15 พฤษภาคม 2547 14:40 น.
ความทรงจำ
ฉันก็พยายามหาคู่แต่ก็ไม่มีเลย หนูได้เอกสารไปยังจ๊ะ คุณครูหันมาถามฉัน ยังคะ ฉันรับเบาๆแต่ก็ลุกไปเอาเอกสารที่คุณครูยื่นมาให้ ฉันรับมาแต่ก็ไม่ได้ทะอะไรอยู่พักนึง คุณครูก็หันมาหาเธออีกครั้ง มีคู่มั้ย?ไม่มี คู่กับคนนี้ก็ได้ เธอก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มคนนึงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวแรกอย่างเงียบๆไม่คิดจะหาคู่ทำงาน(เหมือนกัน) เอ้า!ลุกให้เพื่อนนั่งหน่อย เธอก็จัดแจงบอกลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้างชายคนนั้นให้ย้ายที่กับฉัน ฉันก็เลยจำใจต้องลุกไปนั่งที่ตรงนั้นเพื่อทำงาน อ่ะ!นายเขียนแล้วกัน เราไม่มีดินสอ ฉันพูดไม่พูดเปล่าแต่ชูปากกาสีดำแท่งไม่เกิน10บาทให้ดูเพื่อยืนยันคำพูด เขาก็พยักหน้านิดนึง นายนี่!ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ฉันพึมพำในใจคนเดียวแล้วก็หันไปช่วย(เขา)หาคำศัพท์ ก็ต้องยอมรับอ่ะนะว่าเขาเก่งมากๆรู้ไปหมดซะทุกคำก็ว่าได้ พลับสะกดไงนะ ลูกพลับอ่ะเหรอ plumมั้งไม่แน่ใจนะ เขาก็พยักหน้าอีกครั้ง แล้วคำอื่นหาได้ครบหมดแล้วเหรอ อืม นี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่พูดดีๆกับฉันได้แล้ว ฉันอึ้งอยู่ในใจเล็กๆ เขาก็เขียนชื่อพอเสร็จแล้วก็ส่งดินสอมาให้ฉันเขียนชื่อ ฉันก็รับมาอย่างรู้งาน ก็ยื่นมาให้แสดงว่าจะให้ใช้ดินสอนายเขียนใช่มั้ยล่ะ ฉันถามเขาในใจ เสร็จแล้วก็ส่งดินสอคืนให้ เราเอาไปส่งให้นะ ฉันวางฟอร์มขรึม ก็แค่อยากแกล้งนายขี้เก๊กคนนี้ก็เท่านั้นเอง อืม ฉันก็เลยเดินไปส่งแล้วก็หยิบกระเป๋าแล้วก็เดินตามเขาออกไป ฉันเดินมาขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ไหงนายนั่นอยู่ที่นี่ด้วยหว่า แต่ความคิดเรื่องของเขาก็หยุลงแค่นั้นเพราะรถคันที่ฉันต้องการขึ้นมาพอดี ฉันก็เลยรีบขึ้นไปโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก แต่หนึ่งนรีหารู้ไม่ว่าเขาคนนั้นก็มองเธอขึ้นรถเมล์ไปด้วยเหมือนกัน / นายขี้เก๊กที่หนึ่งนรีกล่าวหานั้นก็คือประภพ ผมไม่คิดจะหาเพื่อนเพิมอีกเพราะผมมีเพื่อนอยู่แล้วอีกคนซึ่งเรียนด้วยกันแต่อยู่ข้างหลังเท่านั้นเอง ผมเป็นคนไม่ค่อยยิ้มและผมก้รู้ตัวดีแต่ก็ไม่อยากฝืนยิ้มตลอด ผมเห็นหนึ่งนรีตั้งแต่วันที่มาเรียนวันแรกแล้วเพราะคุ้นๆหน้าเธอที่ป้ายรถเมล์แต่ก็ไม่แน่ใจ(ก็เคยเห็นแค่ครั้งเดียว) ก็อยากจะเข้าไปถามชื่อเธอหรอกนะเพราะเรียนห้องเดียวกันแต่ก็ไม่ทันเพราะเธอขึ้นรถเมล์ไปก่อนซึ่งเป็นคนละสายที่ผมต้องขึ้นก็เลยไม่ได้ทักเธอ วันนี้ก็อุตส่าห์ได้ทำงานกลุ่มเดียวกันแล้วแต่ผมก็ปากหนักไม่ได้ถามชื่อเธอ ดูเธอออกจะกลัวผมหน่อยๆ(เกรงมากกว่า) พอรู้ว่าต้องคู่กับผู้หญิง อาการฟอร์มก็กำเริบอีกตามเคย วันนี้ว่าจะถามชื่อเธอให้ได้แล้วแต่ก็พลาดอีก ทำไมการทักใครสักคนมันยากเย็นขนาดนี้นะ วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับเอกสารคืนพอช่วงพักเธอก็เดินมาหาผม นายจะเอาเปล่า เธอพูดพร้อมกับยื่นเอกสารแผ่นนั้นมาตรงหน้าผม ก็แล้วแต่อ่ะ เอาก็ได้ไม่เอาก็ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดยาวๆกับเธอ อาจจะไม่ต้องการให้เธอคิดว่าผมขรึมมั้ง งั้นนายเอาไปแล้วกัน เราขี้เกียจเก็บ เธอก็วางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะขณะที่ผมเอื้อมมือจะรับ แล้วเธอก็เดินไปเอาบัตร สงสัยเธอคงไม่อยากรู้จักผมมั้ง ผมอุตส่าห์ทำตัว(พยายาม)เป็นมิตรกับเธอแล้วแท้ๆ หลังเลิกเรียนผมกับเธอก็เดินออกจากห้องตามๆกันอีกเหมือนเคย ผมเดินโดยไม่ได้ลดความเร็ว แน่ะ!เธอยังรีบตามมาอีก แล้วเราก็มารอรถเมล์ที่ป้ายเดียวกัน เธอก็ยืนอยู่ข้างๆผม โทษนะ พอดีตอนนั้นเรารีบจะเอาบัตร เธอพึมพำเบาๆแต่ผมก็ได้ยิน ความคิดที่ว่าไม่อยากรู้จักเธอแล้วก็หายไปจากหัวผมทันทีเลยนะ เออเธอ ไรเหรอ เธอหันมาถามผมตรงๆหน้าตาบ่งบอกว่าสงสัยมาก เออ เอาไว้บอกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ เธอพูดพร้อมกับหันไปขึ้นรถสายที่เธอต้องขึ้นซึ่งมาจอดอยู่หน้าเธอพอดี ชวดอีกแล้วกู ไม่น่าอ้ำอึ้งเลย ผมก็มองรถคันที่เธอขึ้นไปอย่างเสียดายนิดๆ / วันรุ่งขึ้นเธอก็เดินเข้ามาในห้องด้วยเสื้อยืดสีเขียวสลับขาวและกางเกงยีนสีดำยาว ผมของเธอก็ถูกรวบไว้ด้วยยางเส้นสีขาวๆหลายเส้น แก้มเธอดูใสๆกว่าทุกวันนะ ฮัลโหลคะ ผมเห็นเธอหยิบโทณศัพท์ขึ้นมารับแล้วก็ลุกออกไปข้างนอก ผมไม่ได้ตามเธอไปหรอกนะ(ก็จะตามไปทำไมล่ะ)มันเรื่องส่วนตัวของเธอ เธอก็เข้ามาพร้อมกับคุณครู หน้าตาเธอดูมีความสุขมากเหมือนกับว่าโทรศัพท์เมื่อกี้ทำให้เธอยิ้มได้ วันนี้จับกลุ่ม4คนหาศัพท์นะ แถวผมมี4คนพอดี(รวมเธอด้วย)ก็เลยต้องอยู่กลุ่มเดียวกันไปโดยปริยาย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ผมและเธอต้องหันเก้าอี้และโต๊ะมาทำงาน ผมเลยได้นั่งใกล้เธอไปเลย พอ2คนเสร็จ ผมก็เห็นเธอเอาเอกสารของคนที่เสร็จคนใดคนนึงใน2คนนั่นมาลอกในบางข้อที่เธอไม่รู้ แล้ว2คนนั่นก็วิ่งไปส่ง เธอก็รีรออยู่พักนึงแล้วเธอก็หันมาถามผมอย่างเกรงๆ ให้ดูเอามั้ย เธอก็ยื่นเอกสารมาให้ ผมก็เอื้อมมือไปรับ ลายมือเธออ่านยากนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่า2คนนั้นมากทีเดียว ผมก็ลุกเอาเอกสารทั้งของผมและของเธอไปส่ง พอเธอเดินมาผมก็ส่งคืนให้ นายจะขึ้นม.ไรอ่ะ ม.2 แล้วทำไมกลุ่มนั้นเค้าเรียกนายว่าพี่ล่ะ เธอถามผม ผมก้เข้าใจว่าเธอหมายถึงใคร เมื่อตอนเธอเดินเข้าห้องมามีคนถามผมว่า พี่อยู่ร.ร. .