26 กันยายน 2548 23:54 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ไม่อาจเรียกคนดีว่า "ที่รัก"
ฝากความภักดิกับวงล้อมแห่งอ้อมสรวง
เก็บนิยามความหลังสิ่งทั้งปวง
ไว้กับห้วงนภาแห่งราตรี
อุปสรรคกั้นกางอยู่ข้างหน้า
ให้ตระหนักเถิดว่าคือหน้าที่
สู้กับมันอีกหนนะคนดี
เรายังมีกำลังใจมอบให้เธอ
หากคิดถึงกัน.....
ดาวดวงนั้นรับรู้อยู่เสมอ
หริ่งเรไรจำเรียงเหมือนเสียงเพ้อ
เสมือนเกลอกล่อมขวัญทุกวันวาร
ได้ยินไหม.....
ลมลูบไล้เพ้อพร่ำพรอดคำหวาน
มวลไม้ใบเคยเหงานานเท่านาน
ขับผสานรับคำเอ่ยอำลา
พระจันทร์เสี้ยวดึกดื่นของคืนนี้
ดาวกะพริบริบหรี่ที่ตรงหน้า
ก่อนจะไกลจากกันขอสัญญา
จะฟันฝ่าอุปสรรคสู่หลักชัย
พรุ่งนี้....
ด้วยภาระหน้าที่จะพลีให้
เป็นเปลวเทียนส่องสว่างอยู่กลางไพร
อุทิศแสงรำไร..ให้มวลชน
10 กันยายน 2548 00:45 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เคยสัญญากับใจไว้ครั้งหนึ่ง
และแอบซึ้งซุกซ่อนจนนอนฝัน
มิเอื้อนเอ่ยเผยให้ใครรู้ทัน
แต่ใจมันคอยย้ำซ้ำและทวน
คำสัญญาปลุกให้เติมไฟฝัน
ให้มุ่งมั่นเตือนจิตใจคิดหวล
แม้บางวันอาจไม่มาใคร่ครวญ
แต่คงส่วนสืบให้ใจทะนง
สัญญากับใครเขาเราลืมได้
แต่สัญญาหัวใจไม่ลืมหลง
อาจมีหลายเรื่องอื่นไม่ยืนยง
ใจยังคงยึดมั่นคำสัญญา
ทั้งฝืนกายฝืนใจให้ทนสู้
ใจยังอยู่ขู่กายห้ามขายหน้า
มีผู้หยามเหยียดกายด้วยสายตา
กายอ่อนล้าแต่ใจไม่ลบเลือน
ถึงวันนี้ขออภัยนะใจเอ๋ย
ทั้งที่เคยรักใจหาใครเหมือน
ขอขอบคุณใจซ้ำช่วยย้ำเตือน
ใช่บิดเบือนคำมั่นคำสัญญา
ทรยศหัวใจดับไฟฝัน
ถึงทางตันหยุดดิ้นจนสิ้นท่า
แม้ใจแกร่งกร้าวรุกทุกเวลา
แต่กายล้า..ปลุกไม่ตื่น..ขอคืนคำ
6 กันยายน 2548 22:01 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เปลวเทียนกับเส้นทางอันว่างเปล่า
พร้อมกับเงาความฝันอันปวดปร่า
ความหวังสีขาวพราวน้ำตา
พร้อมกับปริญญาอีกหนึ่งใบ
ฝันจะเดินบนเวทีแห่งชีวิต
เนรมิตมองเห็นเส้นทางได้
ณ ฟากฟ้าสีขาวยาวไกล
ฉันจะไปเอื้อมดาวสาวตะวัน
พ่อแม่พี่น้องคอง*คอยท่า
ลูกชายจะกลับมาไหมนั่น
แม่ก็ไม่รู้อยู่เช่นกัน
เห็นว่า"สักวันฉันจะมา"
เขาจึงเป็นความหวังคนทั้งบ้าน
เกียรติและงานต้องหรูพอกู้หน้า
ต้องถีบตัวถีบตนพ้นไร่นา
ถูกตีตราคาดหวังจากสังคม
การเป็นบัณฑิตใหม่ในวันนี้
ค่าอยู่ที่นิยามความเหมาะสม
ใครมี้เกียรติมีเงินล้นคนนิยม
เขาอาจจมเพราะถีบตนไม่พ้นนา
เปลวเทียนกับเส้นทางอันว่างเปล่า
พร้อมกับเงาความฝันอันปวดปร่า
ความหวังสีขาวพราวน้ำตา
มาพร้อมปริญญาหนึ่งใบ
* คอง หมายถึง การรอคอยอย่างมีความหวัง
23 สิงหาคม 2548 18:22 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
น้ำท่วม...รวมทุกข์...ยุคเข็ญ
ที่เห็น...ทั่วแคว้น...แผ่นหล้า
สายน้ำ...ซ้ำซัด...พัดพา
เพียงธาร...น้ำตา...บ่าริน
กี่เดือน...กี่ปี...ที่สร้าง
ท้องทุ่ง...ยุ้งฉาง...พังสิ้น
สวนป่า...นาดำ...ทำกิน
พังภินท์...ดินถล่ม...จมแล้ว
เหลือซาก...ฝากรอย...หงอยเหงา
หน้าเศร้า...โหยหิว...เป็นทิวแถว
ดอกเบี้ย...บานเด่น...เป็นแนว
ข่มแวว...ตาหม่น...คนทุกข์
วาดหวัง...ตั้งใจ...ไว้ว่า
ข้าวกล้า...สมบูรณ์...พูนสุข
พฤษภา...ฟ้าหม่น...ฝนชุก
เร่งรุก...หว่านดำ...ทำนา
ความหวัง...พังทลาย...กับสายน้ำ
ฟ้าหม่น...ฝนซ้ำ...น้ำบ่า
สูญสิ้น...พืชพรรณ...ธัญญา
ไยฟ้า...รุนแรง...แกล้งกัน
ใครซับ...น้ำตา...คราทุกข์
เล่นมุข...เตรียมพร้อม...กล่อมขวัญ
สร้างเขื่อน...ใหญ่น้อย...ร้อยพัน
ฤากั้น...น้ำตา...ชาวนาไทย
ขอเป็นกำลังใจน้อย ๆ สำหรับผู้ประสบอุทกภัยครับ
19 สิงหาคม 2548 19:48 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
๑เมืองทมิฬถิ่นแคว้น ความคาว
แฉโฉ่ชนโฉดฉาว ชั่วช้า
ทำผิดบ่าติดดาว ดูเด่น
คิดข่มคนราวข้า เข่นผู้ถูกขัง
๒ ปิดบังพรางเรื่องแท้ เท็จจริง
กุเรื่องมาพาดพิง กล่าวอ้าง
ทำผิดบ่ติติง นายบ่าว
ผิว่าเป็นเราบ้าง ห่อนพร้องฤาไหว
๓ ญาติใครใครย่อมรู้ รักแพง
ใครฆ่ายำทำแกง ก่ายก้าว
โกงกาจเก่งกำแหง หาญห่าม แท้เฮย
(หมู) หมู่หากโหดห้าว หั่นให้หอบโหย
๔ โดยเกณฑ์กฎหมู่แท้ คิดทำ
พึงกริ่งเกรงกฎกรรม ก่อไว้
ธรณีจู่จองจำ จวนจ่อ จบแฮ
บาปแห่งชนโฉดไซร้ ส่งฟ้องโลกันตร์