31 มกราคม 2553 11:26 น.
ครูกระดาษทราย
ทั่วทุกแคว้นแดนใดใครก็รู้
ทุกสิ่งคู่ดนตรีศรีภาษา
ท่านประพันธ์กลั่นกรองทำนองมา
ประโลมหล้าปลอบหทัยให้ผองชน
แม้นชาติใดไร้คีตกวีแก้ว
งามเพริศแพร้วแว่ววิญญาณ์พาฉงน
ด้วยดนตรีนี้ท่านว่ามีมนต์
เพียงยินยลแผ่วผ่านพานชื่นใจ
นับแต่อยู่ในท้องของคุณแม่
สดับแค่เพลงฮัมทำหลงใหล
กายก่อเกิดประเสริฐยิ่งกว่าสิ่งใด
แม่กล่อมให้นิทราสุขทุกคืนวัน
งานโกนจุก งานวชสวดสอนไว้
ดนตรีไทยบรรเลงรับกับหมอขวัญ
งานมงคล งานศพมีครบครัน
ล้วนสัมพันธ์ด้วยดนตรีนี้นมนาน
คงควรความภาคภูมิใจชนในชาติ
รักษ์ศิลป์ศาสตร์ร่วมกันสรรค์สืบสาน
ให้ตราตรึงคะนึงหวงทุกดวงมาน
ตราบนิรันดรกาลกานท์ดนตรี
เพลง ลาวสวยรวย
31 มกราคม 2553 11:17 น.
ครูกระดาษทราย
ช้างเอ๋ยช้างไทย
เคยกินใบไผ่ผลไม้ใจหรรษา
แต่บัดนี้ต้องทนกินแตงกวา
เคลือบสารฆ่าแมลงแรงไม่มี
เคยอยู่ดงพงไพรได้สนุก
ต้องตกทุกข์เข้ากรุงไกรไร้สุขี
คนเขาไม่เหลียวแลและปรานี
เห่อรักหมีแพนด้ากว่าช้างเอย
ลืมเอ๋ยลืมแล้ว
ช้างเพื่อนแก้วร่วมยุทธหัตถี
ช่วยกอบกู้เอกราชชาติทวี
อยู่กินดีศรีสุขจนปัจจุบัน
มีรถถังเครื่องช่วยอำนวยศึก
จึงลืมนึกย้อนเอ่ยเคยคับขัน
น่าน้อยใจไห้สลดหมดสำคัญ
จึงพากันปล่อยช้างน้อยสร้อยเศร้าเอย
เพลง ช้างกินใบไผ่
29 มกราคม 2553 07:49 น.
ครูกระดาษทราย
ราตรีนี้มีจันทร์อันกระจ่าง
มือมิวางดินสอทออักษร
สดับเสียงเรไรไห้อาวรณ์
ซุกโศกอ้อนรัตติกาลอันเพริศพราย
ตรงหน้าต่างต่างกรอบภาพประดับฝา
พื้นหลังคือนภาจันทราฉาย
แลลิบลิบพริบพราวดาวเรียงราย
พลิ้วพลิ้วพายผะแผ่วกลิ่นแก้วอวล
คิดถึงใครเคยอิงพิงหมอนขิด
สราญจิตสุขีที่บ้านสวน
ดีดจะเข้ให้เขาฟังเพลงนางครวญ
เจ้าแมวอ้วนวิ่งไปซ่อนนอนใต้เตียง
พาสติกลับมาเพลานี้
เครื่องดนตรียังวางข้างเฉลียง
แต่ทว่ามิมีเขาเคล้าคลอเคียง
ถ้อยสำเนียงยังตราตรึงซึ้งหทัย
ณ วันนี้วังเวงเสียงเพลงขิม
โอ้รอยยิ้มในฤดีหามีไม่
บรรเลงเร้าลาวครวญรัญจวนใจ
รักอาลัยมารดาแสนคะนึง
เพลงลาวครวญ
28 มกราคม 2553 07:50 น.
ครูกระดาษทราย
ชั่วโมงนี้คุณครู
ให้หนูหนูไปค้นหา
สิ่งอัศจรรย์มา
ในโลกนี้มีอะไร
เด็กเด็กช่วยกันคิด
ปิรามิดก็ใช่ไหม
ทัชมาฮาลไง
ตึกเอ็มไพรสเตตนา
อีกทั้งแกรนด์แคนยอน
ชื่อกระฉ่อนยากสรรหา
และคลองปานามา
มหาวิหารเชนต์ปีเตอร์
กำแพงเมืองจีนด้วย
ต่างคิดช่วยไม่พลั้งเผลอ
ตอบถูกแล้วละเธอ
มิผิดแผกแปลกใดใด
มีหนูน้อยคนหนึ่ง
คิดลึกซึ้งกว่าใครไหน
สิ่งมหัศจรรย์ไซร้
คือการได้เห็น ได้ยิน
การรู้สึก ตรึกตรองหมด
การรู้รสตามถวิล
การหัวเราะยามยิน
พาดชื่นรื่นฤดี
สุดท้ายคือความรัก
ช่างแปลกนักสร้างสุขี
มหัศจรรย์ดี
มิสร่างซา รัก ตราตรึง
เพื่อนเพื่อนและคุณครู
เงียบงันอยู่คาดไม่ถึง
เด็กน้อยคิดคำนึง
สิ่งมองข้ามธรรมดา
เป็นสิ่งซึ่งสำคัญ
เราสร้างมันให้หรรษา
แม้มากมีเงินตรา
ซื้อมิได้มากค่าควร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เรามองข้ามไปนั้น คือสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดามาก
และเพื่อเป็นการเป็นการเตือนความทรงจำอย่างสุภาพ อาจกล่าวได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเราไม่สามารถสร้างด้วยมือและซื้อได้โดยมนุษย์
26 มกราคม 2553 07:21 น.
ครูกระดาษทราย
ยังมีกบน้อยน้อย
ตัวกระจ้อยจัดแข่งขัน
ปีนเสาไฟฟ้ากัน
ใครปีนถึงจึงรางวัล
ประชาชนชาวกบ
ต่างนัดพบดูแข่งขัน
ไม่มีใครเชื่อมั่น
ว่ากบนั้นจะสมใจ
ผู้ชมตะโกนว่า
สุดปัญญาจะขึ้นไหว
มันยากลำบากไป
ไม่สำเร็จเสร็จแน่เทียว
กบน้อยต่างเหนื่อยล้า
ตกลงมาตัวช้ำเขียว
แต่มีกบตัวเดียว
ที่อุตส่าห์พยายาม
ขึ้นได้ดังใจหวัง
เต็มพลังสิ้นคำหยาม
รางวัลอันงดงาม
นั่นคือความภาคภูมิใจ
ทุกตัวอยากรู้ว่า
เขาฝันฝ่าได้ไฉน
กบน้อยไม่ฟังใคร
เพราะหูหนวกบวกความเพียร
เรื่องนี้บอกให้รู้ว่า
อย่าฟังคำพูดในด้านลบ หรือการมองในแง่ลบจากคนอื่น
เพราะเขาเหล่านั้นจะดึงความฝัน ความปรารถนาในหัวใจคุณออกไป
ให้ระวังในพลังของคำพูดเสมอ เพราะทุกสิ่งที่คุณได้ยิน
และได้อ่านมันจะส่งผลต่อการกระทำของคุณ
เพราะฉะนั้น ตลอดเวลาขอให้เป็นคนคิดบวก
และเหนือจากนั้น จงทำเป็นหูหนวกต่อคำพูดที่บอกว่า คุณไม่สามารถทำความฝันของคุณให้เป็นจริงได้