8 กุมภาพันธ์ 2550 10:57 น.
คอนพูทน
เด็กนักเรียน..นั่งเรียงรายภายในห้อง
คุณครูลองมองโลกกว้างริมข้างฝา
รูมากมี..เก่าแก่ไม้ไม่พัฒนา
เลยคิดหาตามรูเห็น..เป็นอะไร
คนที่หนึ่ง..จึงมามองร้องบอกว่า
สุดสายตาพาพิศพอเป็นกอไผ่
อยู่ลิบลิบ..หยิบมาเล่าพอเข้าใจ
คนต่อไปให้มาเล็ง..แล้วเพ่งมอง
ถอยหลังกลับ..พลางมากล่าวตามเจ้าเห็น
น่าลำเค็ญเป็นโคลนหนอ..ใกล้ริมหนอง
เศษกิ่งไม้เรียงรายราด..กลาดเกลื่อนกอง
คนที่สอง..เสร็จงานสั่งนั่งที่เดิม
คนที่สามตามติดมอง..จ้องรูฝา
หันหลังมาทำตาหวานขับขานเสริม
รั้วไม้นั่น..ริมคันนาควรหาเติม
หญ้าก็เริ่มรกรุงรัง..ผุพังไซร้
คนที่สี่ปรี่เข้ามาพาสะดุด
บอกครูหยุด..ก่อนจะแย่น่าแลไหม
ฝาโรงเรียนปลวกเวียนแทะ..และเล็มไป
เป็นทางไกลไชชอนชิมริมห้องเรา
นี่แหละหนอ..พอคนมองลองมาคิด
ทุกชีวิตลิขิตตาม..นัยความเขา
แต่ละคนยลแตกต่างบ้างหนักเบา
สุดคาดเดาฤดีดล คนละมุม...ฯ
......................................
5 กุมภาพันธ์ 2550 11:18 น.
คอนพูทน
วันเวลาล่วงเลยที่เคยหนุ่ม
กระชวยกระชุ่มฉ่ำชื่นต้องฝืนแก่
มองไร่นานั้นเอ๋ยเคยดูแล
ชะเง้อชะแง้งอนง้ำมาช้ำตรม
เคยแบกไถไล่ควายสู่ปลายทุ่ง
กลับหาหุงอาหารขับขานขรม
เลี้ยงลูกน้อยคอยปัดพัดวีลม
ค่อยชื่นชมชีวาถ้าเจ้าโต
ต่างแยกบ้านชานเรือนมาเยือนเหย้า
คงรบเร้าเฝ้ารับทรัพย์มากโข
จึงแบ่งสรรปันให้ทั้งควายโค
พอฝนซาข้าโซโอ้อกคน
มาห่างหายโหยหาไม่มาหวน
เฒ่ารัญจวนจนใจใครมิสน
ยามเจ็บไข้ไร้รักษ์..จักยินยล
ทุกข์ทานทนถึงท้อพอได้คิด
เปรียบดังขอนท่อนไม้ที่ไร้เห็ด
ขาดคนเด็ดดอมดึงจึงเข้าจิต
นี่แหละรสบทเศร้า..รวดร้าวชีวิต
ครวญพินิจนึกนั้น..รอวันนั้น
...................................
1 กุมภาพันธ์ 2550 14:41 น.
คอนพูทน
ปกป้องผองผืนปฐพี
บ้านเรือนบุรี
รั้วรอบขอบเสริมรักษา
เชื้อชาติเชิดชูบูชา
บูรณะศาสนา
อีกองค์เอกอ้าราชันย์
ศัตรูจู่โจมโรมรัน
รุกล่าฆ่าฟัน
ไล่พ้นผืนแผ่นแดนดิน
ตัวตายวายวอดชีวิน
ชีพสูญชอบสิ้น
บ้านเพียงเมืองเพื่อหมดภัย
ด้าวถิ่นแดนทองของไทย
อยู่ยั้งยิ่งใหญ่
เนื้อเลือดหลั่งหลากมากหลาย
สดุดีแด่ชาติเชิงชาย
พิทักษ์รักษ์ไว้
ลูกหลานสานหวังสืบวงศ์
ชีวิตปลิดแลกแหลกผง
แดดิ้นสิ้นลง
เกียรติเทิดก้องทั่วไทยเทอญ..ฯ
...................................
.