รึเปล่า เปล่าทำไมเหรอ คงจำคนผิดน่ะคะ ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจอีก ไม่รู้เหมือนกัน ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้มให้ เหรอ อืม เราก็หยุดบทสนทนาลงแค่นั้น วันนี้เราก็เดินตามๆกันออกมาอีก ผมหันไปมองเธอเป็นพักๆแต่อยู่ๆก็มีพนักงานคนนึงเดินเข้ามาหาเธอ ทำให้เราคลาดกันเพราะเธอยังไม่มาผมก็ขึ้นรถแล้ว เป็นอันว่าวันนี้ก็ยังไม่รู้จักเธออีกเหมือนเดิม / ฉันฟุบลงกับโต๊ะแลคเชอร์อย่างง่วงสุดๆจนทนไม่ไหวแต่สักพักก็มีคนมาปลุก เธอๆๆ จารย์มาแล้ว เขานั่นเอง เออเหรอ ขอบใจมากนะที่ปลุก เขาก็พยักหน้านิดนึงแล้วก็กลับไปนั่งที่ของเขา นิสัยก็น่าจะดีนะ ฉันคิดในใจแล้วก็เรึ่มเรียน วันนี้ก็จับกลุ่ม4คนอีกนะ กลุ่มก็คือกลุ่มเดิมไม่ต้องจัดกันใหม่ง่ายและสะดวกดี วันนี้ทุกคนเสร็จกันหมดเลยแล้วก็ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่คนเดียว แล้วจู่ๆเขาก็หันมา เสร็จยัง น้ำเสียงของเขาเป็นแบบอาทรมากกว่ารำคาญ ยังเลยอ่ะ ฉันก็ส่ายหน้า เขาก็เดินเอามาให้ ฉันก็รับมา พอเสร็จก็ถือของเขามาคืน ทำไมไม่ให้ตรวจพร้อมกับ2คนนั่นล่ะ คุณครูหันมาถามเขา รอคนนี้อยู่จารย์ เขาที่ยืนอยู่ข้างๆฉันก็ชี้มาที่ฉัน คุณครูก็พยักหน้า รู้สึกปลื้มใจยังไงก็ไม่รู้สิ / นายเล่นmsnรึเปล่าอ่ะ เล่น ขอเมล์ได้เปล่าอ่ะ จะเอาไปแอด ให้ได้เปล่าอ่ะ ได้ มีกระดาษมั้ยล่ะ เราจะได้เขียนให้ มี เธอก็ยื่นสมุดลายค่อนข้างคิกขุมาให้ เขียนหน้าไหนก็ได้ เธอบอกกับผม ขณะที่มือเธอง่วนอยู่กับยางที่จะเอามาผูกผมที่ใส่อยู่ที่ข้อมือซ้าย ผมก็เปิดหน้าแรกขึ้นมาเป็นอักษรศิลป์ที่เธอบรรจงทำ(จากที่ดู)เป็นอักษรภาษาอังกฤษคำว่าing หน้านั้นเขียนไม่ได้นะ เขียนอีกหน้า หน้าที่ว่างอ่ะ ผมก็พลิกอีกหน้าแล้วก็เขียนอีเมล์ไปให้แล้วก็ส่งสมุดคืนให้เธอ ขอบใจนะ เธอชื่ออิงเหรอ เปล่า เธอก็เก็บสมุดเล่มนั้นลงกระเป๋า เราชื่อรี ชื่อไรนะ ชื่อรี เธอบอกตัวสะกดมาทีละตัว รี ใช่ ชื่อเพราะดี อืม นายล่ะ เดีย ชื่อจริงนายชื่อประภพหรือพาภพอ่ะ ประภพ ทำไมไม่ชื่อเล่นว่าภพล่ะ ไม่รู้เหมือนกัน เธอล่ะ หนึ่งนรี ผมก็ยิ้มให้เธอนิดนึง ผมและเธอก็เดินตามๆกันมาอีกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ผมชะลอฝีเท้าลงเพื่อมาเดินกับเธอ ไม่ทานข้าวเหรอ ไม่ นายล่ะ ไม่ เหมือนกัน เออที่เมื่อวานนายจะพูด จะพูดไรเหรอ อ๋อ!จะถามชื่อน่ะ อ๋อ!นึกว่ามีไร โทษทีนะเราขี้เกียจรอรถน่ะ ก็เลยขึ้นไปเลย ไม่ได้ทันฟังนายพูด ไม่เป็นไร เป็นเราก็คงทำเหมือนกัน อืม เราชื่อเดียไม่ได้ชื่อนาย เล่นมุขๆ ก็พอใจจะเรียนนายไง ผิดมั้ย ผิด เธอก็ค้อนขวับเข้าให้ แล้วเธอก็หยิบมือถือมากดรับ ไง เลิกเรียนแล้ว อืม แค่นี้นะ แล้วเธอก็เก็บ ใครโทรมาเหรอ นายจะรู้ไปทำไมล่ะว่าใครโทรมา เธอถามอย่างงงๆ ก็เห็นตอนเธอรับโทรศัพท์ก่อนเรียน แล้วเธอยิ้มไม่หุบเลยก็นึกว่าคนเดียวกัน ผมชี้แจง(คล้ายๆรีบปฏิเสธ) ทีแรกไม่นึกว่านายจะพูดมากงี้นะเนี่ย สงสัยคงต้องคิดใหม่ซะแล้วสิ เธอพูดลอยหน้าลอยตา เธอกลับบ้านด้วยรถสายน้นทุกวันเหรอ ไม่หรอก ได้หลายสายแต่สายนี้มันมีเยอะ เธอต้องไปทางไหน ลาดพร้าวแล้วก็ไปต่อรถอีกต่อนึง เหรอ อืมพรุ่งนี้เจอกันนะ เราต้องขึ้นป้ายฝั่งนี้ อืม เจอกัน ก็แล้วแต่นายสิ โชคดีนะ เธอพูดแล้วเราก็แยกกัน /
9 มีนาคม 2547 12:51 น.
