19 พฤศจิกายน 2552 09:16 น.
ครูพิม
ละอองหมอกหยอกยั่วยืนตัวสั่น
ซับทรวงหวั่นปั่นป่วนคร่ำครวญหา
จะรู้ไหมไกลข้างใครห่างตา
ฝากลมมาส่งข่าวว่าสาวรอ
แม้นเพียงถ้อยร้อยส่งว่าคงมั่น
ก็ลบหวั่นพรั่นไหวจากใจหนอ
ลมสะบัดพัดไหวไผ่เสียดกอ
ดุจเสียงซอคลอขลุ่ยครวญชวนคำนึง
หากบุญเพรงพอสร้างปูทางฝัน
หรือบางบรรพ์เคยพบประสบซึ้ง
เพียงเสี้ยววารผ่านวันอันตราตรึง
หัวใจหนึ่งพึงรอมิท้อใด
สร้างเพียงภาพอาบใจพอให้อุ่น
หอมละมุนกรุ่นฝันอันหวามไหว
ฝากดาราห่มกมลคนห่างไกล
ขออย่าได้หม่นเหงาหรือร้าวราน
ขอใจหนึ่งพึงมั่นอย่าหวั่นหวาด
ยามนิราศวาดหวังว่ายังหวาน
ร้อยลำนำคำวอนอ้อนดวงมาน
คอยขับขานยามอ้างว้างห่างไกลกัน
เหมือนอยู่ไกลใช่ห่างหรือจางหาย
ทอถักสายใยเพียงอยู่เคียงขวัญ
ดุจดารามาเคียงเรียงดวงจันทร์
ดุจตะวันเยี่ยมฟ้าคราอรุณ
สุขเพียงเสี้ยวเดียวดายคล้ายใครห่วง
เป็นสุขลวงล่วงแล้วคล้ายแก้วขุ่น
เพียงเลือนลางสร้างสรรค์ฝันละมุน
ปลอบใจอุ่น...คุ้นฝัน...อันลางเลือน
ครูพิม
๑๙ พฤศจิกายน
16 พฤศจิกายน 2552 21:04 น.
ครูพิม
เป็นตำนานกาลก่อนย้อนเล่าเรื่อง
ก่อนสร้างเมืองเชียงคานโบราณกล่าว
ประวัติศาสตร์จารึกเห็นเป็นเรื่องราว
ที่ท่านท้าวสร้างเชียงคานย่านฝั่งชล
อยู่ริมฝั่งน้ำของร้องเรียกขาน
เมืองตระการนามเชียงทองต้องเหหน
อพยพสบน้ำเหืองพร้อมผู้คน
งดงามล้นคนขานเชียงคานงาม
พระอนุพินาศประกาศกล้า
พร้อมใจพาข้ามของน้ำนองหลาม
สร้างเชียงคานบ้านใหม่ว่าในนาม
คนเกรงขามเลื่อมใสใฝ่บุญทาน
ศาสนารุ่งเรืองเฟื่องฟูนัก
วัดที่จักสร้างไว้ได้สืบสาน
มหาธาตุรุ่งเรืองเมืองเชียงคาน
งามตระการวัดใหญ่ได้สร้างบุญ
(วัดศรีคุณเมือง คนเฒ่าคนแก่เรียนกวัดใหญ่)
แต่จีนฮ่อต่อตีมีปัญหา
ยกคนมาฆ่าปล้นจนหัวหมุน
ท้าวทองดีคนกล้ามาค้ำจุน
พาเพื่อนขุนคนกล้ามาต้านตี
ท้าวทองดีวางแผนแสนล้ำลึก
ปราบข้าศึกจนพ่ายแล้วไล่หนี
ถวายความสัตย์ซื่อคือภักดี
จอมภูมี(ร.๕)…ยกให้ได้ครองเมือง
พระราชทานนามพระยาศรีอรรคฮาต
ผู้สามารถด้วยดีงามนามลือเลื่อง
พัฒนาพาบ้านสราญเรือง
และฟูเฟื่องวัดวาพาสู่ธรรม์
ปีสองพันสี่ร้อยห้าสิบสอง
การปกครองเป็นระบบที่สร้างสรรค์
เทศาภิบาลหน้าที่ที่สำคัญ
นายอำเภอตำแหน่งนั้นประทานมา
ครบร้อยปีมีฉลองต้องสมโภช
ให้อุโฆษโชติงามยามอุษา
ขอเชิญท่านพร้อมใจได้ทัศนา
ขบวนแห่งามตาครายามเย็น
งานร้อยปีเชียงคานตระการแล้ว
งามผ่องแผ้วน้ำใจคงได้เห็น
ประเพณีวัฒนธรรมงามล้ำเพ็ญ
มาร่วมเป็น…ส่วนสำคัญ….งานของเรา
จะพาล่องริมแก่งแอ่งคุดคู้
ชมผาภูทิวทัศน์วัดลืมเศร้า
มะพร้าวแก้วของฝากจากบ้านเฮา
ภาษาเว้าแปลกหูแท้แต่น่าฟัง
จะพาไปตักบาตรนิราศทุกข์
อิ่มสนุกข้าวหลามยาวคราวไร้หวัง
แม้นได้ชิมอิ่มใจใครชิงชัง
หัวใจพัง..ก็ลืมลบ..พบสุขจริง
สี่ถึงหกธันวาใกล้มาถึง
ให้เพื่อนบึ่งพร้อมใจทั้งชายหญิง
มาร่วมงานเอาบุญไว้ได้พักพิง
มาแอบอิง…เมืองโบราณ..เชียงคานเด้อ….
