31 ธันวาคม 2549 12:38 น.
ความทรงจำ
วันนี้เธอได้นอนคิดอะไรหลายๆอย่าง
เทศกาลปีใหม่ที่หลายคนต่างพาตัวเองไปท่องเที่ยว เติมความสุข
เพื่อการทำงานอีก365วันในปีหน้า
แต่เธอ เลือกที่จะนอนคิดอะไรเงียบๆคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้น
มันกระทบทั้งความรู้สึก ความนึกคิด ชวนให้เธออ่อนล้า
เธอยังคงนอนอยู่กับที่นอนแข็งๆ และเย็นเยียบจากอากาศหน้าหนาวที่ลอดหน้าต่างบานน้อยที่เธอเปิดแง้มไว้นิดๆ
เพดานสีขาวที่เป็นรอบแปรงทาสี ที่ปาดสีขาวไว้ลวกๆ
เธอนึกไปถึงตอนที่สร้างบ้านหลังนี้ใหม่ๆ บ้านที่ตา ยายของเธอเป็นคนสร้าง
เผลอจินตนาการไปถึงตอนที่ช่างทาสีลงแปรงทาสี
ตอนที่ติดสายไฟห้องต่างๆให้เข้าที่
ห้องที่เธอนอนอยู่นี้ แม่ของเธอก็เคยนอนมาแล้ว
เธอคิดไปต่างๆนานา ว่า ถ้าเมื่อเธอย้ายออกไป ห้องๆนี้ ก็คงจะกลายเป็นห้องว่าง
เธอไม่รู้หรอกว่า ตอนที่แม่เธออยู่ แม่เธอ ใช้ห้องนี้สำหรับทำอะไร
อ่านหนังสือสอบ? นอนอย่างเดียว หรือ เป็นที่ๆเอาไว้ระบายความรู้สึกต่างๆ
แต่สำหรับเธอนั้น ห้องนี้...เธอใช้อยู่กับตัวเอง ปิดกั้นสิ่งต่างๆ ด้วยประตูไม้หนาหนัก
เธอคิด คิด......และก็คิด......................................................
....................................
....................................................
จนกระทั่ง วันหยุดปีใหม่ได้ผ่านพ้น
เธอค่อยๆปิดประตูห้องสีขาวนั้นลงเบาๆ
ของทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไม้เต็มมือไปหมด
ห้องสีขาวโล่งๆ ก็ไร้ค่าอีกครา เมื่อเธอทบทวน และอยู่กับตัวเองจนพอใจแล้ว........ห้องสีขาว ที่เคยอบอุ่น เพราะมีคนรัก มีคนต้องการ ตอนนี้ได้กลายเป็นห้องว่าง ที่ไม่มีสิ่งใด และไม่มีใครต้องการ
18 ธันวาคม 2548 15:53 น.
ความทรงจำ
กลับมาแล้วค่ะแม่ ฉันเดินสะพายเป้ข้างเดียวตรงดิ่งไปหลังร้านทันทีและจัดแจงหยิบการบ้านออกมาพร้อมถอนหายใจและขยี้ตาอย่างง่วงๆ
เอ้า!ขยี้เข้าไป เดินไปล้างในห้องน้ำนู้น นายซึจิแบกลังใส่ปลาเปล่าๆเข้ามาก่อนจะเหล่มองและบ่นฉัน
ล้างทำไม ฝุ่นไม่ได้เข้าตา ชั้นง่วงๆได้ยินมั้ยห๊ะ! เทศน์อยู่นั่นแหละ ฉันบ่นอุบอิบๆ ก็รู้ว่าเป็นห่วงแต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องรู้สึกเหมือนเด็กก็ไม่รู้
นายนั่นก็แค่ยักไหล่ก่อนจะยกลังปลาใบใหม่ออกไป ฉันจึงได้เวลาหันมามองการบ้านที่กองตรงหน้า โอ้ววว.พระเจ้า!!! ทำไมมันเยอะและกองเป็นภูเขาเยี่ยงนี้นะ
ฉันพลิกการบ้านภาษาญี่ปุ่นหน้าแรก โหยย มาเป็นโคลงเลย ฉันจะทำยังไงดีนะ