ความทรงจำ
เอกสารปึกใหญ่ที่เพลินตาหรือที่เพื่อนๆมักเรียกกันว่าเทียน ถูกสายลมในช่วงเช้าวันอังคารหอบไปตามถนนสายหลัก "แค่นี้ยังสายไม่พออีกเหรอไงนะยัยเทียน ตายๆๆ" เธอพูดพลางวิ่งตามเก็บเอกสารที่ปลิวไปตามถนน ดีที่ว่าถนนสายนี้ไม่ค่อยมีรถสัญจรนัก ขางๆถนนเส้นนี้ก็เป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพลินตาก้มลงเรียงเอกสารเข้าที่และก็พบว่าเอกสารหน้าสำคัญที่เธอจะต้องเอาไปเสนอกับลูกค้าวันนี้หายไป "ทำไงดีว่ะเนี่ยยัยเทียน ซุ่มซ่ามไม่เข้าเรื่อง" "นี่เธอๆ" เสียงของชายหนุ่มคนนึงดังขึ้นจากด้านหลัง "ค่ะ" "นี่ของคุณรึเปล่าคับมันมาตกลงบนกระจกหน้ารถผม" "อ๋อคะ ขอบคุณมากนะคะที่เอามาให้" "ที่จริงก็ไม่ได้อยากเก็บให้หรอกนะแต่มันเผอิญมาอยู่หน้ารถผม ก็เลยต้องลงมาตามหาเจ้าของ" คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขาทำให้เพลินตาฉุนขึ้นมาทันที "นี่คุณ ถ้ามันลำบากมากก็ทิ้งไปเลยสิจะเก็บไว้ทำไม" "ก็เพราะผมรู้ว่าต้องมีคนต้องการไง แล้วผมคิดผิดเหรอ" เขาหันมาย้อนถามเธอ เพลินตาก้มลงมองนาฬิกาและก็รีบพูดว่า "ยังไงชั้นก็ต้องไปทำงานแล้ว ถ้าอยากจะทะเลาะกันต่อก็คงเอาไว้คราวหน้า ชั้นมีนัดลูกค้าตอนเช้านี้" เพลินตาพูดพร้องกับทำท่าจะเดินไปอีกทางซึ่งมุ่งสู่ตัวเมืองเช่นกันแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขารั้งเธอไว้ก่อน "คุณไม่มีรถใช่มั้ย" "รู้ได้ไง" "ก็ถ้าคนสติดีและมีรถนะ เค้าก็คงไม่ลงมาเอาเอกสารที่มันปลิวหรอกมั้ง อย่าบอกนะว่รถคุณไม่มีแอร์" "ใช่" "งั้นก็น่าเสียดาย คุณคงจะรู้นะว่ากว่าจะเดินไปถึงถนนใหญ่น่ะนานแต่ไหน งั้นผมไปล่ะ" ...."นี่คุณ ชั้นไปด้วย" "ไหนว่าเอารถมาไง" "ไม่มีหรอก ไปด้วย" เพลินตาพูดไม่พูดเปล่า ก็(โดด)ขึ้นไปนั่งในรถทันที / เพลินตาลงจากรถโดยที่กล่าวขอบคุณชายผู้นั้นและเธอก็ต่อรถเมล์ไปยังที่ทำงาน "นี่เทียน หล่อนมาสายนะเนี่ย" จิ๊บเพื่อนสนิทที่ทำงานของเธอทักขึ้นและอึ้งเมื่อเห็นสภาพของเพื่อน "แกไปทำไรมาอ่ะ" "ตามล่าเอกสาร" เพลินตามองนาฬิกาบนโต๊ะทำงานของตนแล้วก็ถอนหายใจ "อีก15นาที ค่อยยังชั่ว" "ใช่ๆแกวันนี้เพื่อนสนิทเราเมื่อมัธยมจะมาหาเราอ่ะ" "เหรอ เค้าชื่อไรล่ะ" "ชื่ออานุภาพ ไอ้นั่นน่ะมันพูดตรง เทียนอย่าไปคิดมากแล้วกัน" "เทียนจะมีสิทธิ์ไรไปคิดมากกะคำพูดของเพื่อนจิ๊บล่ะ ตอนนี้เทียนยังไม่รู้แม้หน้าตาของเขาเลยนะ" ......."จิ๊บ ยัยจิ๊บ" "อ้าว นุมาพอดี นี่ๆเทียนนี่ไงนายนุเพื่อนเราเอง ไอ้นุนี่เทียนเพื่อนเราเอง เพลินตา" เธอมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ เขาก็มองหน้าเธออย่างงงๆ "นี่เธอทำงานที่นี่เหรอ" "ใช่ไมมีปัญหาเหรอ จิ๊บเราไปทำงานก่อนนะ" เพลินตาหยิบแฟ้มเอกสารแล้วเดินสะบัดออกไป "เทียนมันก็เป็นอย่างนี้แหละ นายก็เห็นนี่จะไหวเหรอ" ภาพของหญิงสาวผมซอยสั้นถูกนำมาอวดเค้าเมื่อนัดเลี้ยงรุ่นกันเมื่อปีที่แล้ว ทำเอาเค้าติดใจและอยากจะเจอตัวจริงเป็นที่สุด แก่นดีเหมือนกัน เขาคิดในใจ หลังจากนั้น2ชม.