24 เมษายน 2545 12:57 น.
คลาว
คืนนี้ลมสงบ
เพิ่งเขียนไดฯจบเมื่อกี้
อยากให้มีเรื่องดีดี
ในค่ำคืนนี้บ้างจัง
มีเรื่องราวล้วนมากมาย
ผ่านไปให้เป็นความหลัง
มีร้ายมีดีแต่ยัง
เป็นฉันคนนี้คนเดิม
ไม่โอนไม่เอนไม่อ่อน
ไม่คลอนไปตามลมเสริม
ไม่ท้อเมื่อถูกซ้ำเติม
ไม่เพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง
ไม่สนคำคนนินทา
ว่าร้ายกดขี่ข่มเหง
ดีชั่วก็เป็นตัวเอง
ตัวฉันคนนี้เรื่อยมา
ทั้งหมดที่เขียนที่บอก
ใช่ฉันคนนี้หรอกหนา
ฉันแค่คนธรรมดา
ท้อแท้เจ็บเศร้าเหงาเป็น
ยากนะกับการปรับตัว
ยอมรับกับสิ่งที่เห็น
ไม่หวั่นไหวอย่างเคยเป็น
ใจฉันยังเต้นอยู่ข้างใน.
13 เมษายน 2545 16:33 น.
คลาว
บทความนี้ ผมเขียนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ก็คิดว่าอยากจะให้ทุกคนได้อ่านกัน
เพื่อว่าบางที เมื่ออ่านจบ อาจจะมีใครบางคน ที่พวกนายหลงลืมไป ผุดขึ้นมาในความทรงจำของพวกนายบ้าง
นึกย้อนไปสมัยเรายังเด็กๆ สมัยที่ยังวิ่งเล่น วิ่งไล่จับกันกับเพื่อนๆ ที่ก็ยังเป็นเด็กเช่นกัน
มีกลุ่มที่สนิท เป็นก๊วน เล่นอะไรเล่นด้วย ไปไหนไปด้วย ทำอะไรทำด้วย
แต่พอเห็นไม้เรียวในมือแม่มาแต่ไกล ตัวใครตัวมัน วิ่งกันกระเจิดกระเจิง
ในความทรงจำสมัยเด็กอันเลือนราง มีเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ตัวเล็กมาก อายุคงน้อยกว่าพวกเราราวปีหรือสองปี ชื่อจ้อย
ไอ้จ้อยเพิ่งย้ายบ้านมา เป็นบ้านหลังเล็กๆเช่นกัน ปลูกแบบพออยู่ได้แถวท้ายซอย
ทุกวันในตอนเช้า จ้อยจะมานั่งมองพวกเราวิ่งเล่นกันเสมอ พวกเราก็รู้ว่าจ้อยอยากมาเล่นด้วย
หลายครั้งที่พวกเราแกล้งชวน พอจ้อยเข้ามาหมายจะเล่นสนุกก็จะถูกพวกเราแกล้งร้องไห้กลับไปเสมอ
เฮ้ย ไอ้จ้อย อยากเล่นด้วยกันเปล่า
จ้อยพยักหน้า พลางลุกผึงขึ้นมา วิ่งมาด้วยความดีใจ
อยากซิ อยาก
กูไม่ให้เล่น
พวกเราพร้อมใจกันตะโกนใส่หน้าไอ้จ้อย แล้วหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
มองดูสีหน้าไอ้จ้อย ที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นร้องไห้ แล้ววิ่งหนีไป
เฮ้ย ดูเด่ะ มันหนีไปฟ้องแม่อีกแล้วว่ะ ฮ่าฮ่า
หลายต่อหลายครั้ง ที่พวกเราแกล้งไอ้จ้อย แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข็ดเลย ยังคงวนเวียนมาด้อมๆมองๆแถวๆที่เราวิ่งเล่นกัน
พอพวกเราเหลือบไปเห็น ไอ้จ้อยก็ยืนหลบๆกับม้านั่งบ้าง ต้นไม้บ้าง หรือบางทีก็วิ่งหนีไปเลย
จนวันหนึ่ง โดยที่พวกเราไม่ได้สังเกต ไอ้จ้อย ไม่ได้มาขอเล่นกับพวกเราอีก ไม่แม้แต่แอบมองจากที่ใดที่หนึ่ง
ในตอนนั้น เรายังเด็กมาก มากเกินกว่าที่จะใส่ใจว่า ไอ้จ้อยหายไปไหน? ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครถามถึง
จากนั้นไม่กี่วัน ทุกคนก็ลืมชื่อของไอ้จ้อย พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างปรกติ เรียน เล่น และเติบโตขึ้น
ไม่มีใครเห็นไอ้จ้อยอีกเลย..
