1 พฤศจิกายน 2550 18:40 น.
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
น.ส.เกศรินทร์ สุวรรณโน อายุ 17 ปี
กำลังเผชิญกับโรคร้าย Leukemia มะเร็งในเม็ดเลือดขาว
ต้องขาดเรียนเป็นเวลานานเพราะต้องรักษาตัวอยู่ขณะนี้ที่ร.พ
จุฬาโดยฉีดเคมีบำบัดหรืออาจตลอดชีวิต
และเธอกำลังรอรับการบริจาคโลหิตเพื่อปลูกถ่ายไขกระดูก ตัวเธอเลือดกรุ๊ป B
ซึ่งผู้ที่สามารถบริจาคเลือดได้ต้องผ่านการบริจาคเลือดแล้วถึง 2
ครั้งที่สภากาชาดไทย
ผู้บริจาคต้องมีร่างกายสมบูรณแข็งแรงไม่มีโรคติดเชื้อร้ายแรง
ลักษณะเนื้อเยื่อ HLA
ตรงกับผู้ป่วยถึงจะรับการบริจาคได้ซึ่งยากมากที่จะหาผู้บริจาคที่มี
เนื้อเยื่อตรงกันจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากผู้มีน้ำใจละจิตเมตตาจะ
บอกกล่าวต่อๆกันก็ได้นะคะ ผู้ป่วยรายนี้กำลังรอชีวิตใหม่จากพวกคุณอยู่
สามารถบริจาคโลหิตได้ที่สภากาชาดไทย
TEL 02-7149124 กด 1 ( ด.ต.สมพร สุวรรณโน : บิดา)
ความจิงก็ไม่ใช่เรื่องของผมอะนะคับ แต่ผมได้ข่าวนี้แล้วผมสงสารเขาจริงๆ ถ้าผมมีเลือดกรุ๊บ บี ผมคงไปบริจาคให้แล้ว ผมไม่ได้รู้จักหรือแม้แต่เคยเห็นหน้าผู้ป่วย แต่ว่าผมก็อยากทำอะไรให้เขาบ้าง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
2 ตุลาคม 2550 21:29 น.
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
?กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก
พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ของวิเศษต่างๆ
พระองค์เริ่มต้นด้วยการสร้างมหาสมุทรทั้ง 7 โดยการวางของวิเศษของพระเจ้า
พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดีคู่กันไป
เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใดสมบูรณ์ไปกว่าประเทศอ ื่นๆ
ทรงเอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกา
แล้วก็เอาทะเลทรายอริโซนา กับพายุทอร์นาโด วางไว้ด้วย
เอาป่าอเมซอนวางไว้ให้บราซิล ทรงเอาไข้ป่าวางไว้ให้ด้วย
เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา
แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้
เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ทิเบตกับเนปาล เพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก
แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศและความแห้งแล้งไว้ให้
ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้
ทั้งหมดจึงไม่มีประเทศไหนใดน้อยหน้ากว่ากัน
แต่พระองค์ทรงลืมประเทศรูปขวานเล็กๆทางแหลมอินโดจีน
ทรงสะพายถุงวิเศษแล้วก้าวข้ามภูเขาหิมาลัยไป
แต่ด้วยความที่เขาสูงมาก จึงเกี่ยวถุงของพระเจ้าขาด
ข้าวของดีๆที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ
เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปวัฒนธรรมดีๆ
อาหารอร่อยที่สุดในโลก
ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด
ว้า แย่แล้ว พระเจ้าทรงคิด
ประเทศนี้ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นทั้งหมดแน่นอ น
พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล
แต่สายเสียแล้ว
พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟกับแผ่นดินไหวให้ญี่ปุ่นไปแล้ว
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้
ประเทศอื่นๆจะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่าไม่ยุติธรรม
จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอ ที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่าประเทศอื่นได้
เมื่อทรงคิดได้
เพื่อเป็นการป้องกันประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ไ ม่ให้ล้ำไปกว่าที่อื่นๆ
พระองค์ก็เลยสร้าง ?คนไทย? ขึ้นมา
ถ้ามีคนไทยอยู่ละก็ ต่อให้สมบูรณ์แค่ไหน ไทยก็ไม่มีวันเจริญ?