เพลินตาก็เดินออกมาจากห้องผู้บริหาร "จิ๊บไปทานข้าวกัน" "จิ๊บไปเข้าห้องน้ำ แต่ผมก็อยากจะไปทานด้วยนะ" "นี่นายไม่ทำมาหากินเหรอไง มานั่งเฝ้าเพื่อนเป็นชั่วโมงๆ" "อืม ว่าง" "นี่คุณเพลินตา อ้าวคุณอานุภาพมาได้ไงคับเนี่ย" "ก็ขับรถมาน่ะคับ" "นี่คุณเพลินตานี่ไงคุณอนุภาพ ...... เค้าเป็นวิศวกรคนใหม่ที่ผมบอกคุณน่ะ" "นายนี่น่ะเหรอค่ะ ผู้จัดการ" "ใช่ งั้นเดี๋ยวผมไปแล้วนะ มีนัดลูกค้าตอนกลางวัน คุณเพลินตาก็จัดการหน่อยนะ พาไปดูที่ทำงานของเค้าซะให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะได้มาทำงานได้เลย" "คะ ผู้จัดการ" "ไงคับ คุณเพลินตา" "ไม" "คุณคงต้องพาผมไปทัวออฟฟิศแล้วล่ะมั้ง" เขายักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ เพลินตาเริ่มกำมืออย่างโกรธๆ จิ๊บออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้เรื่องว่า "นี่ทั้ง2คนเราไปทานข้าวกันเหอะ อุ๊ย" จิ๊บเริ่มสังเกตอาการผิดปกติของเพลินตา ตายแล้วอาการโกรธจนหน้ามืด ต่อไปเกิดเรื่องหน้ากลัวแหงๆเลย
27 กุมภาพันธ์ 2547 13:54 น.
ความทรงจำ
นี่ แอ๊นๆยืมการบ้านหน่อยดิ เอพริลหรือเมษา เพื่อนสนิทของฉันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ทำไม แกจะเอาไปทำไมว่ะ ลืมทำการบ้านมาอ่าดิ น่าชั้นไหว้ล่ะยืมหน่อยน๊า ยัยเอพริลก็ลากเสียงบ่งบอกถึงความอยากได้มาก-มากที่สุด วิชาไรอ่า ฉันบ่นอย่างปลงๆแต่ก็สะบัดเสียงหน่อยๆ อังกฤษจ้า อ่ะ! ฉันก็ส่งสมุดสีม่วงที่ใช้เป็นวิชาภาษาอังกฤษเล่มที่เธอต้องการไปให้ ขอบใจมากจ้า เอพริลรับมาพลางขอบคุณและก็จัดการเดินกลับไปนั่งทำการบ้านที่โต๊ะทันที ไม่ค่อยจะไม่ส่งเสริมเพื่อนเลยนะ นายเทมพูดไปก็เก็บของที่นั่งทำการบ้านอยู่ก่อนแล้วลงกระเป๋านักเรียนแล้วก็ยิ้มขำๆ เชอะ เขาได้ยินเธอทำเสียงเชอะแน่นอนและอากัปกิริยานั้นทำให้ชายหนุ่มยิ่งขำ ขำไรนาย ห๊า ฉันหันมาเอาเรื่องนายเทมที่ขำจนตัวงอ เปล่าๆไปเข้าแถวแล้วนะ นายเทมก็ลุกไป นายเทมบ้า ฉันเก็บเอกสารบางส่วนใส่ใต้โต๊ะแต่ก็สัมผัสได้กับอะไรนิ่มๆเละๆ ฉันก้มลงมองสิ่งที่อยู่ใต้โต๊ะ ถุงโดนัท? ฉันเห็นว่ามีโดนัทใส่ไส้ต่างๆอยู่เต็มถุงเลยไม่มีชิ้นไหนกินแล้วไม่น่าจะมีคนแกล้งกันหรอก ฉันสรุปกับตัวเองและก็เก็บถุงโดนัทไว้ใต้โต๊ะบนเอกสารที่เพิ่งใส่เข้าไปเมื่อสักครู่แล้วก็ไปเข้าแถว / กินเปล่า ฉันแกะถุงใส่โดนัทออกทานและยื่นไปให้นายเทมที่ก้มเขียนหนังสืออยู่ ไม่เอาอ่ะขอบจาย เราไม่ชอบของหวานๆ นายเทมก็หยุดเขียนและหันหน้ามาทางฉัน ชอบจริงนะของหวานเนี่ย แล้วใครให้เหรอ นายรู้ได้ไงอ่ะ ก็เราให้เองไงทำไมจะไม่รู้ นายเป็นคนให้ ให้ไร? ก็โดนัทถุงที่เธอกำลังทานอยู่นี่แหละ นายเทมก็ชี้ไปที่ถุงโดนัทที่ฉันถืออยู่และฉันก็ลดมือที่ถือโดนัทใส่มะนาวลงอย่างทันทีทันใด ให้ไม? ฉันถามอย่างเอาเรื่องนิดๆ ก็เราไปทานข้าวแล้วเห็นมันมีขายอยู่ใกล้ๆกันก็เลยซื้อมาฝาก นายไปทานไรใกล้ร้านที่มีขายโดนัทอ่ะ เราไปทานขนมปังกับกาแฟมันมีขายโดนัทด้วย ไงเคลียร์ยัง? อืมทีหลังไม่ต้อง ฉันเงยหน้าสบตาของนายเทม..