-- โปรดรับฉันไว้ในโลกของเธอ --
ในห้องเล็กเล็กห้องหนึ่ง
หน้าต่างถูกดึงปิดไว้
ประตูล็อกกลอนปิดไฟ
ปิดตายห้องนี้เรื่อยมา
เก็บตัวเก็บความรู้สึก
บาดลึกในใจอ่อนล้า
ร้องไห้ในคราบน้ำตา
เปรอะเปื้อนใบหน้าเศร้าซึม
เหงานะฉันเหงารู้ไหม
ใครบ้างเข้าใจตัวฉัน
เพรียกร้องโหยหาทุกวัน
ความรักแบ่งปันฉันที
นี่ไงข้างๆพวกเธอ
เห็นไหมฉันอยู่ที่นี่
พูดคุยกับฉันบ้างสิ
ฉันอยากมีใครสักคน
กรีดร้องในห้องมืดมิด
ว้าวุ่นยิ่งคิดสับสน
น้อยเนื้อต่ำใจในตน
เจ็บปวดทุรนทุราย
ในห้องที่ปิดสนิท
มิดชิดไร้ซึ่งความหมาย
ในห้องพบร่างเด็กชาย
นอนตายข้างเข็มมอร์ฟีน.
อยากมีใครสักคน ที่จะรักและเป็นคู่ใจ ร่วมเดินทางที่แสนไกล
ผ่านทางชีวิตมืดมน อยากฝากดวงใจดวงนี้ ที่ไม่มีแม้ใคร
... สักคน...
ในความทรงจำสมัยเด็กของเพื่อนๆ
มีไอ้จ้อยอยู่ด้วยไหมครับ?
6 เมษายน 2545 23:45 น.
คลาว
วันนี้..ฉันเจ็บ
วันนี้..ฉันเหนื่อย
วันนี้..ฉันเมื่อย
วันนี้..ฉันล้า
วันนี้..ฉันหยุด
กับการเดินหน้า
เพื่อไปค้นหา
ตัวตนฉันจริง
ฉันเคยล้มลง
จากการออกวิ่ง
เจ็บปวดเสียจริง
กับการก้าวเดิน
ฉันชินชาแล้ว
กับการหมางเมิน
หรือการก้าวเดิน
สะดุดขาใคร
ชีวิตของฉัน
คือทางกว้างไกล
อยากรู้แห่งไหน
สุดท้ายปลายทาง
ฉันหยุดแล้วนะ
กับการก้าวย่าง
ไปบนหนทาง
อ้างว้างเดียวดาย
เพียงพอแค่นี้
อย่างมีความหมาย
รับรู้ด้วยใจ
ฉันคือ..ตัวเอง.
ใครต่อใคร อาจกำลังมองหาตัวเอง ที่ไม่เหมือนคนอื่น มองหาจุดเด่น เพื่อเลือนจุดด้อย เจอเมื่อไร ไม่รู้ วันนี้ เชื่อเพียงว่า สักวันหนึ่ง เธอจะพบ ตัวตนของเธอ แต่สิ่งนั้น เพียงพอแล้ว กับฉันคนนี้ ตอนนี้ ฉันจักเป็นตัวของฉันเอง ที่เป็นอยู่แบบนี้ ไม่ไขว่คว้า ไม่ดิ้นรน เป็นคนธรมดาๆแบบนี้ เรื่อยไป.
30 มีนาคม 2545 23:02 น.