ครูพิม
๑๖ พฤศ๗ิกายน ๒๕๕๒
งานแสดงแสง สี เสียง ในคืนวันที่ ๕ ธันวาคม
เสร็จการแสดงร่วมจุดเถียนชัยถวายพระพร
หลังจากนั้น..จะมีขบวนแห่ผาสาดผึ้ง...ถือว่าเป็นการสะเดาะห์
ปล่อยทุกข์ปล่อยโศกลงน้ำของ..
เช้าวันที่ ๖ ธันวาคม ร่วมการตักบาตรข้าวเหนียว...ริมถนนฝั่งของ...
ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจ..จะติดต่อทีพักไว้ให้ตอนนี้
โรงแรม รีสอร์ตเต็มแล้ว เหลือที่เป็นโอมสเตย์
ราคาถูกมาก...คิดเป็นรายหัว ไม่เกินหัวละ ๑๕๐ บาทค่ะ..
หมายเหตุ
6 พฤศจิกายน 2552 20:52 น.
ครูพิม
ใครก็บอกดอกรักบานมักหวานหอม
อุ่นจะห้อมล้อมใจเกิดไฟฝัน
ห่วงจะตามยามใจห่างไกลกัน
ขอบฟ้ากั้นสองใจนั้นได้ฤๅ
รักจะคอยสร้างแรงให้แกร่งกล้า
อีกศรัทธากล้าแกร่งหมดแรงหือ
จะเดินหน้าระวังคอยยั้งมือ
เพราะรักคือสื่อสร้างบนทางใจ
แต่เมื่อรักโรยราถึงคราจาก
เคยรักมากกลับเมินเกินทนไหว
ที่ศรัทธาหมดสิ้นจากจินต์ไป
เหลือซากไว้ให้เห็นเป็นหนามตำ
ยากจะยื้อถือสิทธิ์คิดเคยรัก
จำต้องหักใจข่มแม้ตรมช้ำ
รินน้ำตาคราใดบอกใจจำ
หัวใจร่ำคำใดเล่าได้ยิน
เมื่อมีรักจงถนอมออมรักไว้
ดูแลใจให้ซื่อถือสัตย์ศิล
อย่าเผื่อแผ่รักครองหมองชีวิน
หนึ่งถวิลหนึ่งลา…ช่างน่าชัง
เพียงเผื่อใจให้พออย่าหงอนัก
คราหมดรักศักด์ศรีตนแต่หนหลัง
ให้คงมั่นเอาไว้ใช่ภินท์พัง
มิอาจยั้ง..หยุดอย่ายื้อ...นั่นคือรัก...
21 ตุลาคม 2552 22:08 น.
ครูพิม
มองสิมองท้องฟ้าในคราค่ำ
เรไรร่ำย่ำเพลงบรรเลงหวาน
มโหรีราวป่ามีมานาน
กล่อมขับขานนานเนาเฝ้าพงไพร
มองสิมองดวงดาวที่พราวฟ้า
แต้มนภาราตรีสีสดใส
ดุจมณีคลี่พรมห่มฤทัย
สว่างไสวในนภายามราตรี
มองสิมองท้องนาครารุ่งเช้า
ชาวนาเขาลงแรงแห่งศักดิ์ศรี
ทุกหยาดเหงื่อเพื่อเรามีข้าวดี
เขียวขจีที่ทุ่งทองของชาวนา
มองสิมองผองพ่อค้ามาซื้อข้าว
หัวอกร้าวคราวนี้มีปัญหา
กิโลที่เขาให้ไร้ราคา
หมดปัญญาจำขายพอได้เงิน
มองสิมองความยากลำบากแท้
ชาวนาแพ้แต่ใครใครใคร่สรรเสริญ
กระดูกชาติอนาถนักจักเผชิญ
ความเจริญห่างไกล...ให้ระอา
มองสิมองตรองดูอาจรู้เห็น
สิ่งซ่อนเร้นเค้นคับกับปัญหา
รัฐบาลไหนหนอพอนำพา
ซับน้ำตา..คราน้ำ...มาซ้ำเติม
20 ตุลาคม 2552 06:51 น.
ครูพิม
เรานั่งอิงพิงกันเย็นวันหนึ่ง
ตะวันซึ่งพึ่งลับกับเหลี่ยมเขา
แสงอ่อนจางบางเห็นกลายเป็นเงา
โลกของเรา เราครองเพียงสองคน
ไม่มีสายตาใครให้หลบซ่อน
ไม่อาทรค้อนขวับหรือสับสน
ไม่ต้องอายสายตาใครมายล
ไม่ต้องสนความหมองของผู้ใด
มีเพียงเราเข้าใจมิไหวหวั่น
มีเพียงกันสรรค์สร้างทางไสว
มีเพียงเราสองเราที่เข้าใจ
มีสองใจใช้มองครรลองรัก
ณ แดนนี้มีเราเป็นเจ้าของ
จะเที่ยวท่องล่องไพรให้ประจักษ์
ใช้ป่าเขาเนาไม้เพื่อได้พัก
เราจะถักทอฝันนั้นอีกครา
ณ ถิ่นนี้มีรักประจักษ์จิต
ขอใช้สิทธิ์ชิดใกล้ด้วยใฝ่หา
ประครองรักด้วยใจใฝ่ศรัทธา
ปรารถนาแต่สุขในทุกวาร
ณ แดนนี้อยู่ไหนก็ไมรู้
หรือจะอยู่ตรงนั้นคราฝันหวาน
หรือจะอยู่ตรงนี้รักคลี่บาน
อกสะท้าน...เรามีสิทธิ์ แค่คิดเอง..
ครูพิม
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