29 พฤษภาคม 2545 21:55 น.

เขาเรียกว่ามารยา

คม คด

ครั้งหนึ่งมีนักปราชญ์ฉลาดนัก...........ใครก็มักชื่นชมอยู่ไม่หาย
ท่านชอบหาความรู้ประดับกาย............เรื่องทั้งหลายท่านรู้ดูได้จริง
ท่านศึกษาความรู้จนเจนจบ.............จึงได้พบสุดยอดความรู้ยิ่ง
ชื่อมารยาสตรีอิตถีลิงค์.............มีมากจริงแต่ท่านรู้ดูจบความ
==========================================================
ท่านจึงเขียนตำราขึ้นเป็นเล่ม...............เขียนจนเต็มเล่มเกวียนเรียงล้มหลาม
ลองนับดูได้ร้อยแปดพอดีงาม.............ใครก็ตามได้เห็นเป็นตกใจ
เมื่องเสร็จงานเขียนที่เวียนหัว.............ก็นึกกลัวชายไม่รู้สู้ไม่ไหว
จึงคิดสอนความรู้นี้ออกไป...............ตกลงใจเข้าไปแพร่ในธานี
=====================================================
ระหว่างทางได้เจอผู้ชายเฒ่า.............ท่านจึงเข้าไปทักสมัครศรี
กล่าทักทายแลกว่าวสวัสดี..........เกวียนท่านนี้ใยจึงมีหนังสือเต็ม
อันเกวียนนี้เราบรรทุกแต่ตำรา............ซึ่งชื่อว่ามารยาหญิงลิงค์อิตถี
เราได้เขียนจากความรู้ที่เรามี.........ทั้งหมดนี้นับได้กว่าร้อยแปดเกวียน
เมื่อตาเฒ่าได้ยินก็ตะลึง.............ใยท่านจึงรู้มากสะอาดเขียน
ท่านนี้คงมีมากเรื่องความเพียร.........สามารถเขียนตำราท้านารี
=========================================================
เดืนต่อมาก็ประสบกับมานพ...............ซึ่งเจนจบตำรานารีศรี
ก็ยังต้องตกใจในคัมภีร์...............อันมากมีกว่าร้อยแปดเล่มเกวียน
======================================================
ท่านนักปราชญ์มีใจนึกกระหยิ่ม...........จึงเร่งรีบเดินทางไม่หันเศียร
ต่อมาพบสาวน้อยในวัยเรียน..............สวยเหมือนเขียนด้วยพู่กันมีจรรยา
หญิงดังกล่าวเห็นเกวียนจึงกล่าวทัก.................ท่านนี้จักขนเกวียนไปไหนหนา
ในเกวียนนี้มีหนังสืออะไรมา................ดูเข้าท่าน่าสนใจใยมากจริง
==========================================================
เมื่อนักปราชญ์ได้ยินก็หัวเราะ..............มันเป็นเพราะความรู้สุดยอดยิ่ง
ชื่อมารยาสตรีอิตถีลิงค์................มีทุกสิ่งที่ผู้หญิงแสร้งแกล้งทำ
อันสาวน้อยได้ฟังดังท่านกล่าว...............จึงคิดกร้าวท่านนี้ต้องระกำ
มาดูถูกหญิงเราทำให้ช้ำ...............จะต้องทำให้ท่านนี้สำนึกใจ
=======================================================