คลาว
ห้ำหั่นแก่งแย่งแข่งขัน
หมายมั่นครั่นหาความหมาย
ฟันฝ่าผู้คนมากมาย
ที่มุ่งมั่นหมายเดียวกัน
มหาวิทยาลัยในความคิด
นิสิตนักศึกษาที่ฝัน
ดูซะมีกี่คนกัน
ได้มาเหมือนฉันคนนี้
ศักดิ์ศรีเลิศหรูศักดิ์สิทธิ์
ชีวิตพลิกเปลี่ยนผกผัน
จากเคยเกลือกกลั้วมัวมัน
ต้องหันมุ่งมั่นตำรา
ดูสิกับฉันคนใหม่
ราศรีไฉไลหนักหนา
ใช่คนเดิมที่คุ้นตา
ที่เคยเรียนมากับเธอ
โน่นแน่สอบนะใกล้แล้ว
ต้องทำให้ดีเสมอ
พรุ่งนี้ก็นัดพบเจอ
กับเพื่อนมหาลัยเดียวกัน
เดือนหน้าหรือก็ไม่ว่าง
ติดงานบายเนียร์พี่ฉัน
กับเธอทีหลังแล้วกัน
นิสิตเขางานรัดตัว
ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปี
ร่ำเรียนมาจนรู้ทั่ว
เกียรตินิยมได้มาติดตัว
เพิ่มบนปริญญาสองสามคำ
เพื่อนพ้องแยกย้ายหายจาก
ตามทางที่วาดที่ฝัน
เหลือตัวคนเดียวที่มัน
อ้างว้างเหว่ว้าอาลัย
พลันใจหนึ่งได้ฉุกคิด
โทรศัพท์หยิบขึ้นถือไว้
กดเบอร์ที่คุ้นเคยไป
เบอร์ที่ลืมไป..สี่ปี
:
:
:
###...ครับ ตอนนี้ผมไม่อยู่บ้าน มีอะไรช่วยฝากข้อความไว้หลังได้เสียงสัญญาณ...###
สวัสดีเพื่อนรัก ยังจำกันได้ไหม นี่กันเองนะ
อาทิตย์หน้าไปเจอกันที่เดิมเหมือนอย่างที่เคยนะ คิดถึงนายมากเลย จาก...
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ณ สถานที่ที่เด็กหนุ่มสองคนเคยมานั่งเล่นพูดคุยกัน
ชายหนุ่มคนหนึ่งเฝ้ารอการกลับมาของอีกคนหนึ่ง แต่จนเวลาล่วงเลยก็ยังไม่มีวี่แวว
โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีผู้รับสาย รุ่งขึ้น ชายหนุ่มตัดสินใจไปหาเพื่อนเก่าของตนที่บ้าน
ความผิดหวังอย่างรุนแรงบังเกิดขึ้นเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาคือบ้านร้างผู้อาศัยทรุดโทรมหลังหนึ่ง
เขา ได้รับรู้ความจริงว่า เพื่อนรักของเขา จากโลกนี้ไปตั้งแต่สามปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง
หากย้อนเวลากลับได้ ตอนนั้น เขาจะไม่ไปงานบายเนียร์ จะไม่ไปสอบ จะไม่ไปกับเพื่อนๆที่มหาลัย
ยินดีที่จะไม่ได้เป็นนิสิต เพื่ออย่างน้อย เขา จะได้รับรู้ความจริง และให้เพื่อนรักของเขา
จากไปอย่างสงบ และได้รับรู้ว่า จริงๆแล้ว
ฉันรักเธอ เธอคือเพื่อนสนิทที่สุดที่ฉันจะมีได้ตลอดไป
26 มีนาคม 2545 21:50 น.
คลาว
หากเธอเป็นดาว
อยู่บนฟากฟ้า
คงงดงามตา
พร่างฟ้าพร่าพราย
บนฟ้าหมู่ดาว
สกาวน้อยใหญ่
คงโอบเธอไว้
ด้วยใจผูกพัน
แต่ความเป็นจริง
ที่ต่างจากฝัน
ทุกเมื่อเชื่อวัน
เดินดินเรื่อยไป
เธออยู่ที่นี่
ซึ่งไม่มีใคร
ห่วงหวงใส่ใจ
เหมือนดังหมู่ดาว
เพียงความสับสน
บนทางเหน็บหนาว
ริ้วรอยความเศร้า
ยังตามเรื่อยมา
ฉันอยู่บนนี้
มองเธอเรื่อยมา
เมื่อเธอมองฟ้า
เห็นฉันไหมเธอ
ทุกครั้งเธอเจ็บ
ฉันเจ็บด้วยเสมอ
เธอรู้ไหมเธอ
ใครเฝ้าห่วงใย
หากเธอล้มลง
ท้อแท้หวั่นไหว
เจ็บจนหัวใจ
กลั่นเป็นน้ำตา
ขอเพียงยืนหยัด
เงยหน้ามองฟ้า
เธอจะรู้ว่า
ดวงดาวเบื้องฟ้า
...ดวงนี้รักเธอ...