แวบนึงที่ฉันเห็นว่ามันมีมากกว่าแววตัดพ้อน้อยใจ มันบ่งบอกว่าอย่างนั้น ฉันก็ส่ายหัวแรงๆไล่ความคิดและสายตานั้นให้ออกไปจากสมอง ฉันมองเข้าไปในตาของนายเทมอีกครั้งแต่แววตานั้นไม่เหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว ท่าจะคิดไปเอง ฉันสรุปกับตัวเองในใจ / นี่แอ๊น เราว่านายเทมเหมือนจะสนใจแกเลยนะเว้ย บ้าน่า ไอ้เมแกก็มากไป เค้าไม่คิดจะจีบหรอกก็เราเป็นแค่เพื่อนกัน แน่ใจรึจ๊ะว่าเพื่อน คำทักของเอพริลทำเอาฉันหวั่นไหวในความคิดนั้นแล้วสายตาของนายเทมคู่นั้นก็แวบเข้ามาในความคิดอีกครั้ง แน่ใจดิ เมนี่ถามไรแปลกๆ ฉันแกล้งทำหน้าขำใส่เอพริลแม้ว่าในใจจะสับสนมากก็ตามที ไม่รู้น๊า บางทีมันก็เป็นไปตามธรรมชาติกว่าจะรู้ตัวก็รักจนถอนตัวไม่ขึ้น เอพริลยังคงพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆจนถึงห้องดนตรีไทย ฉันกับนายเทมต้องนั่งติดกันฉันก็นั่งท่าเทพธิดา นายเทมก็นั่งท่าเทพบุตรเรียบร้อยก่อนที่อาจารย์จะมาซะอีก นี่นาย ไร เราลืมเอาสมุดโน้ตมาอ่ายืมดูด้วยนะ ได้มั้ย ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ ได้ดิแต่มันรกไปหน่อยนะ ฉันรับสมุดโน้ตมาและก็เปิดไปเพลงที่จะต้องหัดวันนี้ ขณะที่เปิดไปนั้นหน้าอื่นๆที่หัดไปแล้วมีรอยปากกาขีดเขียนอยู่เต็มหน้าไม่ว่าจะเป็นน้ำเงิน ดำหรือว่าดินสอ ท่าจะจริงอ่าที่นายบอก ดูได้เปล่าล่ะ นายเทมทำหน้าเหยเก ดูได้ดิ มันก็ไม่รกมากหรอกนะ ฉันตอบออกไปเพื่อให้นายเทมสบายใจ จารย์มาแล้ว ฉันหันไปเตือนนายเทมเมื่อเห็นอาจารย์เดินเข้าห้องมา ขอบใจนะ นายเทมพึมพำกับฉันเบาๆแต่ก็ได้ยิน ไม่รู้ว่าเขาขอบใจชั้นเรื่องอะไร เรื่องอาจารย์มาหรือว่าเรื่องสมุดโน้ตดนตรี /
25 กุมภาพันธ์ 2547 13:41 น.
ความทรงจำ
วันเปิดเทอมวันแรกของนักเรียนชั้นม.4อึกทึกและวุ่นวายพอสมควร ทุกคนต่างก็มาดูคะแนนของตนที่ได้เพื่อดูห้องและฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น แอ๊นแกได้ห้องไรว่ะ ห้อง4 เก่งนี่หว่า เราได้ห้อง7เอง แยกกันแล้วเนอะ เอาไว้ว่างๆค่อยคุยกันนะ อืม แล้วร่างเพื่อนสาวของฉันก็เดินไปอีกทาง ฉันก็เดินหาห้องและก็หาที่นั่งซึ่งตอนนี้มีคนจับจองไปกว่าครึ่งแล้ว เธอนั่งนี่สิ มีผู้ชายคนนึงหยิบของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเขาออกพร้อมกับส่งยิ้มแบบเป็นมิตรมาให้ ไม่เป็นไรอ่าเราจะลองหาที่นั่งดูก่อน พูดตรงๆเราไม่ค่อยอยากนั่งข้างนายอ่าไม่อยากนั่งข้างผู้ชาย ฉันก็นึกแปลกใจเพราะฉันไม่เคยพูดกับผู้ชายตรงๆแบบนี้มาก่อน โกรธแหงแซะเลยแหะ แต่ผิดคาดเค้ากลับยิ้ม ไม่เป็นไรแต่เราว่าเธอคงต้องนั่งข้างเราแล้วล่ะมั้ง ฉันก็สอดส่องสายตาหาที่นั่งแต่ก็ต้องจำยอมนั่งลงข้างๆเค้า เพราะที่นั่งไม่มีเหลือแล้วมีแต่คนจับจองกันหมดแล้ว นายชื่อไรอ่า เค้าก็พยักเพยิดไปที่ชื่อบนแฟ้มเอกสารเล่มใหญ่ที่เค้าวางไว้บนโต๊ะก่อนแล้ว