ปกติเขาจะต้องเดินมา(เสนอหน้า)ขอช่วยฉันเองอ่า แต่วันนี้ทำไมยังไม่โผล่มาอีกนะ ตั้งแต่ที่ฉันด่าไปเมื่อก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่าน้อยใจง่าาาา
ระหว่างที่กำลังใช้ดินสอเคาะสมุดเบาๆเพื่อจะตัดสินใจว่าจะทำยังไงดีนั้น เขาก็เดินเข้ามาพอดี
เดี๋ยวช่วยนะ ตอนนี้คนซาแล้ว
ฉันได้ยินดังนั้นก็ลุกไปเตรียมน้ำหวานเพื่อนกลบรอยยิ้มบนใบหน้าและแสร้งพูดล้อเขาไป
นึกว่าจะเบี้ยวซะอีก ฉันวางแก้วลงบนโต๊ะก่อนนั่งลงตาม
เธอควรจะมีครูสอนพิเศษนะ ไปเรียนสิจะได้ทำการบ้านได้เองไง ไม่ต้องรอชั้น
ก็ไม่ได้รอ..แต่..ทำไม่ได้ ฉันเถียงเสียงเบาและก้มหน้าทันทีที่พูดจบ อายนี่!
ชั้นเป็นครูสอนพิเศษให้เอามั้ยล๊า..^^คิดไม่แพงนะ แค่เลี้ยงขนมและไอติม
ผู้ชายบ้าไรชอบของหวาน
ขอโทษเถอะคับ ผู้ชายทั้งโลกต้องเหมือนกันรึไงไม่ทราบ
ก็บุคลิกผู้ชายมันไม่เหมาะไง! เอาเถอะ สอนเร็วๆสิ เดี๋ยวเสร็จไม่ทันกันพอดี
เขายิ้มๆก่อนหยิบดินสอในกล่องที่ตั้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาเพื่อจะสอน
นายน่าจะเป็นครูนะ เอ่อ..ว่าแต่ งานประจำนายอะไรอ่ะ ชั้นไม่เห็นรู้เลย
จะรู้ไปทำมายยยยล่ะ
เอ้า!ก็นายทำงานที่นี่เลิกตั้ง3-4ทุ่ม ไหนกว่าจะกลับบ้านอีก ไปทำงานจะไม่เหนื่อยเหรอไง แถมมาแต่ละวันซะตรงเวลาเป๊ะ-*-
ไม่รู้สักอย่างไดัมั้ยห๊ะเธอ! ชั้นไม่ได้ทำงานหรอก ตอนนี้น่ะ เพิ่งจบ กำลังจะไปสมครงานพรุ่งนี้น่ะ
นายอยู่ได้ยังไงไม่ทำงานน่ะ
เอ้า!ก็เหมือนเธอมั้ง 555 ล้อเล่นก็ทำงานพิเศษไง ถ้าทำเยอะๆบวกกับเราขยันและซื่อตรง ก็มีใช้แล้ว เขาเดินไปล้างมือก่อนจะพูดทิ้งท้ายว่า
บอกแล้วให้เธอจ้างชั้นเลยไง! อีตานี่--*-- ยังไม่เลิก /
ฉันเดินเข้าโรงเรียนตามปกติแต่ก็มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นตรงหน้า มีดอกกุหลาบสีต่างๆตรึงไว้กับบอร์ดข่าวสารของโรงเรียนมีใจความประมาณว่า เด็กปี2ห้องcน่ารักจัง โดยเฉพาะอากิระจังกับมิหะกิ ชื่อฉันนี่เว้ย
ระหว่างที่ฉันยืนอึ้งอยู่นั้น อากิก็เดินมาคล้องคอฉันอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
เฮ้ย!อากิ แกเห็นยัง ฉันเอี้ยวคอไปถามมัน
เอ้า!ไม่เห็นก็บอดแล้วแหละแก
ไม่ตกใจเลย ฝีมือแกเปล่าวะเนี่ย
เฮ้ย!ชั้นไม่บ้าขนาดนี้หรอก จะไปโปรโมทตัวเองกะแกทำไมกัน แต่ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวชั้ยจัดการเอง แต่ไอ้บอร์ดนี่สิ
ดันมันไปข้างหลังบอร์ดกิจกรรมดีมั้ย ตั้งไว้งี้อายเค้าว่ะ
ลุย! - - -
10 พฤศจิกายน 2548 16:16 น.
