12 กันยายน 2544 10:45 น.

นิทานชีวิต...

คะน้า

๐ ณ.ป่าใหญ่ไพรกว้างสองกวางน้อย
   แม่กวางคอยวิ่งไปให้ลูกหนี
   กระเสือกกระสนคนไล่ไม่ปราณี
   เพียงเพื่อปลิดชีวีให้สิ้นลง
๐ เสียงหัวเราะกึกก้องก่องไพรกว้าง
   ล่าแม่กวางเพื่อสนุกรุกเป็นผง
   ประทับปืนขึ้นบ่าท่าทนง
   เสียงเปรี้ยงส่งก้องฟ้าป่าชะงัก
๐ กวางแม่ลูกถูกล่าน่าตระหนก
   ลูกผู้ตกตื่นตะลึงขาจึงหัก
   เพราะกระโดดวิ่งหนีเร็วรี่นัก
   ขาเลยหักวิ่งไม่ไหวใจสั่นครืน
๐ แม่กวางก้มหน้าลงตรงจูบลูก
   เอาลิ้นลูบเลียแผลแม่จะฝืน
   เจ้าจงหลบในพุ่มไม้ให้ไกลปืน
   แม่จะขืนเปลี่ยนเป้าเข้าเสี่ยงตาย
๐ แม่กวางวิ่งสุดแรงแห่งกำลัง
   เพียงเพราะหวังลูกรอดปลอดภัยได้
   เสียงนักล่าดังเข้ามาในหัวใจ
   ตามด้วยเสียงปืนใส่ใกล้เข้ามา
๐ ร่างแม่กวางโดดเด่นเป็นเป้าเคลื่อน
    ตามด้วยสีแดงเลือนเปื้อนดวงหน้า
    เขายิงแม่เจ้าแล้วนะแก้วตา
    แล้วแบกเดินผ่านหน้าลูกยาไป
๐ ลูกกวางหมอบพุ่มไม้ใจสะอื้น
   ซบหน้าฝืนกลืนกล้ำน้ำตาไหล
   อีกกี่คืนที่เดียวดายไม่มีใคร
   จากนี้ไปจะอยู่ได้อย่างไรกัน
๐ เสียงฝีเท้าเร่งเร่าเข้ามาใกล้
   จะมีใครมาพรากชีวิตฉัน
    มันถึงคราฉันตายวายชีวัน
    หลับตาพลันนึกถึงแม่แน่แล้วเชียว
๐ ลูกกวางรู้สึกถึงมือมาลูบหัว
   คลายความกลัวตัวตื่นลืมตาเหลียว
   มองเห็นหญิงชาวบ้านเพียงผู้เดียว
   มาช่วยเกี่ยวพันขาพาอุ้มไป
๐ อยู่กับเราเถอะนะเจ้ากวางน้อย
   เราจะคอยทายารักษาให้
   ลูกกวางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
   ขอลาไกลความโหดร้ายและทารุณ
๐ โลกนี้จะร่มเย็นและน่าอยู่
   ถ้าต่างดูแลกันปันอบอุ่น
   ต่างก็หวาดกลัวตายกลายเป็นจุณ
   เหลือบุญคุณไว้ชีวิตเป็นมิตรกัน....				
11 กันยายน 2544 11:22 น.

บทกลอนแห่งสันติภาพ

คะน้า

สละใบเพื่อให้ดอกออกพรูพร่าง
สละสุขเพื่อสรรค์สร้างหนทางใหม่
สละสิ้นเพื่อรอยยิ้มอิ่มละไม
สละใจเพื่อสร้างสุขแด่ทุกคน                              คะน้า

สลัดปีกหลีกฟ้ากลับมาพื้น
สลัดฟืนไหม้เผาไปเคล้าฝน
สลัดโมหะกักขฬะที่ปะปน
สลัดกิเลสหาเหตุผลค้นสัจจา                             ตะวัน

ลดความหยิ่งมิให้เกิดต่อมิตร
ลดความผยองเพื่อสร้างความก้าวหน้า
ลดละเลิกอบายมุขทั้งหลายนา
ลดมุสาวาทาที่ไม่ควรมีให้กัน                            ละอองดาว

ความยิ่งใหญ่ในตนคนผู้ให้
หนึ่งหัวใจหนึ่งชีวิตคิดสร้างสรรค์
ไม่หวังคำชื่นชมนิยมกัน
หวังเพียงปันความสุขทั่วทุกคน                         ปม

ขอเพียงให้ได้อยู่ดูโลกเปลี่ยน
ขอเป็นเทียนส่องทางย่างทุกหน
ขอเพียงรักจะแก้ไขในจิตตน
ขอหน้ามลมุ่งทำแต่กรรมดี                                ยัยศรี

ภายใต้โลกใบเดียวกัน
มาร่วมผันผืนแผ่นดินนี้
ให้มีแต่สันติภาพไมตรี
เพื่อจรรโลงสิ่งดีๆให้กาลเวลา                           โคลอน

เริ่มสร้างสรรค์วันสุขเพื่อวันใหม่
เผื่อแผ่ใจยิ้มรับวันข้างหน้า
มีแต่ให้รอยยิ้มเสมอมา
ทุกทุกครามอบให้ธารน้ำใจ                              เงา

สละสุขสลัดทุกข์หรืออื่นสละ
ก็หมายมุ่งที่ละเพื่อจะให้
สารัตถะการกระทำคือกำไร
คือความหวังยิ่งใหญ่จากใจมนุษย์                    นายโจ้

สะสางล้างซึ่งความทุกข์
เพิ่มพูนสุขชุกใจไกลสุด
แต่บางทีเธอทำให้ใจฉันสะดุด
ฉันเลยหยุดใจไว้ที่ใกล้เธอ                             นิติ

เลิกหลงเลิกเพ้อละเมอหมาย
เลิกงมเลิกงายหายเผลอ
ละเลิกเกลียดชังหวังได้เจอ
สุขบำเรอหัวใจที่ให้มา                                     คะน้า

หนึ่งความหวังหนึ่งความดีหนึ่งชีวิต
หนึ่งความคิดหนึ่งการกระทำหนึ่งปัญหา
หนึ่งความถูกหนึ่งความผิดที่ทำมา
สอนเราว่าจงทำดี....ชีวีเดียว                           ยัยศรี				
28 สิงหาคม 2544 00:42 น.

" เสน่หา"

คะน้า

๑. รูปร่างเพรียวระหงองค์สมส่วน
    ชม้อยชวนเสน่หาน่าใจหาย
    อบอวบอิ่มพริ้มงามยามเยื้องกราย
    สั่นใจชายหมายชวนยั่วยวนตา
๒. พักตร์งามเพียงเพ็ญโพยมโสมประดับ
     สองเนตรขับขำขนงส่งเกศา
     สองปรางนวลชวนเชยเย้ยผกา
     แสนกุสุมามิหอมเท่าเคล้าแก้มนาง
๓. หอมเอยหอม หอมกลิ่นประทินโฉม
     หอมประโลมใจชายหมายเกินหมาง
     อยากลูบ อยากจูบ แก้มบางบาง
     อยากลิ้มบ้าง รสนางเป็นอย่างไร
๔. ยามแย้มยิ้มช่างเย้ายวนชวนใฝ่หา
     ยามชม้ายเนตรดาราพาใจไหว
     หอมเนื้อนวลชวนให้วาบหวามใจ
     โอ้! นงคราญทำฉันใดได้ใกล้เธอ
๕. หากนงคราญมาอยู่คู่เคึยงใกล้
     มอบชีวิตจิตใจให้เสมอ
     แม้มิได้อยู่เรียงเคึยงกับเธอ
     แต่ก็เผลอรักแล้วนะแก้วตา
๖. รักแล้วเผลอ เผลอแล้วรักสลักจิต
    โอ้ยิ่งคิดยิ่งหวั่น ใจสั่นไหว
    เพียงคิดถึงแก้วตาในดวงใจ
    ฉันหลงใหลนอนพักหลับไม่ลง
๗. ใครเคยเห็นเทพีเสรีภาพ
     ดูองอาจสง่างามตามราศี
     ดูให้ชัดมองถนัดอีกสักที
     เธอคนนี้มีอะไร ที่งดงาม
๘. เมื่อนงคราญย้ายร่างค่อยย่างเดิน
     สวยเหลือเกินเอวองค์ทรงวาบหวาม
     ทั้งสองตาของพี่นี้มองตาม
     กลัวความงามเลือนลับดับหายไป.....				
26 สิงหาคม 2544 03:27 น.