นิทานที่เขาอีเมล์ฟอร์เวิร์ดกันมาก็จบลงด้วยประการฉะ นี้
เป็นมุกที่เจ็บปวดแต่ก็เป็นความจริง เหมือนที่เราพูดกันในวงสนทนาบ่อยๆ เมืองไทยเราดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวที่มีคนไทยอยู่
นิทานเรื่องนี้ก็อยู่ในแนวคิดนี้ แต่คนคิดเก่งมากที่แต่งออกมาเป็นนิทานได้
ผมอยากให้คนไทยอ่านแล้วนำไปคิด เหลียวดูรอบกาย เหลียวดูสิ่งแวดล้อมรอบข้างด้วยใจเป็นธรรม แล้วเราก็จะรู้สึก ที่ เป็นอย่างนี้เพราะอะไร เราขาดระเบียบวินัย ขาดคุณธรรมจริยธรรม คิดแต่จะเอาเปรียบแบบศรีธนญชัย นี่คือจุดอ่อนใหญ่ของประเทศ ไทย แก้ได้เมื่อไร เมืองไทยจะเจริญที่สุดในโลกเหมือนที่พระเจ้าทำหล่นให ้มา.
14 เมษายน 2550 21:29 น.
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
สำหรับส่วนใหญ่ของชีวิตผม ทุกคนจะเห็นว่า ผมก็เป็นคนคนหนึ่ง ไม่มีปัญหาอะไร เป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีความสุขกับทุกๆอย่างรอบตัว นั้นสำหรับชีวิตธรรมดาของผมซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่าเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันมันน้อยเหลือเกิน แต่มันกลับทำให้ผมไม่เคยรู้เลยว่า มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมรอคอยให้มีใครมาดูแลมัน นั้นคือความเหงา ผมไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะโพล่มาทำให้ผมเห็นและทำให้ผมรู้ว่า ที่ผ่านมาผมมัวแต่ใช้ชีวิตอันยุ่งเหยิงจนลืมจุดนี้ไป จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับลูกโป่ง เมื่อถูกอัดลม(ความเหงา)เข้าไปมากๆเข้า พอถึงจุดๆหนึ่งไอ้ลูกโป่งมันก็แตกและปลดปล่อยความเหงาที่อยู่ภายในออกมาเต็มหัวใจผม แต่ผมก็ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร เพราะผมไม่เคยเจอกับความเหงาที่มากมายแบบนี้ และถึงแม้ว่าผมจะพยายามทำชีวิตให้ยุ่งเหมือนเดิมเท่าไร ผมก็ยังลบมันออกไปไม่ได้ มันคืออะไรกันแล้วผมจะจัดการกับมันอย่างไร ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดที่จะมองหาคนรู้ใจ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใหนแต่ขอให้เป็นคนที่เข้าใจผมทุกๆเรื่องและแบ่งเบาความทุกของผมได้ ไม่ต้องมากมายแค่ใครสักคนก็ยังดี ผมเคยเก็บเรื่องราวมากมายไว้ในใจ ไม่ว่าจะเป็นทุกหรือสุขผมไม่เคยหวั่นใหวกับทุกสิ่ง แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นอีกคน อย่ๆอีกมุมหนึงที่ผมไม่เคยเห็นมันทั้งๆที่มันอยู่ในตัวผมมันก็โพล่ออกมาและทำให้ผมเป็นแบบนี้ มนับอกผมอย่างเดียวว่ามันไม่ได้ต้องการให้ผมมีแฟนหรือคนรักแต่อย่างใด แต่มันบอกว่าพื้นที่ที่ใช้เก็บเรื่องราวและความรู้สึกในใจผมตอนนี้มันเต็มหมดแล้ว มันไม่มีอีกแล้ว มันจะระเบิดอยู่แล้ว