ความทรงจำ
ฉันวางตะกร้าไม้บนเคาร์เตอร์ในครัวอย่างเซ็งๆ
ออกภาคสนามวันแรกโทรมเลยเหรอ! พี่รีตามมาแซวไม่หยุด
พี่รี เฮ้อ! ขี้เกียจเถียงด้วย มีห์ไปทำการบ้านก่อนนะ
อ้าว!ไอ้มีห์!!!
ฉันได้ยินพี่รีอาตะโกนอะไรอีก4-5ประโยคแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ หยิบเป้พาดบ่าแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน
มีห์ๆๆๆ
ฉันหยุดกึก ทำไมฉันได้ยินเสียงนายนั่นเรียกได้นะ ไวเท่าความคิดเมื่อฉันหันกลับไปก็เจอหน้าเขาจังๆ
ว่าไง!
ให้ไปส่งมั้ย
ไม่ทำงานเหรอ นายน่ะ
ต้องออกไปส่งของอยู่แล้ว เดี๋ยวแวะไปส่งให้
ไม่เป็นไร ชั้นกลับเองได้
งั้นก็แล้วแต่ ไปนะ เขาหมุนตัวแล้วก็เดินตรงไปยังมอไซด์ที่จอดแอบๆอยู่ข้างร้าน
ฉันมองตามไปอย่างเสียดาย เอ๊ะ!แล้วทำไมฉันต้องเสียดายด้วย จะบ้าเหรอ!!! - - -
ณ ช่วงพักกลางวัน ที่โรงเรียนม.ปลาย
มีห์!! เสียงเรียกที่ไม่เบานักดังมาจากหลังห้องเรียนประจำของฉันทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในห้อง
ไร! ฉันเดินอ้อมบรรดาสาวๆที่กำลังมุ่งโต๊ะของอากิ หรืออากิระจังของเพื่อนๆไปทางขวาสุดติดหน้าต่าง แล้วก็วางข้าวกล่องลงกับโต๊ะไม้ที่ติดพลาสเตอร์ยาไว้ทั่ว
ชั้นมีหนุ่มหน้าใสกิ๊กมาอวด เสียอย่างเดียวแก่ไปหน่อย แต่ชั้นไม่เกี่ยงหรอก อากิลุกจากโต๊ะและยื่นมือถือมาตรงหน้าฉัน
นายซึจินี่!!!!! ฉันรีบจับมือถือของมันมาแทบไม่ทัน
โหย!ขนาดนั้นเลยเหรอไอ้มีห์ ต้องรีบกระชากเลยเหรอ
โทษๆ คล้ายคนรู้จักน่ะ
ห๊า แกรู้จักพี่ซึจิเหรอ ปี6แล้วนะ แกไปรู้จักได้ไง!