ฉากสุดท้าย

คะน้า

๑ วินาทีสุดท้ายใกล้มาถึง
   มีดกรีดดึงหัวใจให้หล่นหาย
   เป็นเวลาลมหายใจใกล้วางวาย
   ถึงวันตายวิญญาณออกนอกตัวตน
๒ รำลึกถึงคืนวัน วันเก่าเก่า
    เคยเจ็บเศร้าปวดจิตคิดสับสน
    มินานนักจักล้างวางทุกข์ทน
    ไม่รับหม่นรู้หมองหมายครองใจ
๓ ก่อนจากไปถอดหัวใจไว้ตรงนี้
    เพียงระลึกถึงสิ่งดีๆไม่หม่นหมอง
    สิ่งต่างๆล้วนเป็นไปตามครรลอง
    อย่าปล่อยให้ใจหมองตรองด้วยใจ
๔ แล้วเก็บฝันวันเก่าเอาไว้ก่อน
    ด้วยใจอ่อนร้อนรักหักไม่ไหว
    ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยไป
    คงต้องให้เค้าย่ำช้ำจนตาย
๕ เมื่อวิญญานชีวิตปลิดจากร่าง
    ถึงเวลาปล่อยวางร้างสลาย
    ฉากชีวิตงดงามนามรูปกาย
    ฉากสุดท้ายปิดลงตรงสิ้นใจ
๖  ก่อนวิญญานล่องลอยละลิ่วลับ
    นิ่งสดับสองมือนบ พนมไหว้
    ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
    ยิ้มละไมพร้อมปล่อยใจอย่างปลดปลง
๗ หลับเสียเถิดให้หลับนั้นฝันสนิท
    เพื่อวิญญาณของชีวิตสมประสงค์
    จะสำเร็จระเห็จสวรรค์อันดำรงค์
    ปล่อยให้ร่างเปื่อยผุผงลงแผ่นดิน				
29 กรกฎาคม 2544 01:33 น.

ชิงช้าบนลานทราย

คะน้า

ชิงช้าบนลานกว้าง
ที่ว่างของเธอและฉัน
ที่ที่เคยผูกสัมพันธ์
และบอกลากันเพื่อจากไป
กลับมายืนที่เก่า
มองเห็นรอยเศร้าที่จางหาย
ชิงช้าบนลานทราย
ผุสลายไปตามเวลา
ไม่มีอะไรคงทน
ความรักความหม่นที่เคยค้นหา
ความเศร้าเสียใจที่ผ่านมา
พอถึงเวลาก็จางหายไป
ความเศร้ากลายเป็นอดีต
ที่ขึดชีวิตขึ้นใหม่
ทิ้งรอยแผลเป็นในใจ
ย้ำเตือนเอาไว้...ว่าอย่าให้ใครมาซ้ำรอยเดิม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคะน้า
Lovings  คะน้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคะน้า
Lovings  คะน้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคะน้า
Lovings  คะน้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคะน้า