12 กันยายน 2551 10:32 น.
คอนพูทน
พิพากษาล้างสั่ง มลายสูญ
เหมือนศักดิ์ศรีอวสาน หมดสิ้น
ยังกอบกิจเกื้อกูล ของเก่า
คงเล่ห์คมคุ้นลิ้น ลื่นไหลฯ
ครางัดซากเน่าง้าง ทำงาน
ถึงกระเทือนทุกไทย ทั่วท้อง
ยังสนุกและสนาน เสียงสนั่น
มากพวกมาแม้นพ้อง ลากพาฯ
คงคราป่วนปั่นครั้ง อีกคราว
หนออนาถวาสนา ชาตินั้น
ดำขลับกลับทำขาว เทียมค่า
ชูชั่วเชิดช้าชั้น โฉดชินฯ
พรมพราวเพลงพล่าพร้อม เพียงผลาญ
รวมก่อกันเรียงกิน ร่วมเกื้อ
โหดห้ำหั่นหักหาญ หวนหาก
ชวนช่วยชงช้ำเชื้อ ช่อฉลฯ
อันใดในจากด้วย แดงคดี
ยอมนั่นหลังจำนน ตบหน้า
ปวงชนประชาชี เออช่าง
ปล่อยปละละแล้วล้า หมดลมฯ
อย่างเดียวจึงกร่างดั้น โลภดัง
อยากเสพยังสุขสม อยู่ไซร้
ขอเวียนวาดตามหวัง วนว่าย
เมืองเร่าคงร้ายไร้ อร่ามเรืองฯ
ยอมเปรอะปีนป่ายป้อง ดังปอง
ตัวเปล่ายังทนเปลือง ยิ่งเปื้อน
พิษกระหน่ำสาดสนอง หายสนุก
ยามย่างยากอ้างเอื้อน ไม่เอาฯ
จึงเริงกันเข้ารุก ราญรอน
เหยียบเข่นทุกเหล่าเขา แยกข้าง
ย่ำเกียรติประชากร เกินกล่าว
คนเลือกมาอ้าอ้าง ใส่เองฯ
บ้านเรือนลุกผ่าวร้อน พลอยรวน
หนอเหล่าพวกนักเลง อีกแล้ว
พลายโหงห่าคืนหวน ควงหอก
วันคร่ามาเคล้าแคล้ว ครึกโครมฯ
โอ้ดวงเจ้าดอกด้าน จงดล
ลดเถิดแรงถาโถม มากทั้ง
จงคิดหยุดคนขน มาฆ่า
เพียงเพลี่ยงพาพล้ำพลั้ง พิษแผลฯ
.................................
โคลงดั้นบาทกุญชร
28 สิงหาคม 2551 09:47 น.
คอนพูทน
ใหญ่คับฟ้าหมากร่างเดินวางก้าม
แลคับแคบเขตคามลุกลามไล่
เลยเกะกะระรานอันธพาลไซร้
เที่ยวงับเขาเหล่าใครไม่ว่างเว้น
กินทุกอย่างขวางหน้าหมูกาเกือก
กะโหลกกะลามิเคยเลือกลองเคี้ยวเล่น
ทั้งรถยนต์เรือกลไฟไม่กะเกณฑ์
กี่กากเดนกินดะลืมบันยะบันยัง
ถึงอ้วนพีอิ่มพาอุราผ่อง
หลายตาจับจดจ้องมองความหวัง
ทั้งเห็บหมัดหอบหมอนขึ้นนอนรัง
เสวยเวียงเคียงวังบัลลังก์ลาน
แล้วดูดเลือดเรือดริ้นร่วมปลิ้นปล้อน
กี่หนาวร้อนรักแรงแหล่งอาหาร
เลือดสดสดเลือกสูบตามต้องการ
สุดซาบซ่าซึ้งซ่านหวานซับทรวง
ใช่จักอยู่คู่ฟ้าเจ้าหมากร่าง
มัวแต่ฝันมาเดินขวางกลางถนนหลวง
สิบล้อเสยเลยสิ้นดิ้นแดดวง
น้ำตาร่วงรู้รับกับชีวิต
เหาเห็บหมัดสลัดโลดกระโดดพล่าน
เคยสนุกเคียงสนานนานสนิท
จำใจจากพรากลาทุกทิศานุทิศ
เหยื่อใหม่ชิดหมายเชือดดูดเลือดชิม๚:๛
20 สิงหาคม 2551 10:27 น.
