30 มีนาคม 2552 19:07 น.
ครูพิม
กี่ครั้งหนอท้อเจ็บเก็บความช้ำ
มิจดจำคำลวงดวงใจเอ๋ย
กี่หยาดหยดรดรินโอ้จินต์เอย
แต่มิเคยจดจำที่ช้ำทรวง
กี่รอยแผลจารึกผนึกไว้
ร้าวหวั่นไหวใครเล่าที่เฝ้าหวง
ถ้อยสัญญาคราก่อนที่อ้อนทวง
หวานคำลวงลืมเจ็บช้ำที่ทำมา
กี่วาดหวังยังสวยด้วยความหวัง
ล้าก็ยังหลั่งรินถวิลหา
รอคอยวันฝันคืนชื่นอุรา
รินน้ำตาอ้อนไว้ให้เอ็นดู
กี่ล้านคำย้ำเอ่ยเผยคำรัก
ที่หาญหักจักคดแล้วอดสู
ก็ยังลืมปลื้มคำรักจักเชิดชู
น้ำตาพรูดูช่วยซับกับมือชาย
กี่คืนวันผันเปลี่ยนที่เวียนวน
หญิงกี่คนทนรั้งทุกข์ยังหาย
กี่ครั้งที่เจ็บช้ำระกำกาย
ก็มิหน่ายคลายรักนั้นสักครา
ใจจะยังทนเจ็บเก็บรักหรือ
คำตอบคือยังรักใคร่และใฝ่หา
จะอภัยให้เสมอนะพี่ยา
เพียงเพราะว่า..รักมั่น..นิรันดร..
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐
28 มีนาคม 2552 21:06 น.
ครูพิม
รักเริ่มสีจางจางบนทางฝัน
ส่อแววอันหมางหมางอย่างที่เห็น
เหลือเพียงรอยหม่นหม่นทนลำเค็ญ
เหลือประเด็นร้างร้างบนทางใจ
ยากจะลบล้างล้างยังค้างอยู่
จึงมิรู้ลบลบจบทางไหน
ภาพรักหลอนซ้อนซ้อนจนอ่อนใจ
ก้าวทางใดแผ่วแผ่ว..แว่วจำนรรจ์
โอ้หนอใจเจ็บเจ็บเหน็บจนหนาว
ใจจึงร้าวหมองหมองสยองขวัญ
ใจจึงต้องทนทนท้นรำพัน
ร้อยจำนรรค์ย้ำย้ำจำใจลา
บอกหัวใจช้ำช้ำย้ำให้ชัด
ตระบัดสัตย์ปดปดเลี้ยวลดหา
ขอใจลืมซับซับเถิดน้ำตา
ด้วยเวลานานนานคงผ่านไป
จงเริ่มต้นใหม่ใหม่ในวันนี้
ลืมสิ่งที่หมองหมองแล้วผ่องใส
ตะวันสาดแสงแสงแห่งอำไพ
ลุกก้าวไปช้าช้าสง่างาม
รักแม้สีจางจางบนทางรัก
ยามทุกข์หนักพ้นพ้นสิ้นคนหยาม
เปิดดวงใจมองมองลองติดตาม
ฟ้างดงามผ่องผ่องส่องฤดี..
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๒
26 มีนาคม 2552 21:18 น.
ครูพิม
ฉันมิใช่คนดีดังที่ฝัน
มิลาวัลย์ใบหน้าดูน่าขำ
หน้าหม่นหมองผิวกร้านดูด้านดำ
แต่งามล้ำน่าพิศที่จิตใจ
ฉันมิใช่คนดีดังที่หมาย
แค่เคียงกายหมายสร้างทางสดใส
คอยซับเหงื่อเมื่อล้าระอาใด
ยินดีไปรองรับประคับประคอง
ฉันมิใช่คนดีดังที่หวัง
แค่ใจยังภักดีไม่มีสอง
มอบใจรักภักดีตีตราจอง
ด้วยรักคล้องปองรักภักดิ์เพียงคุณ
ฉันมิใช่คนดีดังที่เห็น
แต่ฉันเป็นคนเอื้อคอยเกื้อหนุน
มีรักที่จริงใจให้เป็นทุน
มีความอุ่นด้วยหวงคอยห่วงใย
ฉันมิใช่คนดีที่ร่ำรวย
แต่อาจช่วยด้วยรักมิผลักใส
งานหนักหนาจะช่วยด้วยห่วงใย
ทุกข์เพียงใดใจพร้อมสู้เคียงคู่กัน
ฉันมิใช่คนดีเป็นที่หนึ่ง
แต่คิดถึงดังเดิมคอยเติมฝัน
พร้อมจะอยู่สู้ด้วยช่วยแบ่งปัน
และช่วยปั้น..ฝันสวย...ด้วยสองเรา
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒
23 มีนาคม 2552 19:57 น.