บอกว่าคล้าย!ใช่คนเดียวกันซะที่ไหนล่ะ เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบยัดมือถือใส่มือมันคืนไป
หล่อมั้ยคนนี้ง่ะ
ไม่หล่อ ฉันเน้นทีละพยางค์ก่อนจะทำหน้าเบื่อโลกแล้วหยิบนิตยสารแฟชั่นชื่อดังที่ยืมเพื่อนมาอีกต่อนึงออกมาจากกระเป๋า
แกนี่!สนใจแต่เรื่องชกต่อยอาละวาดเหรอไง หรือสนผู้หญิง ก็ได้นะ เดี๋ยวชั้นติดต่อให้
โอ๊ย!ไม่สนมันทั้งนั้นแหละ จะอ่านๆๆๆๆเนี่ยๆๆๆเห็นมั้ย ฉันจิ้มๆไปที่หน้าปกนิตยสารบนโต๊ะอย่างรำคาญ อากิจึงได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วถอยออกไป RRRRRRRR.เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างรู้งาน
ฮัลโหล! ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างฉุนเฉียว
ไปโมโหไรมามีห์ เสียงปลายสายบ่งบอกอารมณ์ขันมากกว่าถือโทษโกรธเคือง ฉันลดโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่มาดูเบอร์ที่โทรเข้า..ชินยะ..นี่เอง
อ้าวไอ้มีห์ เงียบเลยเหรอ
เมื่อตั้งสติได้แล้วฉันก็รีบนำโทรศัพท์มาแนวหูอีกครั้งอย่างเต็มใจมากขึ้น
ชินยะคือเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่สมัยประถมจนถึงเดี๋ยวนี้ แต่มันได้ย้ายบ้านไปเลยทำให้มันจำต้องย้ายโรงเรียนไปด้วย
แต่กระนั้นสิ่งต่างๆก็ไม่ใช่อุปสรรคมิตรภาพของเรา แม้ว่าชินยะจะเป็นหนุ่มหน้าตาดี แต่ฉันก็ไม่เคยคิดกับมันมากเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย
อาจจะมีบางครั้งที่รู้สึกดี แต่เพียงไม่นานความรู้สึกนั้นก็จะหายไป
ว่าไงล่ะ ฟังอยู่
เย็นนี้ว่างมั้ย
ทำไม
ไปร้องเกะกัน
ไม่เอาอ่ะ ไม่มีรม! ไปเดินห้างแทนได้มั้ย ฉันลองถามหยั่งเชิง ก็เวลาไปร้องคาราโอเกะทีไร ฉันก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆมองมันถือไมค์อยู่อย่างนั้น
ไม่เอาๆ เราไปห้างตามคำขอมา2ครั้งแล้วนะ
แกเป็นผู้ชายมั้ยน่ะ!ยอมแค่นี้ไม่ได้เหรอไง!!!
ตะโกนทุกทีเลย!ไม่ได้ๆ ยังไงก็เกะ ถ้าเบี้ยวนะตามจิกถึงบ้านเลยไอ้มีห์สุดแสบ!!
เฮ้ยไอ้ชิน!!!!! แต่ทว่าเสียงขาดการติดต่อดังกลบเสียงของเธอซะนี่
โธ่เว้ย!! ฉันเก็บมือถือลงไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ และจนแล้วจนรอด ฉันก็ต้องยอมมันจนได้ /
10 พฤศจิกายน 2548 16:11 น.
ความทรงจำ
ฉันลากสังขารกลับมาถึงบ้านได้เป็นผลสำเร็จหลังจากที่ไปมีเรื่องกะเพื่อนอีกกลุ่มในโรงเรียนเดียวกัน แต่คนละห้อง
ไอ้มีห์มานอนตายไรอยู่ห๊ะ! ไปช่วยแม่ขายของไป เจ๊รี(รีอา)ลากแขนฉันไปยังหลังร้านขายหาหารญี่ปุ่นของแม่
พาไอ้เจ้าขี้เกียจนี่มาส่งละ หนูไปนะแม่
พี่รีไปไหนอ่า! ฉันวิ่งตามออกไปตะโกนถามผู้เป็นพี่สาวที่กำลังสตาร์ทมอเตอร์ไซด์
ไปซื้อของน่ะสิ เฝ้าร้านไว้นั่นแหละยัยตัวแสบ!
ไรอ่าเจ๊รีๆๆๆๆๆๆ ฉันกอดอกทำหน้างอ
วันนี้คุณหนูสุดแสนจะเรียบร้อยของคุณซาโกะมาเฝ้าร้านได้เหรอคับ อีตาแว่นผมตั้งร่างสูงชะลูดราวๆน้องๆเสาไฟฟ้าได้
เดินจูงจักรยานมาพร้อมยักคิ้วกวนๆให้
นายอีกละ!ไม่มีงานทำเหรอไง ถ้าว่างนักก็มาช่วย24ชั่วโมงเลยสิ ฉันกระแทกแดกดันไป แต่เขานายซึจิเอาแต่ยิ้มที่มุมปาก(นึกว่าหล่อตายล่ะ!!!!~)แบบประมาณรอยยิ้มพิมใจสาว
นายนี่มาทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟกะเย็นที่ร้านแม่ของฉันได้ไม่ถึงเดือน แต่ลูกค้าสาวก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็น2เท่า เสน่ห์ของนายนี่ร้ายน่าดูชมเชียวล่ะ
ยิ้มไร!ถ้านายไม่รีบไปทำงานชั้นฟ้องแม่ให้ตัดเงินเดือนนายจริงๆด้วย!!! ฉันพูดจบก็รีบสะบัดหน้าหนีเดินเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจรอยยิ้มกวนประสาทนั่นอีก!!