ชุษณะ ........... ฉันเอ่ยอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มทีแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น(เล็กน้อยยยยยยยยยยย) ช่าย เธออ่านถูกแล้ว แล้วชื่อเธอล่ะ ภิญญดา .......... ชื่อเล่นอ่า ทีนายยังไม่บอกเราเลย ชื่อเทม แอ๊น ฉันบอกแค่นั้นและก็ลุกไปเข้าแถว / ฉันนั่งปั่นเรียงความอยู่คนเดียวในห้อง นายเทมก็เดินเข้ามาทัก อ่ะ!เราซื้อมาฝาก เอาขึ้นมาได้ด้วยเหรอ ฉันพูดพร้อมกับแง้มดูถุงฝรั่งกับชมพู่2ถุงใหญ่พร้อมกับบ๊วยกับน้ำตาลพริกเป็นของแถม2ถุงเล็กๆ ได้ดิ เมื่อก่อนก็ทำออกบ่อย ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ อืมดิ ไม่งั้นเธอคงไม่เห็นเราหรอก เผอิญลืมเรียงความไว้ใต้โต๊ะอ่ะเลยมาเอา นายเทมก็ก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะ เจอมั้ย ฉันถามอย่างวิตกก็ดูจากท่าทางตอนเค้าค้นดิ เจอ เอ๊..อยู่ไหนหว่า เมื่อกี้ว่าเห็นๆอยู่ นายเทมก็(เริ่ม)รื้อลิ้นชักแบบเอาเป็นเอาตาย มา เราช่วย ฉันก็ก้มลงไปช่วยหา เรียงความเธอเราทำให้ แต่มันเป็นเรียงความชั้นนะ พักมือบ้างไง นายเทมพูดไม่พูดเปล่ากลับเลื่อนอุปกรณ์ที่อยู่บนโต๊ะของฉันมาที่โต๊ะของเขา ก็ได้ นายหลีกไปดินายนั่งอยู่ที่โต๊ะนาย ชั้นจะช่วยค้นได้ไงกันเล่า ฉันพูดอย่างสะบัดๆ นายเทมก็ปล่อยก๊ากทันที ขำอยู่ได้แล้วงานชั้นจะเสร็จมั้ย คร้าบบบบบบ นายเทมก็หยิบของทั้งหมด(อุปกรณ์ชั้นนะยะ) ไปไว้อีกโต๊ะนึงใกล้ๆกันแล้วก็ลงมือเขียน ลายมือให้ดีๆนะ ฉันพูดพร้อมกับลงมือหาแต่หาไปได้แค่แปปเดียวก็เจอเรียงความของนายเทมนอนแอ่งเม้งอยู่ใต้โต๊ะ เจอแล้ว เราวางไว้ให้นายบนโต๊ะนะ ฉันก็หยิบเรียงความหน้าปกสีสดออกมาวางบนโต๊ะของเขา เอาเรียงความชั้นคืนมาดิ ไม่ขโมยไปหรอกน่า อยากทำให้ดูปากให้ชัดๆนะ อยาก ฉันก็จิ้มฝรั่งเข้าปากอีกมือก็เอาชมพู่เข้าปากนายเทมเพื่อไม่ให้พูดต่อ อยากทำก็ทำ งั้นเราไปห้องน้ำนะกลับมาต้องให้เสร็จ ฉันขู่ทิ้งท้ายแล้วก็ออกจากห้องไป ยัยบ้า เทมต่อว่าด้วยเสียงอู้อี้เพราะมีชมพู่อยู่เต็มปาก / อ่ะ!น้ำ ฉันยื่นขวดน้ำโพลารีสขวดราคา5บาทมาตรงหน้านายเทมที่กำลังก้มเขียนเรียงความอยู่ ขอบใจวางไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวมาเปียกเรียงความเธออีก นายเทมชี้ไปที่โต๊ะของเขาที่ว่างอยู่ ฉันก็เอาขวดน้ำวางไว้พร้อมกับหลอดแล้วก็ตรงไปเก็บของที่โต๊ะของฉัน บ้านเธออยู่ไหนอ่ะ อยู่อ่า นายล่ะ ทางเดียวกัน แล้วไง ถามไมอ่ะ ฉันงงเล็กน้อยแต่ฉันก็เป็นคนที่ถ้าใครถามอะไรมาก็จะถามคำถามนั้นกลับเสมอๆจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว เปล่าถามเฉยๆ ไปเหอะเสร็จแล้วเธอเก็บไปด้วย เราไปหาไรทานกันเปล่าไหนๆก็บ้านอยู่ทางเดียวกันอยู่แล้ว แล้วไง มันเกี่ยวไรอ่า ไปส่งไง เข้าใจยังหะ อืมๆเก็บของแปป ฉันก็เก็บของทั้งหมด(ประมาณว่ากวาดอ่ะนะ)ลงกระเป๋านักเรียนด้วยความรวดเร็ว/ เอาไรดีเธอ เอาขนมปังทาเนยนมข้น2แผ่นกับโกโก้เย็นอย่างละที่คะ ฉันบอกกับพี่ที่มารับออเดอร์พร้อมกับส่งเมนูคืนให้ นายเทมก็สั่งกาแฟเย็นกับขนมปังทาชีส2แผ่นเหมือนกัน เธอมีพี่น้องมั้ยอ่ะ นายเทมถามหลังจากที่ของที่สั่งมาแล้ว มีน้องคนนึงชื่อบี ทำไมถึงชื่อบีล่ะ ก็แอ๊นแปลว่ามดใช่มั้ยล่ะ บีก็แปลว่าผึ้ง เอ แอ๊น บี บี บีอีอีนะ อ๋อ ฉันอธิบายไปก็เอาหลอดคนไปมาในแก้วโกโก้ของตัวเอง การบ้านวันนี้เยอะดีเนอะ อืม เดี๋ยวเราให้พี่สอนให้ นายมีพี่ด้วยเหรอ มีดิ ชื่อทาม ม. ม.6 เหรอ อืมๆ ฉัยก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ ถ้าวันไหนการบ้านยากและพี่เรากลับเร็ว เราให้เธอไปทำการบ้านกับเราแล้วกัน ฉันมองท่าทีของนายเทมแต่ก็เห็นนายนั่นส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ นายคงไม่คิดจะจีบชั้นหรอกนะ บ้าดิ ใครจะไปจีบเธอ นายเทมรีบปฏิเสธทันที พูดแหย่เล่นเท่านั้นเองร้อนตัวไปได้ ฉันก็ยิ้มให้กับนายเทม เธอไม่คิดอะไรนะ เราบริสุทธิ์ใจจริงๆ อืม ก็ไม่ได้คิดอ่ะ ฉันส่ายหัวแล้วก็เอาชิ้นขนมปังทาเนยนมข้นเล็กๆที่หั่นไว้แล้วเข้าปาก ไม่หวานเหรอไง นายเทมถามและมองอย่างเหยียดๆ ไม่ อร่อยออกชิมได้นะ ไม่ชิมก็ไม่รู้ดิว่ามันหวานไม่หวานยังไง ฉันหยิบส้อมของนายเทมมาจิ้มชิ้นขนมปังทาเนยนมข้นเล็กๆยื่นให้นายเทม นายเทมก็รับมาอย่างเสียไม่ได้แล้วก็เอาเข้าปากของตัวเอง อร่อยมั้ย ฉันลุ้นอยู่ขณะที่นายเทมเคี้ยวอยู่ อืมไม่หวานอย่างที่คิด เธอล่ะลองทานของเรามั้ย ไม่อ่ะ เราไม่ชอบ ชีสเหม็น อ้วนก็อ้วน ฉันรีบปฏิเสธแต่นายเทมก็คว้าส้อมของฉันไปแล้วขนมปังทาชีสชิ้นเล็กๆก็ติดมากับส้อมด้วยฉันก็จำใจรับมาทาน เป็นไง ไม่เหม็นแต่มันก็ยังอ้วนอยู่ดีแหละ ฉันเบ้ปากนายเทมก็ยังได้ยิน เราก็ไม่ชอบนมข้นเหมือนกันแหละน่าถือว่าเราหายกันแล้วนะ ก็ได้ ฉันตอบเสียงสะบัดๆเรียกรอยยิ้มจากนายเทมได้อีกครั้ง ฝากไว้ก่อนเหอะนะ ทำไมก็ไม่รู้ฉันแพ้นายทุกทีเลย / นายส่งเราแค่นี้พอ เราไม่อยากให้แม่ซักแล้วเดี๋ยวน้องเราก็แซวอีก ก็ได้ตามความสมัครใจ งั้นเราไปนะเจอกันที่โรงเรียน อืม บายนายเทม ฉันก็มองตามนายเทมเดินออกไปจากซอยบ้านของฉันจนลับสายตาจึงเดินเข้าบ้าน /
24 กันยายน 2546 13:22 น.
ความทรงจำ
ในปีหนึ่งๆไม่เคยร้อนตลอดปีหรือหนาวตลอดไปและนี่ก็คือเสน่ห์ของมัน เสน่ห์ของความรุ้สึกดีๆที่ชื่อว่า..." รัก"
ขอบคุณฤดูกาลที่มีไว้ให้เราปรับตัว เวลาหนาวก็เข้ามาใกล้กัน เวลาร้อนก็ขยับออกห่างกันสักนิด ให้พอหายใจสะดวก เคยถามตัวเองกันบ้างรึเปล่าคะว่าชอบฤดูไหนมากที่สุด สำหรับฉัน ฉันชอบฤดูหนาวเพราะเป็นฤดูที่เราเกิด(ของตัวเองไม่ใช่ของคนเขียนมันทำให้มีความทรงจำเกิดขึ้นมา) เมื่ออยู่ในอารมณ์ของความรัก เราก็ต้องการที่จะเห็นดาวสวยๆด้วยกัน กินไอศครีมอร่อยๆในถ้วยเดียวกัน เหงาๆบ้างเพื่อจะโทรหาเพราะไม่อาจทนคิดถึงแล้วในที่สุดก็จะพูดได้ว่า ฉันรักเธอนะ...และไม่ได้รักแค่ฤดูกาลเดียว นี่แหละที่ทำให้ชอบและเลือกมาฝากให้อ่านกัน ลองถามตัวเองนะค่ะ ชอบฤดูไหนมากที่สุด