1 กุมภาพันธ์ 2550 20:40 น.
ครูพิม
***ความรักเร่ง ผลิดอกงาม ในยามที่
ม่านฟ้าคลี่ แย้มใจ ใครใคร่เห็น
เพราะว่ารัก จรรโลงโลก ให้ร่มเย็น
ร้อนที่เห็น ก็เย็นได้ ในบัดดล
***ใครมีรัก ขอให้สม อารมณ์รัก
ใครอกหัก ก็ให้หาย คลายหมองหม่น
ใครจะจีบ บอกรักใคร ในกมล
อย่าสับสน กล้าเผยใจ ให้ชื่นชม
***อย่าได้หลอก กันให้เพ้อ ละเมอรัก
อย่าได้ทัก ให้หลงผิด จะขื่นขม
อย่าเหยียบย่ำ กระทำใจ ให้หมองตรม
อย่าระทม เพราะรักหลอก กลอกกลิ้งกัน
***ให้สัตย์ซื่อ ถือสัตย์ มั่นในรัก
แม้ห่างนัก ถนอมใจ ไม่แปรผัน
ใจหนักแน่น รักษาใจ ให้แก่กัน
คงสุขสันต์ รักทุกคู่ ในหมู่ชน
***คูของเขา อย่าเอาเรา เข้าไปแทรก
ให้เขาแตก รักสลาย ในสายฝน
เรามีจิต คิดดูเล่า เขาก็คน
เขาจะก่น สาปส่ง คงไม่ดี
***ขอความรัก จริงใจ ให้กับเพื่อน
บอกย้ำเตือน รักมอบให้ ในทุกที
ทุกข์สุขนั้น ส่งข่าวมา นะคนดี...
จะรอที่ บ้านกลอน นอนพักใจ....
***รักมีทั้งรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ
รักมีทั้งน้ำตาและร้องไห้
รักมีพลังที่สร้างสรรค์
และ..รักก็มีพลังทำลายล้างเช่นกัน..
***รักหากได้มา..เพราะอีกคนต้องสูญเสีย..
เราจะสุขอยู่อย่างไร...
***จึงขอให้ทุกคน...สมหวังในรัก...
31 มกราคม 2550 21:59 น.
ครูพิม
ภาคแรก ปฐมบท
1. ห่างเรือนมาเปลี่ยวอ้าง อาวรณ์
ใจจะขาดอยู่รอนรอน สิ้นแล้ว
อกร้าวด้วยไร้สมร เคียงคู่
อยากมีเจ้าน้องแก้ว เกี่ยวก้อยเคียงถนอม
2.จำใจห่างแดนดินจากถิ่นฐาน
มาเล่าเรียนศึกษาตำรางาน
วิชาการ นาม วิศวะกรรมคอมฯ
3.เมื่อแรกย่างเข้ามาใจว้าเหว่
เดินเตร็ดเตร่ ท่ามกลางคนหลากล้อม
ก็ยังเปลี่ยวเหมือนสิ่งที่แปลกปลอม
ไร้คนออม เห็นค่า ราคาเรา
4.จึงสะสมความกลุ้มที่รุมจิต
จนเกิดวิกฤต..เพราะพิษเหงา
จนใจไหวหวั่นเกินบรรเทา
จนเกิดเป็นรอยร้าวเปล่าเปลี่ยวทรวง
5.เริ่มจะขาดกำลังใจให้ฮึดสู้
ยามเรียนรู้หรือจะเสร็จสำเร็จล่วง
เหมือนอยู่ไปวันวันเดินตามดวง
มันหนักหน่วงอ่อนล้าเกินสาธยาย
6. ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน
เพราะไม่เหมือน เพื่อนชม ที่สมหมาย
มีเพื่อนเล่น เพื่อนเรียน มามากมาย
อยากจะได้ เพื่อนชิด สนิทเนา
7. หนุ่มวิศวะคอมฯ ช้ำชอกนัก
ไม่เห็นจักมีคนรักเหมือนใครเขา
เจียนจะบ้าหรือไรนะใจเรา
ต้องทนเศร้าอย่างนี้อีกกี่นาน
8. เรียนก็หนักกายก็เหนื่อยใจก็หน่าย
ความทุกข์โถมทำร้ายหมายแผดผลาญ
หรือชะตาลิขิตให้ทรมาน
เสพซมซานซอมซ่ออย่างทรุดโทรม
9.หรือบ่วงกรรมกำหนดเล่นบทโศก
หรือว่าโลกคอยแกล้งคอยแทงโถม
ให้พบเคราะห์กรรมซัดกัดกระโจม
ให้ลุกโหมมอดไหม้ด้วยภัยรัก
10.ให้อับโชคด้อยวาสนาพาหม่นหมอง
ขาดคนครองเคียงคู่อยู่ปักหลัก
คลอนแคลนเพราะไร้สิ่งไว้พิงพัก
ก็จำจักไม่วาย...ตายทั้งเป็น
ภาคสอง แรกพบ
11.แต่แล้วในวันหนึ่งจึงพึงพบ
ได้ประสบแววหวานผ่านมาเห็น
ทั้งดวงใจครืนครึกกระตึกเต้น
ยะเยียบเย็น-ร้อนผ่าว คละเคล้ากัน
12.แอบชะแง้แลเหลียวแม่ยอดหญิง
ช่างงามจริงพร้อมพริ้งทุกสิ่งสรรพ์
งามจริตกิริยาสารพัน
รูปทรงนั้นเลิศวิไลชวนให้ชม
13.ความหม่นหมองเริ่มหายมลายสูญ
ความสุขเพิ่มพูนมาเพาะบ่ม
หว่านเมล็ดพันธุ์รักถักภิรมย์
แล้วแผ่พรมน้ำใจมอบไมตรี
14.ภาพแรกพบยังตรึงคำนึงเห็น
ดั่งจันทร์เพ็ญทรงกลดเรืองรัศมี
ให้ใฝ่หาตั้งแต่นั้นถึงวันนี้
หรือจะมีคลาดเคลื่อนเลือนดับลา
..
15.เชยชมประโลมโฉม
ดุจโคม ณ ภาคนภา
ผิวผ่องดั่งทองทา
ละอองนวลประมวลไสว
16.งามพักตร์ดั่งพักตร์เทพ-
พยะดาสง่าประไพ
งามแก้มแฉล้มใส
จิตต้องเสน่ห์สมร
17.ปากเผยจะเย้ยยิ้ม
เยาะก็พิมพ์ หทัยอุทร
วาจาก็เปรียบพร
ณ สวรรคะส่งประทาน
18.งามมารยาทพร้อม
พึงถนอมอนงคะกานต์
จรรยาและอาการ
ก็มิหม่นประการไฉน
19.ชดช้อยชะม้อยเนตร
ดลเหตุประหวั่นหทัย
แผ่ฤทธิส่งให้
หฤทัยสุดทานถวิล
20.งามล้วนประมวลชม
ร่ำภิรมย์บ่เสื่อมบ่สิ้น
หาทั่วทั้งแผ่นดิน
จะเสมอเสมือนมิมี
ภาคสาม ร้อยรัก
21.จึงหมายเอ่ยถ้อยคำอันล้ำค่า
มอบแด่ผู้เสน่หาไม่หน่ายหนี
ประมวลงามสามภพจบธาตรี
ดวงจิตพี่มากล้ำเหลือคำนึง
22. แม้นำน้ำทั้งห้วงมหาสมุทร
มาขีดเขียนคำพูดเว้าวอนถึง
ยังมิพอจารจดบทรำพึง
ว่าห่วงหึง คนดีทุกวี่วัน
23.ว่าซาบซึ้ง ว่าหวงห่วง ดวงดอกแก้ว