หน้างอเชียวลุกคนนี้ แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมาเนี่ย แม่จับหน้าของฉันไปซูมในระยะใกล้
โธ่แม่!ก็ปกติอ่าแหละ ไม่มีไรมากหรอกน่า ฉันเมินหน้าหนีก่อนจะนั่งลงกับพื้นไม้และรื้อๆลิ้นชักตู้เก็บยา
เฮ้อ!แต่ละคน เดี๋ยวมาจิโอะก็มา ไม่ต้องเก็บยาหรอก มันจะอะไรกันนักหนานะลุกบ้านนี้เนี่ย แม่ของฉันห่อปลาหมึกไปพลางบ่นไปพลาง แต่มันก็ไม่จริงจังนักเหมือนๆกับทุกครั้ง อาจจะมีบ้างที่โดนว่าหนักๆหน่อยก็ตอนที่แขนขาหัก
ฉันและมาจิโอะ(ผู้เป็นน้องชาย)มีเรื่องเกือบทุกวัน พี่รีอาก็ปากเก่งไม่แพ้กัน แม้รายนั้นจะไม่มีเรื่อง แต่ก็จวนๆจะมีเอาหลายครั้ง
พ่อของฉันไม่ได้มีอิทธิพลหรอก ไม่ได้เป็นมาเฟียแบบที่มีกันอยู่เกลื่อนเมือง เป็นแค่นักธุรกิจทั่วไป ธรรมดาจะตาย
นี่จิโอะ ไม่สะบักสะบอมกลับมามันจะตายเหรอไงห๊ะ! เสียงพี่รีอาดังไปทั่วร้าน(ดีนะที่คนน้อย)
โหยยเจ๊ ก็ทำไงได้ พี่มีห์อ่า ก็เป็นเหมือนผมล่ะน่า ดูมันๆ เถียงสู้ไม่ได้แล้วโบ้ยฉันเลย เออแฮะ
ไอ้มีห์มันก็มาช่วยงาน!เป็นผู้ชายหัดช่วยงานทางบ้านมั่ง ไม่ใช่วันๆก็เอาแต่ไปมีเรื่อง เอ้า!ถือไปให้ซึจิล้างที่ครัว บอกไว้ก่อน ไม่ต้องคิดอู้เลยนะแก พี่รีอาด่าเสร็จก็หยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่กับผนังมาสวม ฉันเลยเดินมานั่งจุ๊มปุ๊กอยู่ข้างโทรศัพท์สีครีม หน้าที่ของฉันคือคอยจดออเดอร์ที่ลูกค้าโทรมาสั่งซุชิพร้อมที่อยู่ให้ไปส่ง ฉันหาวแล้วก็หาวอีก การมานั่งรอรับโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะโทรมาเมื่อไหร่นี่ไม่ใช่งานที่สบายเลยนะ ออกจะน่าเบื่อมากๆเลยด้วย
แมงวันเข้าปากแล้วๆ
ฉันรีบหยุดการกระทำอย่างสิ้นเชิงและหันไปแยกเขี้ยวใส่เขา
มีห์ ไปส่งเบนโตะที่..ให้หน่อยสิลูก
แต่จิโอะ..
แกไปแหละดีแล้ว ไอ้จิโอะมันใช้ได้ที่ไหน เดี๋ยวข้าวเละไม่ได้เงินกันพอดี
เอ่อ..ก็จริง วีรกรรมอันนี้ของมันฉันแอบเห็นด้วยกะพี่รีอาแฮะ
แต่มีห์ขับมอไซด์ไม่เป็นนี่ พี่รีไม่เคยหัดให้เลย!