คอนพูทน
เพียงพานพบสบพักตร์ประจักษ์จับ
เด่นประดุจเดือนประดับงามประดั่ง
ดาวมหาวิทยาลัยในภวังค์
เหมือนโดนครอบมนต์ขลังจังงังใจ
นัยน์ตาเศร้าตันทรวงหรือรวงโศก
คงแค้นคับอับโชควิโยคไฉน
นั่งคนเดียวเปลี่ยวเปล่าร้าวฤทัย
คงคอยใครคลอเคียงร่วมเรียงรัก
ขอถามไถ่ในละมุนอย่าขุ่นข้อง
นุชนาถนวลน้องเริ่มร้องหนัก
แรกกระซิกเรากระแซะและทายทัก
เนิ่นนานนักนางเนยมิเผยคำ
เอาแต่ร้องมิเริงรื่นสะอื้นสะอึก
คงเจ็บลึกโดนลวงล่วงถลำ
เฝ้าเพียรถามความนัยแม้ใครทำ
ถึงมาชอกหม่นช้ำระกำทรวง
ยังคงเฉยเมยหมองร่ำร้องต่อ
น้ำตาเคล้ารินคลอหนอให้หวง
พอพิศพักตร์อยากพาสุดาดวง
ให้หลุดหายลมห้วงจากบ่วงมาร
เพียงสบเนตรบอกนางมีทางไหน
จะไกล้ไกลใจนี้ทุกที่สถาน
พร้อมเสมอพิสมัยในดวงมาลย์
ยิ่งโศกเศร้าแสนสงสารนงคราญครัน
ยังคงนิ่งหญิงน้องประคองนุช
ผิวผาดผุดผ่องแผ้วแก้วจอมขวัญ
ชวนชูช่อชมชื่นในคืนจันทร์
อุ่นไออันอวลอบจะพบพริ้ม
ไม่มีคำคัดค้านบนลานคิด
ปล่อยชีวิตลอยวนบนมือนิ่ม
ลองจูงนางพลางพลอยในรอยยื้ม
แม่แก้มอิ่มเอยองค์อนงค์นวล
เดินตามคลอพะนอน้องมิข้องขัด
โอ้อวบอัดเอยอันพาปั่นป่วน
พิลาไลพิลาศเหลือเลิศล้นล้วน
เร้ารัญจวนรวนใจไฉนฉะนี้
คิดไม่ตกอกเออชะเง้อชะแง้
ถามดวงแขเดือนไขประไพศรี
จะพำนักที่ไหนอย่างไรดี
ไร้วจีเอื้อนจากปากแก้วตา
ตัดสินใจพาจอมพะยอมเจ้า
เปิดห้องเช่าเคล้าชื่นคลื่นโถมถา
บังกะโลริมทะเลในเวลา
ที่อ่อนล้าอาลัยให้ลองลืม
ทะเลสั่งระลอกสายพรายพริ้มน้ำ
ประโลมเล้าละเลงล้ำดูดด่ำดื่ม
ยิ่งยลยามระยับยิบยวนหยิบยืม
แล้วหลงปลื้มลามปล่อยลิ่วลอยลม
อุษาสางนภางค์ผ่องคลื่นซ้องซับ
หาดทรายรับรินสราญผสานผสม
คงเนื้อนิ่มอิ่มฤดีสุนทรีรมย์
มานั่งชมทะเลเช้าจึงเข้าชิด
ต่างก็ผ่านคืนผันต่อกันแล้ว
เพียงดวงแก้วอย่าโกรธยกโทษผิด
ยังคงค้างคาใจในชีวิต
โปรดบอกนิดหน่อยน้องร้องทำไม
นัยน์ตาซึ้งรอยโศกวิโยคสร่าง
กมลคลอพะนอข้างพลางขานไข
วันหนึ่งนอนร้อนหนาวปวดร้าวใน
และหลายครามีไข้ไม่สบายครั้น
ไปโรงหมอ..บอกหมอรอรักษา
ผลตรวจว่ายังพอไหวอย่าได้หวั่น
โรคเอดส์รุกรุมเร้าเข้าโรมรัน
เจ็บจุกอกอัดอั้นจาบัลย์จึง
ได้ฟังความปานฟ้าเข้าฟันฟาด
โถมกระหน่ำกัมปนาทใจขาดผึง
นึกว่าโชคหลงชมความกลมกลึง
ที่รัดรึงกลับร้ายโอ้ชายรวน
เรี่ยวแรงโรยโหยให้ในละเหี่ย
พาอ่อนเปลี้ยเพลียคราวเศร้ากำสรวล
บนความสวยนวยนาดนุ่มเนียนนวล
หอมอบอวลอาจกระอักสำลักลึก
......................