มันบอกกับผมว่ามันอยากให้ผมมีแค่ใครสักคนเอาไว้ให้ช่วยแบ่งเบาความรู้สึกของผม ให้เขาคนนั้นมาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆ ให้เขาช่วยเพิ่มเติมกำลังใจให้กับผมอย่างจริงใจ มันบอกว่าใครๆก็รู้สึกแบบนี้ได้ ผมไม่ได้ต้องการคนรักแบบคู่เครองแต่ผมอยากมีคนสนิทที่มกกว่าเพื่อน ตอนนี้ผมมีเรื่องต่างๆและความรู้สึกมากมายอยู่ในใจ และมันมากเกินที่ผมจะรับไว้ได้มันค่อยๆเพิ่มพูลในใจผมมาสิบกว่าปีแล้วไอ้ความเหงาเนี่ย แต่ผมไม่เคยรู้ตัวเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้มันอาจดูคล้ายการเขียน diary แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช้ เพราะคงมีคนอีกไม่น้อยที่มีความรู้สึกเดียวกับผม และที่ผมเขียนนี้ก็เพราะว่าอยากให้ที่นผู้อ่านทุกท่านลองมองดูรอบๆตัวคุณ เพื่อนคุณ พี่คุณ น้องคุณ แฟนคุณ ในท่าทางที่ยิ้มแย้มของเขาอาจซ่อนไว้ด้วยความเหงาที่เต็มอกของเขาก็ได้ เพียงแต่เขาไม่บอกให้ใครรู้ หากคุณบอกว่า "ก็ไม่บอกใครจะรู้" คุณคิดว่าการที่เขามีเรื่องมากมายขนาดนั้นทำไมเขาจะไม่อยากบอกกับคุณเพียงแต่เขาไม่รู้จะบอกคุณอย่างไร แล้วเขาอาจไม่รู้ว่าไว้ใจคุณได้หรือไม่ด้วย หากคุณเริ่มแสดงให้คนรอบๆตัวคุณเห็นว่า เขาไว้ใจคุณได้ คุณอาจจะพบอีกมุมหนึ่งของเขาซึ่งมันแสนจะหน้าสงสาร เพราะมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนมากมาย แล้วคุณอาจรู้สึกว่าคุณเป็นบุคคลที่มีค่าสำหรับเขามากๆเพราะเมื่อเขาไว้ใจคุณ เขาก็จะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง และเขาก็จะรักคุณมากๆเพราะคุณช่วยแบ่งเบาความรู้สึกในจิตรใจได้
ปล. ที่ว่ารัก ไม่ได้ในฐานะคู่รักเท่านั้น แต่จะรักในฐานะอะไรขึ้นอยู่กับคุณและเขาอยากให้เป็น เมื่อคุณเห็นอีกมุมหนึ่งของเขาซึ่งไม่เคยเปิดเผยคุณอาจจะรักเขาจิงๆก็ได้
5 เมษายน 2550 16:53 น.
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
จากความเหงาและคำถามที่มีมันก็พาให้เรานึกถึงวันเก่าๆ เพื่อพิจารณาถึงผลที่จะตามมาทุกๆด้าน ทั้งถ้าเรามีรักอีก และ ถ้าจะยังไม่มี
เรายังจำได้ วันนั้นเพื่อนของเรายืมโทรศัพท์ของเราโทรหาเธอ แต่เธอก็ไม่คุยกับเพื่อนของเรา เพราะเธอรู้ว่ามันเจ้าชู้ แต่แล้วไอ้เพื่อนคนนั้นมันก็ส่งโทรศัพท์มาให้เราคุย ทั้งๆที่เราพยายามบอกมันแล้วว่า ไม่เอา เราคุยแบบนี้ไม่เป็น (ก็คนมันยังไม่เคยนี่) แต่ธอคนนั้นก็ดันเป็นคนชอบคุย เราเลยไม่ต้องทำรายมาก แค่คุยตามที่เธออยากคุย เราก็จำไม่ได้แล้วว่าคุยรายบ้าง แต่จำได้อย่างนึงว่า เราบอกเธอคนนั้นว่า เราอยากมีเพื่อนมากกว่ามีแฟนน่ะ เธอคนนั้นก็บอกว่า เข้าใจ จากนั้นเราก็สนิทกับเธออย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงเดือนเราก็สนิทกันมากๆ พบกันบ่อยขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น แล้วคืนหนึ่ง เธอก็บอกเราว่า เธอขอเป็นแฟนกับเราน่ะ คืนนั้นเรายอมรับเลยว่าคิดไม่ถึงจิงๆว่าเธอจะพูด เราก็ไม่รู้ว่าเป็นความผิดของใคร ผิดที่เธอกล้าเกินไปหรือผิดที่เราไม่กล้าปฏิเศษ และแล้วเราก็บอกตกลงกับเธอ เราไม่เข้าใจเลยว่านี้คือความรักหรือป่าว แต่ในความรู้สึกส่วนตัว เราคิดว่าเราไม่ได้รักเธอ แต่เราไม่รู้จะบอกเธอไงดีตั้งแต่คืนนั้นแล้ว เราคบกันไปเรื่อยๆทำดีต่อกัน แต่บอกตามตรงว่าเรามีโอกาสที่เราจะทำอะไรไม่ดีหลายครั้ง แต่เราคิดว่าการทำอย่างนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างมาก แค่จับเนื้อต้องตัวกันเรายังไม่อยากเลยเพราะเราคิดว่ามันยังเร็วไป นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่ค่อยพอใจเรานักก็ได้ แต่ทำไงได้หละก็มันไม่ดีนี่จะให้ทำไง หลังจากนั้นเราก็เริ่มเห็นหลายๆสิ่งในตัวเธอที่เราชักไม่ชอบ คือเธอชอบผู้ชายโรแมนติก แต่เราไม่ค่อยจะโรแมนติกเท่าไรก็พอรู้ตัว เธอจึงชอบใช้วิธีต่างๆนาๆมาทำให้เราต้องหันไปสนใจ เช่น ชอบร้องไห้ให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพื่อให้เราไปเอาใจใส่ใกล้ชิดให้มากขึ้น แต่ก็นะ การใกล้ชิดกันมากเกินไปมันก็ไม่ดีเท่าไร เราเธอซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นแหละจะเสียหายไม่ใช่เรา เราก็พยายมบอกให้เธอเข้าใจแล้ว แต่เธอก็ยังทำ และยังพยายามหาเรื่องต่างๆ นาๆมาหลอกเราให้เราสนใจเธอ เช่น บอกเราว่ามีผู้ชายคนหนึงพยายามจะลวนลามเธอที่บ้าน พ่อแม่ก็ไม่อยู่ เราจึงต้องรีบไปดู แต่ก็ไม่พบอะไร พบแต่เพียงเธอซึ่งกำลังรอที่จะพูดคำว่าขอโทษที่โกหกที่พูดมาแล้วกี่ครั้งไม่รู้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นเองที่มันทำให้เราโมโหมากๆถึงขั้นกลับมาทันทีที่รู้ว่าโกหกเลย และไม่รับโทรศัพท์ด้วย ในที่สุดเราก็ออกมาจากชีวิตของเธอโดยไม่รำลา เพราะไม่รู้จะพูดไงดี ไม่อยากเห็นน้ำตาเธออีก และการจากมาของเรานั้น เราไม่รู้สึกสียใจเลย และทุกครั้งที่เธอหลอกอะไรเรา เราก็ไม่รู้สึกห่วงเลย (ห่วงแบบที่เขาเรียกว่ารักนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นไง) ที่เราทำเราคิดว่าเราทำเพราะเรารู้สึกว่าเขาอุดส่าให้คำว่าแฟนกับเรามา เราน่าจะทำหน้าที่ของแฟนให้ดีที่สุด มันอาจเป็นความผิดของเราก็ได้ ที่เราไม่เข้าใจตัวเองดันไปทำอะไรพวกนั้นอยู่ได้ มีใครบอกได้ใหมว่าที่เราเข้าใจในตัวเรามันผิดหรือถูก คือเราเข้าใจว่าที่เราทำเพราะเราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของแฟนแต่เราก็ไม่รู้ว่าเรารักเธอหรือป่าว เพราะเราไม่เข้าใจความรัก แล้วที่เราทำมันเรียกว่ารักหรือปล่าว แล้วรักมันคืออะไร
27 มีนาคม 2550 21:42 น.
