ครั้ง...ปีกมารปกคลุมล้อมรุมโลกแผ่ทุกข์โศกทั่วหล้าดั่งอาถรรพ์ทวยเทพจรจากหายมลายพลันแม้สวรรค์ก็หันเมินเดินห่างไกล...เธอคงก้าวตามฝันมิหวั่นหวาดกี่ภพชาติหวนมาหาหวั่นไหวเพียรปลดปล่อยคนทุกข์รุกทรวงในถ้อยคำอธิษฐานใด...เธอได้ยินรอยยิ้มเธองดงามเหนือสามภพงามสยบเทพใดในสรวงสิ้นสวมอาภรณ์งามกว่าองค์อัมรินทร์ทั่วธรณินหาเทียบเปรียบคนงามดวงตาเปี่ยมเมตตากว่าพระอิศวรรูปรัญจวนกว่าใครในโลกสามมงกุฎเธอเลอค่ากว่าของพระรามเพียงเอ่ยนามก็ศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิ์พรเปล่งวาจาดั่งดนตรีแห่งศรีสรวงมารทั้งปวงศิโรราบบาปไถ่ถอนนิรมานกายนับล้านช่วยจารจรอำนวยพรทั่วหล้า...จักรวาลแดนถิ่นเถื่อนดงดอยฝากรอยเท้าสถิตเนาเนิ่นวันกัลปาวสานที่ร้อนแล้งก็ชุ่มชื่นยิ่งยืนนานที่ร้าวรานเหน็บหนาวบรรเทาไปวิบากกรรมโลกมนุษย์สุดหยั่งวัดเธอหมายทัด-ทานต้านสะท้านไหวแลกน้ำตามหาศาลปานสิ้นใจหามีใครใต้หล้าจะหยั่งแจ้งขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้เธอนี้กี่พันปีมั่นใจไม่หน่ายแหนงคงภักดีชั่วฟ้าหาคลางแคลงด้วยรู้แจ้งว่ารักเธอ...เสมอใจ...
ปฐวีรกร้างแลว่างเปล่าเปรียบกาย-ใจแห่งเราอันเขลาขลาดเตรียมเครื่องเขียนปากกาผจงวาดเขียนแบบลงกระดาษวาดบ้านงามใช้จอบเสียมเตรียมขุดจุดฝังเสาดั่งใจเราเกิดศรัทธามาล้นหลามจนมั่นคงมิหวั่นไหวในทุกยามวางขื่อนามเบญจศีลทั่วอินทรีย์รัดหัวเสาด้วยอะเสกันเซล้มดุจเพาะบ่มสังคหวัตถุสี่ตั้งมั่นในคุณงามและความดีพละห้าคือดั้งชี้ที่ตั้งตรงพาดอกไก่บนดั้งตั้งตระหง่านดั่งพรหมวิหารธรรมนั้นอันสูงส่งติดจันทันเหนืออกไก่ให้มั่นคงดุจดำรงบารมีหกยกขึ้นวางครั้นโครงสร้างมิส่ายแส่วางแปพาดแทนอำนาจแห่งวิมุตหยุดหม่นหมางแทงทะลุสุญตาพาปล่อยวางอยู่ไกลห่างทวิลักษณ์จักปรีดิ์เปรมจึ่งติดตั้งหลังคากันฟ้าฝนเทียมทศพล-ญาณศานติ์เกษมคอยคุ้มภัยให้เราเฝ้าปรีดิ์เปรมด้วยอิ่มเอมในรสธรรมล้ำโลกาพลันก่อเกิดเคหาสน์พิลาสเหลือประโยชน์เอื้อเจ้าของครองเคหาปานประดุจนิพพานสราญอุราสุขหรรษาร่มเย็นเป็นนิรันดร์...
ณ แห่งนี้โพธิสถานสงัดสงบเงยหน้าพบขุนเขาหิมะขาวที่เทวะสถิตพิศเพริศพราวหมู่บ้านชาวประชาลิบตาเกินท่ามสิงขรรายล้อมน้อมคำนับเกล็ดวาววับแห่งหิมะละลิ่วเหินโปรยปรายจากฟากฟ้าพาเพลิดเพลินแต้มแต่งเนินทิวเขาพราวพิไลบนกิ่งพฤกษ์สกุณาพาขับร้องลมพัดต้องต้นนุ่นโอนเอนไหวคล้ายยินเสียงสะอื้นยืนร่ำไรค่อยแกว่งไกวเฉื่อยช้าในป่าพงเหล่าวานรเริงร่าพาโลดเต้นกระโจนเล่นยอดไพรไหวระหงอีกฟากทุ่งหญ้าเขียวทอดเรียวลงฝูงแกะคงเล็มหญ้าสบายใจคนเลี้ยงแกะเบิกบานสราญสุขปราศจากทุกข์กังวลยลสดใสต่างร้องเพลงสำราญสะท้านไพรเล่นอยู่ในดงอ้อพออุราเขาเป่าอ้อเพาะพริ้งยิ่งคีตะห่างไกลกะชาวโลกผู้ปรารถนากระสับกระส่ายร้อนรุ่มกลุ้มอุราถูกมายาลวงล่อต่อโลกีย์ประดุจทาสพสุธาหาจุดจบมิอาจพบหนทางสว่างศรีจากยอดแห่งศิลาข้าฯโยคีแลสิ่งนี้ล่องลอยเคลื่อนคล้อยไปดำรงอยู่ชั่วขณะประเดี๋ยวนั่นก่อนที่มันล่องหนพ้นวิสัยความสุขกายสำราญล้วนผ่านไปดั่งเงาในน้ำนั้นมีผันแปรข้าฯเห็นชีวิตดั่งกลระคนฝันเหตุฉะนั้นความปรานีที่เผยแผ่พลันท้วมท้นหทัยข้าฯคราเหลียวแลหมายยังประโยชน์ให้แก่ผู้หลงไกลอาหารข้าฯ คือความโปร่งอันโล่งว่างฌานข้าฯห่างวอกแวกพ้นหวั่นไหวภาพนับหมื่นข้าฯเห็นความเป็นไปปรากฏในสงสารเนิ่นนานมาแท้คือธรรมในสามโลกวิโยคนั่นธรรมชาติมันว่างเปล่าเท่าเวหาช่างประหลาดอัศจรรย์สุดพรรรณาที่ปรากฏต่อสายตาให้ข้าฯยล...โศลกธรรมของท่านมิลาเรปะพุทธะแห่งธิเบตบางส่วนจากหนังสือธรรมคีตาแสนโศลกของโยคีมิลาเรปะท่านผู้นี้สำเร็จเป็นพุทธะด้วยธรรมวิถีกวนอิม (เพ่งเสียงภายใน)ที่ต้องได้รับการถ่ายทอดด้วยพุทธะที่มีชีวิตเท่านั้น (จิตสู่จิต)