนรกอกไหม้หมอง
หลงกามคุณมีห้ามาเนืองนอง
จนก่ายกองเรือนจำกรรมพาจร
นฤพานพิมานแมนแดนเกษม
ล้วนปรีดิ์เปรมสุโขสโมสร
สุดอาณานภากว้างร้างใครจร
กลับแรมรอนอเวจีคดีกรรม
มีชีวิตวุ่นวายมากมายเรื่อง
เลยเปล่าเปลืองเพลาพาถลำ
ลืมพากเพียรภาวนารักษาธรรม
จึงมืดดำมัวจิตพลาดผิดการ
หลงรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส
สุดหยั่งวัดคะเนได้ในสงสาร
ล้วนเกิดตายมายมากยากประมาณ
เกลื่อนกลบฐานพสุธาให้อาลัย
ท่านเปรยเปรียบกองกระดูกทุกภพชาติ
แห่งองค์นาถโพธิสัตว์ทัดไศล
ว่าขนัดแน่นแผ่นผืนดินดื่นไป
หมายเข็มไชไม่อาจมีที่แทงลง
ชลนามหาศาลปานสมุทร
หาสิ้นสุดโทมนัสสลัดหลง
ทุกข์เทวษยิ่งแสนแม้นชีพปลง
ยังดำรงสืบชาติมิคลาดคลา
วนเวียนไปเยี่ยงนี้หามีหยุด
เปรียบประดุจโยนไม้ไปเวหา
จะตกด้านข้างไหนในพสุธา
สุดปัญญาพยากรณ์หยั่งพรพรหม..
อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง มีผนังหลังคามาสุดสาย หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่ เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย คู่รักมันตามมาหาจนพบ เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน กระจกใสลวงตาพานกชน ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์ ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา จนชีวาล่วงลับอัประมาณ เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่ แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์ เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ หยุดการเกิดการตายมากมายหลง สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง...