28 พฤศจิกายน 2549 21:18 น.

>รักเน่าเน่า..ก็เป็น..เช่นนี้เอง

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

เคยแปลกในใจเราเขาไม่รัก
เขาไม่ทักไม่ถามแม้ยามเห็น
จึงจำอยู่อย่างนี้อย่างที่เป็น
หลายประเด็นเรา-เขาไม่เข้าใจ

ทั้งที่เราก็ดีงามในความคิด
แม้สักนิดมองมาก็หาไม่
ถึงไม่ทักก็มองเห็นหน่อยเป็นไร
แม้ไม่ได้เป็นแฟนถือแขนควง

จึงคำถามหยามในใจดวงร้าว
พอถึงคราวที่เห็นผู้เป็นห่วง
จึงไม่กล้าติดตามหรือถามทวง
รักทั้งปวงที่ให้กลายเป็นชัง

วันนี้พอมีใครเห็นใจบ้าง
เราก็อ้างออกไปไม่ควรหวัง
อยากบอกเขาหาคนที่รักจีรัง
อย่ามัวรั้งตัวไว้ให้หมองตรม

แสดงตัวให้เห็นว่าเป็นห่วง
เราก็ถ่วงทำไปไม่เหมาะสม
ทำตัวตามสบายไร้อารมณ์
เขาคงซมซานแท้ไม่แพ้เรา

จึงรู้ซึ้งถึงใจว่าไม่รัก
จึงประจักษ์เรื่องหลอนตอนเราเขลา
เป็นนิยายตอนสองตริตรองเอา
รักเน่าเน่าก็เป็นเช่นนี้เอง				
27 พฤศจิกายน 2549 19:57 น.

ฝันอยู่ฝันกิน(ผญา)

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

ฟังเอาเด้อเทพไท้   คือฝันไปเป็นลายต่าง
ว่าเดินทางข่วมน้ำ     ตามเจ้าหน่อพุทโธ
ใจสิโสดาด้วย          ไปนำห้วยหรือภูคูน้ำสิไหลล่อง
ใสฮองฮองอยู่ฟ้า      ไปหน้าสิก่องเอา

ยอเอามือใส่เกล้า    ก้มเกศเพียงดิน
ใจถวิลดวงมณี        ที่ลอยเทิงฟ้า
คือดาราใสแจ้ง       แสงงามเกินขนาด
มือบ่อาจสิยื้อ           หรือข้าน้อยบาปหนา

แล้วแต่แถนแนนแต่ฟ้า    สิมาโผดมาผาย
แสนเสียดายในฝัน           หวั่นใจบ่มีแล้ว
มือสิซาวเอาแก้ว                แววมณีล้ำค่า
ปรารถนาต่อตั้ง                 หวังไว้ให้อิ่มสม  แหน่ถ่อน
                  


ถอดความ สรุปความ

ก็ concept  ง่าย ๆ นะครับ  ว่าคนเราคาดหวังหรือมุ่งมาดปรารถนาอะไรมากๆ โอกาสผิดหวังก็ย่อมมี พอคิดมากเข้าก็นอนฝัน ในฝันอาจจะสมหวังหรือเกือบสมหวังแล้วสะดุ้งตื่น เหมือนกรณีนี้แล

ให้ความรู้เรื่องศัพท์ภาษาถิ่นอีสานบางคำในผญาบทนี้

ลายต่าง                     หมายถึง     แปลกประหลาด
ข่วม                          หมายถึง     ข้าม
หน่อพุทโธ                 หมายถึง    พระสงฆ์ และ/หรือพระพุทธเจ้า
ใจสิโสดาด้วย            หมายถึง    ใจศรัทธา
ใสฮองฮอง                หมายถึง     สดใสแวววาว
ก่อง                          หมายถึง     โน้ม
เทิงฟ้า                      หมายถึง     อยู่บนฟ้า
แล้วแต่แถน
แนนแต่ฟ้า               หมายถึง    แล้วแต่เทวดา
สิมาโผดมาผาย          หมายถึง    จะกรุณาปรานี
ซาว (กริยา)               หมายถึง    ไขว่คว้า สะเปะสะปะ
แหน่ถ่อน (สร้อย)       หมายถึง    ด้วยเทอญ				
26 ตุลาคม 2549 11:22 น.

หอคอยงาช้างกับเรือจ้างลำผุ

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

กอเอ๋ยกอไก่
การศึกษาของไทยสมัยก่อน
เรียนในห้องท่องจำอ่านคำกลอน
หลักการสอนเลข-คัด-เลิก เบิกตำรา
        
        พอเมืองนี้มีดอกเตอร์เกร่อไปทั่ว
        ชอบทำตัวเด่นดีศรีสง่า
        I come from USA  America
        ที่ผ่านมาล้าหลังสังคมไทย

จึงต้องปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน
ตามขั้นตอนความนิยมสมสมัย
ไม่ต้องจดงดเขียนเรียนออนไลน์
เรียกว่า Child center เห่อกันจัง

       กลับมามองของเก่าเรารื้อฟื้น
       ไยจึงฝืนพื้นฐานแต่กาลหลัง
       ค่านิยมอย่างไทยไม่จีรัง
       ตามฝรั่งมังค่าว่าเขาดี

เหล่าเรือจ้างคว้างลำโดนน้ำซัด
พายุพัดสะบัดเวียนเปลี่ยนวิถี
นาวาน้อยค่อยล่มจมนที
ยังพอมีหลงเหลือเห็นเรือลอย

      สะบักสะบอมซอมซ่อเรือก็ผุ
      คงจะลุถึงฝั่งอย่างเหงาหงอย
      ฝันเถิดท่านฝันต่อบนหอคอย
      เด็กดงดอยโง่เขลาเราโทษใคร				
17 ตุลาคม 2549 12:03 น.

ฤดู....ฤดี

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

..ฝนซาฟ้าครามยามสาย
..ลมสยายปีกล้อมอ้อมสรวง
...สายลมพรมหวังทั้งปวง
....ผ่านห้วงแห่งฝนหล่นพรำ
.....โศกเศร้าเนานานผ่านพ้น
......ทุกข์ท้นทนทานนานฉนำ
.......อ่อนเปลี้ยเสียใจใครทำ
........ลืมเรื่องระกำช้ำใจ
.........หม่นเมฆมืดมิดมัวหมอง
..........ฟ้าร้องคำรามตามวิสัย
...........ทุกข์ท้อทรมานปานใด
............มีใครไหนห้ามปรามมัน
............สดใสซึมโศกโลกสร้าง
..............ใครบ้างแบกโลกโศกศัลย์
...............ฤาใครใสสุขทุกวัน
................แบ่งสรรปันสุข  ทุกข์  ตรม
.................คืนผันวันเคลื่อนเดือนคล้อย
..................ร่องรอยวันคืนขื่นขม
...................หันเหเวลาอารมณ์
....................จ่อมจมเจ็บจำทำไม
.....................เปลี่ยนผันวันหม่นฝนซา
......................แสงทองทาบทาฟ้าใส
.......................โศกสุขทุกข์เข็ญเป็นไป
........................ท้าใจให้แกร่งแข็งพอ

บอกตัวก่อนใครไหนอื่น
ให้ตื่นเต็มตาอย่าท้อ
ฝันใฝ่ไขว่คว้าอย่ารอ
เกิดก่อหวังเข้มเต็มมาน


แบบฝึกหัด    จงแปลงกลอนหกข้างต้นให้เป็นกลอนแปด

เมื่อฝนซาฟ้าครามในยามสาย
ลมสยายปีกล้อมโอบอ้อมสรวง
เย็นสายลมพรมหวังสิ่งทั้งปวง
ผันผ่านห้วงแห่งฝนที่หล่นพรำ
ความโศกเศร้าเนานานให้ผ่านพ้น
ที่ทุกข์ท้นทนทานนานฉนำ
อันอ่อนเปลี้ยเสียใจจากใครทำ
จงลืมเรื่องระกำชอกช้ำใจ
มองหม่นม่านเมฆมืดมิดมัวหมอง
เสียงฟ้าร้องคำรามตามวิสัย
ถึงทุกข์ท้อทรมานสักปานใด
จะมีใครไหนห้ามปราบปรามมัน
สุขสดใสซึมโศกล้วนโลกสร้าง
มีใครบ้างแบกโลกทนโศกศัลย์
ฤามีใครใสสุขได้ทุกวัน
ล้วนแบ่งสรรปันสุขและทุกข์ตรม
คืนผ่านผันวันเคลื่อนปีเดือนคล้อย
เหลือร่องรอยวันคืนอันขื่นขม
ให้หันเหเวลาปรับอารมณ์
จะจ่อมจมเจ็บจำอยู่ทำไม
เปลี่ยนผันวันฟ้าหม่นเมื่อฝนซา
แสงสีทองทาบทาฟากฟ้าใส
โศกและสุขทุกข์เข็ญที่เป็นไป
ท้าทายใจให้แกร่งและแข็งพอ

บอกใจตัวก่อนใครที่ไหนอื่น
ปลุกให้ตื่นเต็มตาอย่าทดท้อ
ฝันสิ่งใดไขว่คว้าอย่ารั้งรอ
เกิดและก่อความหวังเข้มเต็มดวงมาน

				
29 กันยายน 2549 11:51 น.

นามนั้น...สุวรรณภูมิ

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

สุวรรณภูมิแดนนี้มีมาก่อน
เป็นทุ่งนาป่าดอนซ่อนตัวอยู่
ถิ่นคนงามนามขนานบ้านสระคู
ไกลสุดกู่ฝุ่นคลุ้งทุ่งกุลา

           น้ำไหลหลากข้าวงามยามวสันต์
           ล้วนพืชพรรณงามนักมวลปักษา
           แดนอุดมถิ่นนี้มีข้าวปลา
           แต่เวลาหน้าแล้งแห้งเหลือทน

สุวรรณภูมิแห่งนี้มีคนยาก
ปีน้ำหลากข้าวหายกับสายฝน
ปีฝนแล้งชำเลืองฟ้าเบื้องบน
เหล่าคนจนมีอยู่คู่แผ่นดิน


           สุวรรณภูมิแดนนี้แห่งที่สอง
           คือแดนทองของชนคนต่างถิ่น
           ทันสมัยผู้ดีมีอัน(จะ)กิน
           ได้ยลยินลือนามสยามเรา

สนามบินทันสมัยยุคไฮเทค
ช่างสร้างเสกสมใจเพื่อใครเขา
สนองคนกลุ่มใดใครรับเอา
เงินไหลเข้าล้นเหลือนั้นเพื่อใคร

           สุวรรณภูมิสองแห่งแหล่งสยาม
           ฤาพ้องเพียงเสียงนามตามวิสัย
           สภาพจริงให้เห็นความเป็นไป
           เราภูมิใจ..นามนั้น...สุวรรณภูมิ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
Lovings  ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
Lovings  ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
Lovings  ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงครูใหญ่โรงเรียนเล็ก