ครูพิม
ฝ่าลมร้อนก่อนบ่ายไปขอบฟ้า
ข้ามนภาฝ่าลมชมเวหน
ปะทะลมเวรัมภาดูน่ายล
พัดหมุนวนจนคลุ้งท้องทุ่งนา
ฝ่าลมร้อนอ้อนใจคนไกลห่าง
ระยะทางกางกั้นด้นดั้นหา
โทรจิตติดตามยามร้างลา
ร่างสัญญาแห่งใจให้ลงนาม
หนึ่งคือรักภักดีมีใจมั่น
มิแบ่งปันหั่นใจเป็นสองสาม
รักเพียงหนึ่งซึ้งพอขอติดตาม
ทุกโมงยามอย่ากังวลจนหวั่นใจ
สองคือหวงห่วงใยยามไข้ร้อน
คอยอาทรป้อนยาคราอ่อนไหว
อุปสรรคปัญหามาวันใด
ยินดีไปไขปัญหาอย่ากังวล
สามคือความเข้าใจไม่งอแง
อย่าอ่อนแอแพ้คำใดให้สับสน
ถ้อยคำลือคือพิษจิตทุกข์ทน
ขอกมลคนดีนี้เชื่อคำ
แม้นหลงลืมสัญญาในครานี้
รักที่มีนี้เข้าใจใช่ถลำ
จะขอคืนสัญญาให้คนใจดำ
ลงชื่อย้ำ...พร้อมพยาน...นั้นสามคน....
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๒
21 มีนาคม 2552 11:16 น.
ครูพิม
น้ำแห้งขอดตลอดโค้งฝั่งโขงแห้ง
ถึงหน้าแล้งแก่งงามอยากถามสาว
เขียนจดหมายหลายฉบับกับเรื่องราว
ที่เป็นข่าวจากบ้านนอกมาบอกกัน
ว่าผู้เฒ่าเฝ้าคอยละห้อยหา
กลับคืนนามาเบิ่งแหน่แกโศกศัลย์
คิดถึงลูกปลูกแฟงแตงฟักมัน
รอสาวนั้นวันสงกรานต์อาจกลับมา
เมื่อวันก่อนตอนเย็นเห็นนั่งหงอย
พ้อละห้อยคอยกันหลายพรรษา
เก็บข้าวหอมเอาไว้หลายเพลา
กลับคืนนาเมือไหร่คงได้กิน
ยายบ่ค่อยแข็งแฮงแรงเริ่มล้า
หลายเพลาคราเหงาเฝ้าถวิล
คึดฮอดมันนั้นหนาน้ำตาริน
หากเพื่อนยินถ้อยเว้าให้ฟ้าวคืน
สายน้ำโขงโค้งคดลดแล้วเพื่อน
ส่งข่าวเตือนเหมือนเก่าเฝ้าสะอื้น
มาเบิ่งแยงแม่เพิ่นนะขวัญยืน
ทุกเช้าตื่นฝืนกายหมายพบนาง
น้ำแห้งขอดตลอดโค้งโขงคอยท่า
สาวคืนนามาพบกันตะวันสาง
ร่วมทำบุญอุ่นใจไม่จืดจาง
ทุ่งนาร้าง...คงฟื้น...ตื่นอีกที...
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๒
ภาษาเลยวันนี้
เบิ่งแยง หมายถึง ดูแล
แข็งแฮง หมายถึง แข็งแรง
คึดฮอด หมายถึง คิดถึง
เว้า หมายถึง พูด
ฟ้าว หมายถึง รีบ
เพิ่น หมายถึง ท่าน