ทุกช่วงแนว มอบใจหมายมาดมั่น
ว่าจิตปรารถนาทุกสิ่งอัน
ว่าหลงใหล ใฝ่ฝัน ว่ามั่นรัก
24.ขอมอบจิตหนึ่งนี้ไม่มีสอง
ขอใฝ่ปองสายใจได้ประจักษ์
เห็นในค่าคนดีที่น่ารัก
จงตระหนักรักนี้พี่สัญญา
25. หากห่างไกลเพียงนิดก็คิดถึง
เสมือนหนึ่งต้องกลมนตร์คาถา
พลั้งเผลอติดบ่วงรักเกินหักลา
พลั้งเผลอใจปรารถนาทุกค่ำเช้า
26. อยู่ที่นี่ฉันโดดเดี่ยวเปลี่ยวอกอ้าง
ต้องเวิ้งว้างเหว่ว้าเวลาเหงา
ขาดเพื่อนสนิทมิตรคู่ใจให้บรรเทา
มาขัดเกลา เกลี้ยงกล่อมละม่อมละไม
27. หากได้น้องแก้วขวัญเคียงกายพี่
เหมือนโลกนี้ปรากฏความสดใส
ทุกข์ร้อนเร่าเบาบางจืดจางไป
เหลือเพียงความ สุขใจ ที่ได้เชย
28.จึงเรียงร้อยอักษร เว้าวอนถึง
คำคำหนึ่งอยากให้ใจเฉลย
คำคำนี้มีค่ายิ่งกว่าเปรย
โอ้เจ้าเอ๋ย จงเตรียมรับสดับฟัง
29. แม้นสิ้นฟ้าดินล่มถล่มทลาย
แม้นโลกวาย ปั่นป่วนไม่หยุดยั้ง
แม้นอาทิตย์ดับแสงส่งกำลัง
ใจฉันยัง....ผูกสมัคร...มั่นรักเธอ..
31 มกราคม 2550 19:58 น.
ครูพิม
ร่ำเรียงถ้อยอักษรอาวรณ์ถึง
ช่วงเสน่ห์ลึกล้ำเหลือคำนึง
ว่าห่วงหึง คนดีทุกวี่วัน
แสนอิ่มเอมในรสความสดชื่น
ทุกวันคืนมอบใจหมายมาดมั่น
ว่าจิตปรารถนาทุกสิ่งอัน
ว่าหลงใหล ใฝ่ฝัน ว่ามั่นรัก
ขอมอบจิตหนึ่งนี้ไม่มีสอง
ขอใฝ่ปองสายใจได้ประจักษ์
เห็นในค่าคนดีที่น่ารัก
จงตระหนักรักนี้พี่สัญญา
หากห่างไกลเพียงนิดก็คิดถึง
เสมือนหนึ่งต้องกลมนตร์คาถา
พลั้งเผลอติดบ่วงรักเกินหักลา
พลั้งเผลอใจปรารถนาทุกค่ำเช้า
อยู่ที่นี่ฉันโดดเดี่ยวเปลี่ยวอกอ้าง
ต้องเวิ้งว้างเหว่ว้าเวลาเหงา
ขาดเพื่อนสนิทมิตรคู่ใจให้บรรเทา
มาขัดเกลา เกลี้ยงกล่อมละม่อมละไม
หากได้น้องแก้วขวัญเคียงกายพี่
เหมือนโลกนี้ปรากฏความสดใส
ทุกข์ร้อนเร่าเบาบางจืดจางไป
เหลือเพียงความ สุขใจ ที่ได้เชย
จึงเรียงร้อยอักษร เว้าวอนถึง
คำคำหนึ่งอยากให้ใจเฉลย
คำคำนี้มีค่ายิ่งกว่าเปรย
โอ้เจ้าเอ๋ย จงเตรียมรับสดับฟัง
แม้นสิ้นฟ้าดินล่มถล่มทลาย
แม้นโลกวาย ปั่นป่วนไม่หยุดยั้ง
แม้นอาทิตย์ดับแสงส่งกำลัง
ใจฉันยังผูกสมัครมั่นรักเธอ..
