20 พฤศจิกายน 2550 19:14 น.
ครูพิม
ระริกกายไหวสั่น
ค่ำคืนนี้ยาวนานกว่าวารไหน
คิดถึงคนที่หวงยังห่วงใย
รอดวงใจนี้กลับรับคืนเรือน
อยู่บนดอยหนาวไหมหนอ
คนข้างล่างก็หนาวพอพ้อเสมือน
รอคอยรับคำคิดถึงซึ่งเคยเยือน
พจีพี่อย่าลาเลือนเหมือนเวลา
กอดคำรักและห่วงใย
ที่ฝากไว้ให้กันเสกสรรหา
หน้าที่มีดึงฝันนั้นไกลตา
แต่ทว่าหัวใจใคร่แนบเนาว์
ถ้อยคำหนึ่งซึ้งใจนัก
“คุณที่รักอย่าท้อต่อความเหงา”
เก็บห่วงใยแนบชิดติดใจเรา
จะไม่เศร้าและท้อ...ต่อการรอ
กำลังใจจากฉัน
พอเสกสรรกำลังใจได้ไหมหนอ
ความห่วงถึงจากเราเฝ้าพนอ
คอยเคลียคลอกอดฝัน...ทุกวันคืน....
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
19 พฤศจิกายน 2550 06:40 น.
ครูพิม
เจ้าจะหลงวังวนจนท้อแท้...
ถ้ามัวแต่สงสารคำหวานเขา
ปล่อยให้คำออดอ้อนต้อนใจเรา
สู่มุมเหงาของหัวใจใยอ่อนแอ
หลงคำพ้อต่อว่าจนว้าวุ่น
หลงคำเอื้อเจือละมุนอุ่นกระแส
หลงเติมรักตักเติมเพิ่มดวงแด
หลงจนแพ้แท้หลงพะวงวน
จะให้ทำอย่างไรหนอใจเอ๋ย
จะละเลยกลัวผวาพาสับสน
จะรับรักหนักแน่แพ้กมล
จะอดทนใจก็ร่ำแต่คำรัก
เสียงทุ้มทุ้มกุมใจเจ้าไปหมด
เสียงหวานหยดรดใจให้ประจักษ์
เสียงท้วงติงจากใครใคร่จะทัก
เสียงก็จักเบาไปไม่ได้ยิน
ตัดใจเจ็บเพียงครั้งยังอยู่ได้
ตัดความใคร่ลุ่มหลงพะวงสิ้น
ตัดใจจากก่อนจะช้ำน้ำตาริน
ตัดให้สิ้นสู่สงบ....พบความจริง...
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
15 พฤศจิกายน 2550 20:06 น.
ครูพิม
รักที่ก่อเกิดในโลกไซเบอร์
เป็นรักเผลอเพ้อฝันรำพันหวาน
เป็นรักหลอกตอกย้ำซ้ำทรมาน
เป็นลมผ่านพัดแว่วแผ่วแผ่วไกล
เป็นลมลวงดวงใจให้ห่วงหา
เป็นวาจาหลอกหลอนซ่อนคำไข
เป็นบทเรียนเตือนว่าอย่าเล่นไฟ
เป็นความฝันที่ลอยไกลไม่เป็นจริง
เป็นหนุ่มหล่อป้อสาวเว้าคำหวาน
เป็นสาวงามสู้งานกล้าสมค่าหญิง
เป็นเทพบุตรไม่หลอกใครไมใช่ลิง
แม่ยอดหญิงรับรักไว้อย่าใจดำ
ต่างสร้างภาพสวยงามเฝ้าพร่ำเพ้อ
ต่างเผลอเรอปล่อยใจให้ถลำ
ต่างเรียงร้อยอักษราสร้างค่าคำ
ที่หวานล้ำเจือพิษร้ายใส่คำลวง
จึงนั่งพ้อรอเขาทุกเช้าค่ำ
เพียรรอยคำฝากฟ้าว่าแสนหวง
ว่ารักจริงห่วงใยใช้คำลวง
แม้นตกบ่วงคนเล่ห์ร้าย.....ตายทั้งเป็น....
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
14 พฤศจิกายน 2550 17:58 น.
ครูพิม
เลี้ยงลูกแบบไหน?
ถ้าเลี้ยงลูกแล้วพร่ำคำตำหนิ
มองดูสิผลเลิศประเสริฐไหม
ตรงกันข้ามกับบั่นทอนกำลังใจ
เด็กจะเลวเหลวไหลดั่งวาจา
ถ้าเลี้ยงลูกปลูกนิสัยให้ก้าวร้าว
จะเป็นคนแข็งกร้าวมีปัญหา
ไร้เหตุผลดื้อรั้นขาดจรรยา
เด็กไม่มีสัมมาอ่อนน้อมคน
ถ้าเลี้ยงลูกแล้วดูถูกคอยเย้ยหยัน
เด็กจะขาดความเชื่อมั่นและสับสน
ทั้งยังขลาดไม่กล้ามาผจญ
อิทธิพลความเย้ยหยันหน้าพรั่นพรึง
ถ้าเลี้ยงลูกเกิดทุกข์ด้วยความอาย
เด็กจะกลายเป็นคนกังวลถึง
หวาดระแวงหมดสุขทุกข์ตราตรึง
เฝ้าคะนึงอยากอยู่เพียงผู้เดียว
ถ้าเลี้ยงลูกทุกเวลาด้วยมานะ
จะอดทนเสียสละฉลาดเฉลียว
งานลำบากทำได้ทั่วตัวเป็นเกลียว
ด้วยชำนาญชาญเชี่ยวทุกขั้นตอน
ถ้าเลี้ยงลูกแบบให้กำลังใจ
เด็กจะสุขสดใสสโมสร
เมื่อเติบใหญ่สุดประเสริฐเลิศบวร
เกริกกำจรเป็นนักปราชญ์ชาติระบิล
ถ้าเลี้ยงลูกตัวน้อยคอยชื่นชม
เด็กจะเริ่มสั่งสมคิดถวิล
ภาคภูมิใจในคุณค่าเป็นอาจิณ
ความสำเร็จในชีวินของตนเอง
ถ้าเลี้ยงลูกด้วยรักที่อบอุ่น
เด็กจะนุ่มนวลละมุนไม่ข่มเหง
ศรัทธามีดุจดนตรีที่บรรเลง
เหมือนเสียงเพลงกล่อมโลกไม่โศกตรม
ถ้าเลี้ยงลูกแบบให้การยอมรับ
เด็กจะงามพร้อมสรรพดูเหมาะสม
เป็นคนดีมีคุณค่าน่าชื่นชม
น่านิยมเชื่อถือระบือไกล
ถ้าเลี้ยงลูกแบบให้ความเป็นมิตร
เด็กจะมีดวงจิตผุดผ่องใส
คอยกอบเกื้อเอื้ออารีมีน้ำใจ
ทั้งรู้จักให้อภัยมีเมตตา
จะเลี้ยงลูกแบบไหนให้ตระหนัก
จะเลี้ยงแบบให้ความรักเสน่หา
หรือเลี้ยงแบบพร่ำบ่นจนระอา
ให้ก้าวร้าวหมดจรรยาหวาดระแวง
จะเลี้ยงลูกแบบใดได้อย่างนั้น
อยู่ที่พ่อแม่ปั้นดังแถลง
ยังไม่สายหากคิดจะเปลี่ยนแปลง
ลูกจะแกร่งอดทนเลิศ...ประเสริฐคุณ...
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
หมายเหตุ.
กลอนเรื่อง”เลี้ยงลุกแบบไหน?”คัดมาจากเอกสาร
แผ่นพับที่จะใช้ในกิจกรรมประชุมผู้ปกครองนักเรียน
ในวันเสาร์ที่ ๑๗ พศจิกายน ๒๕๕๐ ที่จะถึงนี้
พยายามสอบถามว่ากวีท่านใดหรือผู้รู้ท่านใด
เป็นผู้เขียนก็ไม่มีครูท่านใดทราบ
แต่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์จึงขออนุญาตนำมาลง
ถ้าแม้นท่านใดรู้ว่าเป็นผลงานของใคร
กรุณาบอกด้วยนะคะ..
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ..
และขอกราบขอบพระคุณเจ้าของผลงานค่ะ..
13 พฤศจิกายน 2550 11:42 น.
ครูพิม
วันนี้จะพาศิษย์
ตัวน้อยนิดหัดขีดเขียน
รู้ว่าตั้งหน้าเรียน
เขียนกาพย์กลอนอักษรงาม
ประเด็นเน้นเรื่องรัก
เชิญทายทักอย่าได้หยาม
ขอเชิญท่านติดตาม
ติเพื่อก่อต่อฝันไกล
กาพย์กลอนสุนทรหวาน
ช่วยประสานกาลหวั่นไหว
บอกแจ้งแถลงไป
ตามแต่จินต์นั้นยินดี
ขอบคุณอัลมิตรา
ซึ้งนักหนาในครานี้
ลูกศิษย์ต่างเปรมปรีดิ์
ได้เรียนรู้...สู่บ้านกลอน....
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