แล้วขาแกล่ะ มีเอาไว้ทำไร
อ้าวพี่รีได้ไงกัน จะให้มีห์เดินไปเหรอไง ไกลจะตาย..
พอๆไม่ต้องเถียงกันแล้ว2คน ซึจิฝากพาน้องไปส่งด้วยนะลูก ต่อไปรีก็หัดให้มันนะ ร้านเรายุ่งๆจะให้รีไปส่งเองไม่ได้หรอก
อ้าวแม่!แล้วไหงหนูต้องไปด้วยอ่า
ขี้โวยจริงไอ้มีห์ ก็แกอ่าลงไปส่ง บอกว่าขับไม่เป็น นี่ก็หาคนขับให้แล้ว จะเอาอะไรอีกห๊ะ! ไปๆรีบๆไป หัดไว้เดี๋ยวต้องไปส่งเองก็ส่งไม่เป็น พี่รีอารีบยัดเบนโตะในตะกร้าไม้ใส่มือฉัน อีกมือก็ผลักฉันออกไป
ทั้งพี่ทั้งแม่เลย!ให้ตายสิ
พูดไม่เพราะเลยนะ เขามองลงมาที่ฉันอย่างกวนๆ(อีกแล้ว)
มันไม่ใช่ปากนาย เกี่ยวไรด้วย ไปดิจะได้รีบกลับ
เขายักไหล่แล้วก็ขึ้นคร่อมมอไซด์พร้อมกับเอ่ยปากออกคำสั่ง
ขึ้นมาสิ
นายขับเป็นจริงๆเหรอเนี่ย
ถึงชั้นจะหน้าเด็กแต่ก็แก่กว่าพี่สาวเธอนะจะบอกให้
ไม่ได้บอกว่าหน้าเด็กซักคำ พูดจบฉันก็ขึ้นไปนั่งข้าง(แบบผู้หญิง)แล้วเขาก็ออกตัว
เบาๆหน่อยดิ ไหนว่าขี่เป็น ส่ายไปส่ายมาอย่างงี้เนี่ยนะ!
ก้ใครใช้ให้ตัวหนักกัน
ฝีมือไม่ได้เรื่องแล้วโทษคนอื่นเหรอไง
เถียงๆๆๆไม่ตกฟากเลยนะ เธอนี่ยังไง
มันเรื่องของชั้น
มิน่ามีเรื่องประจำ
แล้วมัน..
เกี่ยวไรกะนายด้วย จะพูดคำนี้ใช่มั้ย พูดเป็นคำเดียวเหรอไง ถ้าไม่เห็นว่าใส่กระโปรงคงคิดว่าเป็นผู้ชาย
ฉันอ้าปากจะเถียง แต่สายตาเจ้ากรรมน่ะสิ ดันเหลือบไปเห็นบ้านเลขที่ที่ทำจากป้ายไม้ที่รถเพิ่งแล่นผ่านไป
เฮ้ยหยุด!!!!
เอี๊ยดดด.
อะไรอีกยัยตัวแสบ เดี๋ยวได้ตกรถตายไปจริงๆหรอก!!! เขาบ่นอย่างหัวเสียเล็กๆ(ไม่เล็กหรอกมั้ง)พร้อมกับหันมาจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง(ประมาณ ตอบไม่เข้าหูนู๋โดนเชือดแน่ๆ)
ก็..มันเลยบ้านที่ต้องส่งมาแล้วนี่!
เอ้าก็ไม่บอก!นั่งดีๆนะ เดี๋ยวถอยก่อนๆ
แล้วเราก็รอดชีวิตจากการส่งซูชิหฤโหดได้
4 ตุลาคม 2548 13:36 น.
ความทรงจำ
แล้วเขาก็โทรเข้ามา
นัสไปหาไรกินกัน เที่ยงแล้ว
ที่ไหนล่ะ
เอาเป็นว่าเตรียมตัวไว้ พี่จะไปรับ จะได้ไม่ต้องลำบากไปเอง
ก็ได้ หวังว่าเขาคงไม่สงสัยนะที่เธอไม่เถียงอะไรเลย
เดี๋ยวถึงแล้วโทรไปเรียก
เธอจะต้องถามความจริงจากปากของเขาให้ได้ /
กินไรดี
เอาข้าวหน้าเทมปุระกุ้งค่ะ
ขออุด้งคับ
ระหว่างรออาหาร เธอก็ถามผมขึ้นมา
นี่นาย!ตกลงนายชอบใครกันแน่
ห๊ะ!