31 มกราคม 2550 13:07 น.
ครูพิม
...เมื่อทุกข์หนัก จากรัก ที่ผิดหวัง
ใจที่พัง หาที่พึ่ง จึงพบเขา
ด้วยคำปลอบ ปลุกให้สู้ อย่าดูเบา
ทุกค่ำเช้า ได้ยินเสียง เพียงปลอบใจ
...อดทนนะ อดทน จนเข้มแข็ง
พอมีแรง ก้าวเดินต่อ พอสู้ไหว
ฉันหลงผิด คิดว่า เขามีใจ
ที่ไหนได้ ก็แค่เผลอ มาเจอกัน
...เขาก็มี คนในใจ ไว้ใกล้ชิด
ฉันแค่มิตร ชั่วคราว เศร้าแล้วนั่น
จึงต้องจำ ตัดใจ ให้ไกลพลัน
ก่อนที่ฉัน จะเจ็บ เหน็บกว่าเดิม
...ลาแล้วหนอ พ่อคนดี สุดที่รัก
ที่ให้พัก แค่ชั่วคราว ก็สุขเสริม
มิตรภาพ ที่ก่อร่าง สร้างเพิ่มเติม
กลับจุดเดิม ที่พบกัน ฉันขอลา
29 มกราคม 2550 11:25 น.
ครูพิม
...มนต์เสียงเพลง แห่งบ้านนา พาใจฝัน
จะฝ่าฟัน หนทางไกล พาใจมุ่ง
หอบตำรา จากบ้านนา เข้าสู่กรุง
จากท้องทุ่ง สู่เมืองใหญ่ ใจกังวล
...ขอส่งข่าว แว่วมา เวลานี้
สบายดี เมืองงดงาม แต่สับสน
ผู้คนที่ มากมาย หลายผู้คน
ไม่ยิ้มยล หน้ากัน หนูหวั่นใจ
.....มีแข่งขัน ทุกเรื่องราว ร้าวใจนัก
มีแต่ผลัก รังแก เห็นแก่ได้
เอาตัวรอด ไม่เผื่อ ช่วยเหลือใคร
แล้งน้ำใจ ไม่รู้จัก ไม่ทักเลย
.....ขอสี่ปี ที่จะเรียน เพียรฝึกฝน
ความรู้ตน มหาลัย ไม่เพิกเฉย
จะศึกษา ค้นคว้า อย่างที่เคย
ถ้อยคำครู ที่เอ่ยย้ำ จำใส่ใจ
....ทางบ้านเรา เฝ้าคอย อย่าน้อยจิต
แม้น้อยนิด ไม่เกเร เถลไถล
จะมุ่งมั่น ฝันฟ่า อย่าห่วงใย
จบเมื่อไหร่ จะคืนกลับ รับขวัญกัน
...เด็กบ้านนา มาสู่กรุง มุ่งศึกษา
จากตำรา จากประสบการณ์ สานสู่ฝัน
เพื่อคืนทุ่ง พัฒนา บ้านเรากัน
คนที่นั่น โปรดรอคอย...อย่าน้อยใจ.
ขอส่งใจให้เด็กต่างจังหวัดทุกคนที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ
ทุกคนที่บ้าน..ห่วงใย...และยังรอคอย..
วันที่สำเร็จกลับบ้านมา..
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนทุนโครงการเพชรในตม
หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน
ทุนมหาวิทยาลัยทองสุข..
และทุกคนที่หอบฝัน...มาหาความรู้.
ขอใจที่เข้มแข็ง..อดทนต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ความดีที่สร้างมาคุ้มครองพวกเจ้าทุกคน...