10 มีนาคม 2552 13:28 น.
ครูพิม
ร้อนไอแดดแผดเผาจึงเร่าร้อน
มิอาจผ่อนร้อนแล้งระแหงทั่ว
ควันหมอกขาวพราวพร่างช่างน่ากลัว
ฟ้าสลัวมัวหม่นทุกหนทาง
ใบไม้กรอบหอบปลิวละลิ่วล่อง
น้ำเคยนองแห้งขอดตลอดว่าง
เหลือเพียงร่องและรอยคอยส่งทาง
ดูอ้างว้างกว้างไกลใจอ่อนแรง
เหมือนคนไกลใจร้างปล่อยนางร้อง
ระทมหมองนองน้ำตาและล้าแฝง
เกาะกินใจไห้หาคราอ่อนแรง
ดุจฟ้าแกล้งแล้งร้ายหนอใจคน
มิยลยินรินคำย้ำเพียงถ้อย
เยื่อใยถอยน้อยแล้วแก้วสับสน
จะเดินหน้าคราใดให้อับจน
ดูมืดมนหม่นหมางบนทางใจ
จะมีใครไหนหนอพอจะเห็น
ทุกข์ซ่อนเร้นเป็นชังเกินรั้งไหว
ยามเขาเมินเกินกล้ำช้ำทรวงใน
น้ำตาไหลรินรดหมดความอาย
ร้อนไอแดดแผดใจจนไหม้หมด
เขากบฎคดคิดจิตสลาย
ปาดน้ำตาลาช้ำจำจนตาย
ถ้อยคำชาย..ร้ายนัก...กับรักลวง..
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๒
7 มีนาคม 2552 23:16 น.
ครูพิม
สองมือยังมีแรงแห่งความฝัน
พร้อมจะปั้นฟันฝ่าหาความหมาย
เพราะชีวิตต้องสู้ไม่ดูดาย
ชีพมิวายกายอยู่เคียงคู่ใจ
สองมือยังไกวเปลพร้อมเห่กล่อม
สองเท้าพร้อมหอมหวังยังสดใส
สองมือยังบากบั่นมิหวั่นใด
สู่หลักชัยใจย่างอย่างมั่นคง
แม้นเป็นหญิงอ่อนแอเคยแพ้บ้าง
บนเส้นทางห่างไกลใจประสงค์
มุ่งสร้างสรรค์สิ่งงามตามใจจง
มิใหลหลงเพ้อพร่ำมัวรำพัน
มีจิตใจมุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์
ทุกคืนวันขยันสู้เคียงคู่ขวัญ
แม่ศรีเรือนงานหลักตระหนักพลัน
ไม่ลืมฝันงานตนสู้ทนทำ
บริหารครบครันงานทั้งผอง
แม้นหน้าหมองหม่นฝ้าดูน่าขำ
เพราะทำงานกรำแดดแผดจนดำ
แต่ขอย้ำ..ใจจริง...หญิงอดทน
จะรักใครรักจริงมิทิ้งขว้าง
และจะสร้างสิ่งใดใฝ่ฝึกฝน
ปรารถนาสิ่งใดในสกนธ์
ก็ดั้นด้นจนได้..ดั่งใจปอง..
๗ มีนาคม ๒๕๕๒
4 มีนาคม 2552 12:03 น.
ครูพิม
ยามรุ่งสางย่างเดินชมเพลินสวน
หอมอบอวลมวลมาลีบานคลี่สวย
หอมผกา โชยรินกลิ่นระรวย
จำปีช่วยหอมไกลใกล้จำปา
ดอกลำดวนชวนดอมพะยอมป่า
กรรณิการ์ชวนชมพรมพฤกษา
สายหยุดเจ้าหยุดเมื่อสายใกล้ชบา
อีกมณฑาเคียงใกล้สายสร้อยทอง
เหลืองอร่ามงามชงโคยี่โถเด่น
เฟื่องฟ้าเน้นหลากสีไม่มีสอง
พิกุลแกมหงอนไก่ใกล้พวงทอง
บานชื่นพ้องโสภาช่างน่าชม
รักเร่ร้างห่างประยงค์ดงยี่สุ่น
งามละมุนพลับพลึงจึงสุขสม
งามประดู่ดูพุทธชาดน่าดอมดม
ยิ่งภิรมย์ชมตระการทานตะวัน
รสสุคนธ์บานบุรีมีขจร
หอมออนซอนพุ่มพวงดุจสรวงสวรรค์
งามอุบลปนดาวเรืองม่วงอัญชัน
มะลิวัลย์งามวิไลใจเบิกบาน
งามกล้วยไม้พุดตานจันทร์กระพ้อ
เล่นลมล้อพวงชมพูดูสวยหวาน
แทนความรักปักกุหลาบอาบดวงมาน
สารภีคลี่ตระการ...พลันชื่นใจ
เล็บมือนางกางหยิกจิกเนื้อหนุ่ม
ที่เกาะกุมมือสาวจนร้าวไหว
ดอกผีเสื้อเอื้อยิ้มพริ้มละไม
หอมอุ่นไอมาลีที่ได้ยล
มวลมาลีคลีบานตระการสวน
หอมอบอวลล้วนมากมายให้ฉงน
แม้นดอกเดียวเปลี่ยวเหงาร้าวกมล
ดุจเช่นคนล้วนพึ่งพาอาศัยกัน
แม้นงามเดี่ยวเปลี่ยวเอกาคราไร้เพื่อน
แต่อุ่นเรือนอุ่นใจในฝั่งฝัน
เพราะเกิดมาได้พึ่งจึงผูกพัน
เธอและฉัน..สานไมตรี..ดีนักเอย...
3 มีนาคม 2552 14:37 น.
ครูพิม
ต้นทองกวาวผลิดอกบอกความหมาย
ศิษย์หญิงชายถึงกาลจากพรากอีกหน
ด้วยหนทางยาวไกลให้อดทน
ที่ฝึกฝนจนชำนาญการเล่าเรียน
ต่างมีฝันต่างปองที่ผ่องใส
ด้วยหัวใจมุ่งมั่นฝึกอ่านเขียน
ความก้าวไกลต้องขยันหมั่นพากเพียร
เนิ่นจำเนียรเรียนร่ำท่องตำรา
เจ้าคือฝันสวยงามนามอนาคต
หวังทั้งหมดมอบไว้ใฝ่ศึกษา
หลากแขนงแตกขยายหลายวิชา
ที่หมายคว้าสร้างชาติองอาจไกล
จะยากดีมีจนทุกคนหวัง
เปี่ยมพลังต่อสู้สู่จุดหมาย
แม้นทุกข์ยากมากปัญหามากล้ำกราย
ก็ต้องพ่ายเจตนาค่าแห่งตน
จะก้าวไปข้างหน้าอีกคราแล้ว
ขอศิษย์แก้วมุ่งมั่นหมั่นฝึกฝน
ฟังประกาศผลสอบตอบกมล
ปรากฏผลตามที่เรียนอ่านเขียนมา
สถาบันมหาวิทยาลัย
จงก้าวไปคว้าฝันนั่นเถิดหนา
อุปสรรคมากมายใช้ศรัทธา
ใจแกร่งกล้า...ฝ่าฟัน...สู่ฝันไกล
ต้นกล้าของแผ่นดิน
ไทยทั่วถิ่นหวังพึ่งพาเพื่ออาศัย
ชาติก้าวหน้าด้วยกำลังของเด็กไทย
เจ้าคือไฟ..สวยงาม..นามหวังเอย..
๓ มีนาคม ๒๕๕๒
27 กุมภาพันธ์ 2552 21:58 น.
ครูพิม
ฟังเพลงแว่วแผ่วหวานผ่านดาวหมอง
ท่วงทำนองคล้องใจในคืนค่ำ
เสนอเพียงร้อยภาษาค่าควรจำ
เป็นลำนำค่ำมั่นในสัญญา
ด้วยหน้าที่จำไกลมิไหวหวั่น
คืนและวันคราท้อพ้อปัญหา
คอยส่งแรงแห่งรักและศรัทธา
จึงซึ้งค่าอาทรผู้จรไกล
จะวันนี้หรือวันไหนให้ห่วงหา
รอเวลาที่ฝันนั้นสดใส
จะเกี่ยวก้อยคอยสร้างบนทางใจ
กับบางใครเท่านั้น..ที่ฉันรอ
แม้นห่างไกลใจเอ๋ยมิเคยห่าง
ทุกเส้นทางยังใกล้ในห้องหอ
ขอเคียงใกล้ใจเคียงเรียงพะนอ
คอยเคลียคลอล้อเล่นเป็นสุขเอย
โอ้ดึกดื่นคืนค่ำในยามนี้
หลับฝันดีหรือไรใคร่เฉลย
หลับสนิทคิดถึงกันนั้นเช่นเคย
ลมรำเพยเอ่ยถาม..ด้วยหวามใจ
ฟังเพลงแว่วแผ่วหวานผ่านดาวหม่น
เสียงฟ้าบ่นคนครวญสุดหวนไห้
โอ้ป่านนี้...พี่จร...นอนแห่งใด
จะรู้ไหม...ใครหนอ...เฝ้ารอคอย
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