2 กรกฎาคม 2551 10:53 น.
คอนพูทน
หลากเรื่องยิ่งกำลังยุ่ง นะย่ำแย่มิหยุดหย่อน
ประชาราษฎร์เดือดร้อน ทรวงสะท้อนถอนฤทัย
สินค้าพุ่งของแพง ค่าแรงตกร่วงต่ำ
จักกลืนข้าวแต่ละคำ สุดอนาถจะขาดใจ
ทั้งกะปิน้ำปลา ขึ้นราคาเป็นว่าเล่น
วาจาอันโอนเอน ดั่งดินเลนลื่นไหล
หาทางแก้ห่อนกล่าว เลยสักคราวและสักครั้ง
แขวนชีวิตมุ่งหวัง ยังอาทรร้อนใน
ปล่อยเวลาละลางเลือน ใครตักเตือนเถียงต่อ
เพราะของข้าถูกทุกข้อ อย่ามาส่อสงสัย
แสนสมเพทเวทนา ปนระอาเอือมระอุ
ชวนทะเลาะมุทะลุ ผุกร่อนทั่วประเทศไทย
ผู้คนแตกแยกต่าง แล้วเลือกข้างหลากขั้ว
ขวานทองมืดหมองมัว ขายทั้งตัวและอธิปไตย
จริยธรรมซ้ำสูญ โอ้อาดูรดวงแด
เรือนร่างพร้อยรอยแผล ดูจะแน่อีกนานไหน
มิเคยท่องคุณธรรม เลยถลำเถลือกถลน
หมดค่าราคาคน ถึงสับสนทุกสิ่งไซร้
เพียงที่ผ่านพ้นผัน ความดีนั้นมีไหมหนอ
ยับเยินพังให้พอ ถามสักข้อว่าเพราะใคร
......................
25 มิถุนายน 2551 09:12 น.
คอนพูทน
มโนนบประณตน้อม คุณอนันต์
อภิวาทครบรอบวัน ระลึกไหว้
เรียงสาสน์อีกรังสรรค์ แรงส่ง
สืบศักดิ์อักษรไซร้ สร่างสิ้นอนุสรณ์ฯ
เพลงกลอนเพียงพลิ้วกล่อม เพลินสกาว
มธุรพจน์หยดหยาดพราว หยาดพร้อย
เจิดจรัสอรรถรสราว อรุณอร่าม
งามรื่นชมเรียงช้อย รื่นช้อยเรียงชมฯ
คำคมทุกคมคำ ทุกคำค่าทองคำควร
สอนนำถักสำนวน ทำนองนุ่มไทยนมนาน
อภิวันท์มหากวี กระฎุมพีกระเดื่องพาน
พระสุนทรโวหาร รำลึกค่าคุณานุคุณ
ร้อยกรองเพลงกลอนกานท์ สานน้อมเนื่องสำนึกหนุน
ล้วนละไมพิไลละมุน สลักสลวยสวยลานสลอนฯ
สถิตย์สถานสราญฤทัยในคุณค่า
ทั้งเลื่องชื่อลือชาลีลากระฉ่อน
คมลิขิตประดิษฐ์คำเกียรติกำจร
สืบสานสั่งศึกษาสอนบทกลอนไทย
เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว
พริ้งเพริศแพร้วแพรวพราวสกาวไสว
วันรำลึกสำนึกค่าคุณาใน
แวดวงวรรณกวีไหว้ไว้บูชา ๚:๛
....................................