นายบอกว่าจะบอกชั้นไง
ก็..ก็..เอาไว้บอกวันหลัง
นายไม่อยากบอกชั้นเหรอ งั้นสินะ ที่นายไม่ยอมบอกกัน ไม่เป็นไร ไม่ต้องบอกก็ได้ชั้นเข้าใจ ท้ายประโยคมีแววกระแสน้อยใจพุ่งขึ้นมา
ไม่ใช่นะนัส ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่มัน..ยังไม่พร้อม
งั้นไม่ต้องบอกหรอก เธอเบือนหน้าไปอีกทางหลังจากที่พูดจบ ผมก็เลยเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้
พี่..ชอบนัส คนที่พี่รักตอนนี้ก็คือนัส แต่พี่..อยากให้นัสสบายใจก่อนที่จะบอก ก็..เท่านั้นเอง
เธอนิ่งเงียบไปเลย เมื่ออาหารมา เราก็ทานกันไปเงียบๆ ผมก็ไม่รู้จะชวนเธอคุยเรื่องอะไรดี เธอคงไม่ได้รักผม ผมทำใจไว้แล้วล่ะ
อ่ะ!พี่ให้เทมปุระ เห็นเราชอบ
แล้วเจ้ากุ้งตัวโตก็ถูกคีบคืนมา
กินไปเหอะ นายนี่เป็นคนดีเนอะ ชั้นจะปฏิเสธนาย นายก็ยังจะมาใจดีอีก
ก็..เป็นแฟนไม่ได้ เราก็เป็นเพื่อนกันไง
คิดว่าชั้นจะยอมเป็นเหรอ
เงียบคับ แล้วเธอก็ไม่พูดต่อ จนเราเดินมาที่ลานจอดรถ จู่ๆเธอก็โผเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังเฉยเลย
ชั้นไม่ยอมให้นายเป็นเพื่อนหรอก นายต้องเป็นแฟนของชั้นเท่านั้น แต่..ชั้นไม่คิดว่านายจะรอชั้นได้ ชั้นอยากจะไปทำตามความฝันของช้น ชั้นยังมีงานต้องทำ ชั้นไม่อยากทิ้งหัวใจ ทิ้งความผูกพันให้ห่างกันอีก นายเข้าใจใช่มั้ย ผมค่อยๆ แกะมือเธอออกจากเอวของผม
ขอบคุณนะคับ สำหรับความรู้สึกดีที่เรามีให้กัน พี่จะไม่ผูกมัดนัสไว้หรอก เราจะเป็นแค่เพียงเพื่อน ที่รู้สึกดีต่อกัน จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เรากลับมาเจอกัน แล้วเราจะมาดูอีกที ว่าหัวใจของเรายังเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ย พี่สัญญา ว่าพี่รับได้
นัสก็สัญญาค่ะ - - -
หลังจากวันนั้นเธอก็โทรมาบอกผมว่าจะเดินทางไปหาประสบการณ์กับบริษัทของฝรั่งที่แคนาดา เมืองแห่งใบเมเปิ้ล ผมก็ส่งเธอที่สนามบินและยืนมองเธอเดินจากไป สักวันเราคงได้กลับมาเจอกัน เส้นทางของเราจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ไม่อาจมีใครรู้ได้ ผมดีใจที่แม้ว่าผมจะยังไม่ลืมอดีตจนหมด แต่เธอก็ยอมรับผมได้ เหมือนที่ผมก็ยอมรับเธอได้ถ้าเธอจะยังไม่ลืมใครคนนั้นของเธอ แม้ผมจะไม่ได้เป็นผู้ดูแลเธอ และคนๆนั้นก็อาจจะไม่ใช่ผม แต่ผมก็ยังยินดีที่ได้รู้จักเธอแม้ผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ผมก็ยินดีที่จะให้เป็นอย่างตอนนี้ //