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
หากพูดถึงคำว่า "ความสุข" ทุกคนคงจะเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า
ไม่ว่าจะเป็นใครๆ หรือสิ่งมีชีวิตใหนๆก็ต้องการมีความสุขกันทั้งนั้น แต่มันก็ไม่ง่านเลยจริงใหมครับที่จะมีความสุขไว้ในครอบครอง แต่รู้ใหมครับว่าทุกคนโชคดีมากๆที่เกิดมาเป็นคน เพราะ คนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในโลกที่จะสามารถสร้างความสุขขึ้นมาเองได้ ไม่ต้องใช้เงินซ์อ ไม่ต้องขอให้ใครหาหรือทำให้ ไม่ต้องรอคอย เพราะการที่เราจะมีความสุขได้นั้นขึ้นอยู่กับแนวความคิดของเรา เพียงแค่เรารู้จักมองโลกในแง้ดี ไม่รอที่จะให้ทุกอย่างมาหาเรา แต่เราจะเป็นฝ่านเข้าหาทุกอย่างเอง แค่นี้เราก็แสนจะสุขแล้วครับ หากใครจะบอกว่า "ก็ฉันมันเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว คือ เป็นคนชอบคิดมาก โมโหง่าย เลยทำให้มองโลกในแง้ร้ายไปด้วย" นั้นก็เป็นเหตุผลของเขา แต่มองให้ดีๆ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขามีจุดอ่อนตรงใหน แค่นี้ก็เป็นการดีมากๆแล้วเพราะรู้จุดอ่อนของตัวเอง ในเมื่อรู้ขนาดนี้แล้วจะนิ่งเฉยไม่พยายามแก้จุดอ่อนนั้นเลยหรือครับ ถ้าทำงั้น คุณก็ไม่ต่างจากสิ่งไม่มีชีวิตทั่งๆไป ผมพูดถึงสิ่งไม่มีชีวิตนะครับ เพราะถึงแม้จะเป็นสัตว์มันยังรู้จักปรับตัว ดูอย่างจิ่งจก กิ่งก่า มันยังปรับสีตัวเองเพื่อเป็นการอำพรางตัวเองเพื่อเอาตัวรอด แต่หากคุณไม่รู้จักปรับตัว คุณก็แค่สิ่งไม่มีชีวิตอย่างหนึ่ง เป็นต้นว่า ลูกบอน์ คุณสามารถใช้เท้าเตะมันไปทางใหนก็ได้ นั้นเป็นเพราะมันไม่มีชีวิตมันปรับตัวเองไม่ได้ มันหนีไม่ได้ มันสู้กับเราไม่ได้เราจึงเตะมันได้ แต่หากวันได้ ลูกบอลมันเกิดมีชีวิตขึ้นมามันจะยอมให้เราเตะหรือครับ คนเราก็เหมือนกัน หากเราไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นจุดอ่อนของเราได้เราก็เป็นได้แค่สิ่งไม่มีชีวิตที่ถูกสิ่งที่เราเรียกว่าจุดอ่อนบังคับให้เราทำสิ่งต่างๆ แต่หากเราสามารถก้าวข้ามจุดอ่อนเหล่านั้นได้ ความสุขก็จะเป็นของเรา ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดนั้นต้องเริ่มจากการมองโลกในแง้ดี เพราะเป็นสิ่งแรกที่ง่ายที่สุด และการมองโลกในแง้ดีก็ทำให้เรามีความสุขมากมายแล้ว
เราจะเห็นว่าการที่เราจะสร้างความสุขขึ้นมานั้นเราไม่ต้องใช้อะไรเลย เพียงแค่หัวใจอันเชื่อมั่นในตัวเองว่า "เราทำได้" ก็เพียงพอ และสำหรับผู้ที่ยังไม่พบความสุขที่สร้างเองนั้นก็ลองคิดดูนะครับว่า อยากมีใหม ไอ้ความสุขแบบนี้ อยากรู้ใหมมันเป็นอย่างไร แล้วคุณจะรู้ว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่ให้ความสุขได้มากที่ ใจคุณต่างหากที่จะให้ความสุขคุณได้มากมาย และถ้าอยากรู้จักกับความสุข คุณก็ต้องลองคิดต่ออีกนิดว่า คุณเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต และอีกอย่างความสุขแบบนี้ไม่ว่าใครก็มีได้ ก็จริง แต่ไม่มีใครอธิบายได้ว่าเป็นอย่างไร คุณต้องรู้จักมันด้วยตนเอง