แล้วกล่าวชมพ่อนักปราชญ์เป็นอันมาก...............แล้วลาจากแยกกันไปไหนไหน
ท่านนักปราชญ์ก็ออกเดินเร่งต่อไป..........เพราะหวังในตำราหาเงืนทอง
===================================================
เมื่อเดืนไปไม่ทันจะตั้งหลัก..........ก็ต้องทักเสียงร้องตะโกนของ
ว่าช่วยด้วยฉันตกน้ำในลำคลอง................น้ำลึกสองวาฉันว่ายไม่เป็น
พ่อนักปราชญ์จึงวิ่งรีบรุดหน้า...........หวังจะหาเสียงร้องมองไม่เห็น
แล้วได้พบหญิงสาวในน้ำเย็น...............ตนจึงเป็นอาสาช่วยชีวิตจอง
========================================================
พ่อนักปราชญ์จึงเร่งลงไปรับ...................โดดไปจับเอวเธอจากน้ำหนอง
ปรากฎว่าน้ำนั้นสูงแค่ท้อง..............หญีงกลับร้องช่วยด้วยคนลวนลาม
ท่านนักปราชญ์ตกใจจึงรีบปล่อย..............คนไม่น้อยเข้ามาดูอยู่ไม่ถาม
หญิงสาวฟ้องคนดูที่มองยาม...........ท่านนี้ตามปล้ำฉันในทันใด
เหล่าคนดูก็เห็นพ้องเป็นต้องกัน.............ปราชญ์กระสันจนเก็บอันไม่หวาดไหว
จึงต้องขืนผู้หญิงที่ถูกใจ............จนหญิงไห้ตกไปในลำคลอง
========================================================
ท่านนักปราชญ์ผู้ฉลาดถึงกับอึ้ง..............แล้วก็จึงตั้งสติพินิจผลัน
อันตัวเรานั้นเจอมารยาถัน.............เขาเรียกกันมารยาหญิงอิงเราเขียน
แล้วจึงกลับเดินมามองตำรา.............ที่เป็นมาอย่างยากจนเวียนเศียร
ก็คับแค้นจนถึงกับเป็นวิงเวียน...............เลยเผาเกวียนและตำรามาวอดวาย
=========================================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป..................ขอท่านหยุดคิดพินิจฉันท์
ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกัน................ใยปราชญ์นั้นจึงจุดไฟไหม้กองเกวียน
เมื่อกล่าวถึงมารยาของผู้หญิง..................มันมากจริงใส่ขนเกวียนเขียนไม่ไหว
รู้ร้อยแปดก็ยังต้องแพ้ภัย..................มารยาไซร้ของสตรีมีครั้งเดียว
เหมือนความรู้ต่างๆก็มั่นเหมาะ..............รู้เหมาะเจะทั่วหล้าพาสุขสันต์
แต่ไม่อาจรู้หมดโลกเช่นเดียวกัน.................คนรู้มั่นที่แตกต่างบ้างก็มี
ความรู้เราเมื่อเทียบกันสมุทร...............มันก็สุดเม็ดทรายเพียงหนึ่งผง
แต่อีกมากที่อยู่อย่างบรรจง.................ท่านก็คงไม่อาจรู้ดูหมดไป				
22 พฤษภาคม 2545 11:57 น.

ใครจักรู้

คม คด

เต่าชราแหวกว่ายในสายธาร.....แลไม่นานเจอมัจฉาชราไส
จึงรีบว่ายตรงลี่ปลี่เข้าไป.....ถามใส่ใจความเป็นอยู่คู่ธารา
=============================================
ท่านปลาเฒ่า เต่าทักดักข้างหน้า....... ท่านเคยมาถิ่นนี้ถี่หรือไม่
ท่านรู้จัก ธรณี เป็นอย่างไร........ท่านนั้นไซร้น่าจะรู้อยู่นานมา
เราได้เห็นมาแล้วแลจักเล่า.........มาบอกกล่าวท่านเฒ่าท้าวมัจฉา
ธรณีมีหญ้าขึ้นนานมา...........เหล่าสิงห์สาวัวมาพากันเล็ม
มีสัตว์ใหญ่ใช้ชื่อว่ากุญชร.........มีภมรโผบินกินดอกไม้
มีสัตว์ดุกินเนื้อเจ้าเสือร้าย........สัตว์ทั้งหลายเดินได้ด้วยบาทา
===========================================
มัจฉาเฒ่าได้ฟังหัวเราะร่า..........ข้าเกิดมาได้ยินเรื่องขบขัน
ก็ไม่เท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง.........ช่างรังสรรคอารมณ์สมฤดี
ท่านนี้อาจเละเลือนเหลือจะกล่าว............สัตว์มีเท้าบนโลกนี้มีหรือ
ข้าเคยเห็นแต่เขาเล่าแลข่าวลือ...........ไม่เคยถือจิงจังดังท่านเป็น
=================================================
เต่าชราได้ยินแล้วสลด..........จึงประชดว่ายขึ้นหาดสะอาดใส
เห็นกวางมาก็ยินดีแลชื่นใจ........แล้วเล่าไปถึงสัตว์น้ำอันงามตา
==========================================
ดูก่อนท่านกวางผู้งามพักต์............ท่านประจักษ์อย่างไรในมัจฉา
อันตัวเรานั้นได้เห็นจนเต็มตา...........ถึงมัจฉาว่ายมาในสายชล
ปลาบางอย่างมีตาก็เพียงหนึ่ง..............โดยไม่พึ่งสิ่งใดว่ายได้นาน
ปลาบางพวกดำลึกสุดประมาณ............แม้ต้นตาลเจ็ดยอดทอดไม่ถึง
สัตว์บางพวกมีเปลือกแข็งทมึน...........เหล่านี้จึงใช้เหงือกช่วยหายใจ
มีบางอย่างเหมืนเป็นเช่นดอกไม้...........แต่นั้นไซร็เป็นปลาพาแปลกใจ
==============================================
กวางน้อยได้ยินหัวเราะร่า............ท่านนี้มาเล่าเรื่องเปลืองขบขัน
หากท่านฝันจงรีบตื่นเสียเร็ววัน.............ตัวท่านนั้นนอนนิทรามามากพอ
สัตว์อะไรหายใจได้ด้วยเหงือก............แถมมีเปลือกแข็งเป็นหินกินไม่ไหว.
มีตาเดียวจะอยู่ได้อย่างไร..............ท่านนั้นไซร้ไร้สาราหาประมาณ
==========================================
เต่าชราคิดแล้วก็แสนเศร้า..........อันตัวเราเห็นสองโลกโชคดีหนา
แต่ไม่อาจบอกใครได้ซักครา...........เขาว่าบ้าหาที่เปรียบเหยีบจมดิน
เมื่อบอกปลาปลาก็ว่าเรื่องตลก..........เล่าบนบกบอกกวางกวางขบขัน
เล่าที่ไหนบอกใครก็เหมือนกัน............ไม่มีวันได้พบเห็นดังเรามี
============================================
เต่าคลานไปเห็นตะพาบบนหาดเรียบ............ตะพาบเรียกสนทนาพาทีผลัน
เต่าก็ทักสุขสบายอย่างไรกัน...........เรามิทันเห็นท่านมานานพอ
ตะพาบน้ำบอกกล่าวเล่ากันสู่..............เรานั้นอยู่ดูหมดจดธารา
ทั้งบกเล่าเราก็เห็นมฤคา..........ท่านเล่าหนาเคยพบประสบใด
เต่าได้ฟังก็ยินดีปลีเกษม...........ท่านนั่นเองสัตว์สองโลกโชคดียิ่ง
อันตัวเราก็ได้เห็นเช่นนั้นจริง...........มีกระทิงในป่าปลาในชล
เต่าชราได้พบประสบเพื่อน...........จึงได้เตือนไว้อย่าเล่าให้เขาฝัน
เพราะท่านอาจถูกว่าบ้าเป็นวันๆ...........เหมืนเช่นกันเป็นมาเมื่อไม่นาน
===============================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป............ขอท่านหยุดคิดพินิตผลัน
บางคนรู้ในสิ่งไม่เหมือนกัน............ควรรับฟังไว้บ้างต่างก็ดี
บางคนรู้ในสิ่งที่ลึกลับ...........บางคนกลับเห็นสวรรคบรรณศรี
บางคนเห็นนรกตกง่ายดี.............บางคนนี้เห็นเทวามามากจริง
สิ่งเหล่านี้บางคนไม่เคยประสบ...........ไม่ควรลบหลู่ท่านมันไม่ดี
ท่านเหล่านั้นน่าสงสารเป็นทวี...........เพราะท่านมีแต่ไม่อาจตรัสให้ฟัง
ใครจักรู้ความในใจพวกเขา...........เหมือนกับเต่าถูกว่าบ้าพาโศกศรรค์
เขาไม่อาจพูดไปให้รู้กัน..........เพราะพวกท่านไม่เห็นเช่นท่านเป็น........				
22 พฤษภาคม 2545 11:45 น.

ใครจักรู้

คม คด

เต่าชราแหวกว่ายในสายธาร.....แลไม่นานเจอมัจฉาชราไส
จึงรีบว่ายตรงลี่ปลี่เข้าไป.....ถามใส่ใจความเป็นอยู่คู่ธารา
=============================================
ท่านปลาเฒ่า เต่าทักดักข้างหน้า....... ท่านเคยมาถิ่นนี้ถี่หรือไม่
ท่านรู้จัก ธรณี เป็นอย่างไร........ท่านนั้นไซร้น่าจะรู้อยู่นานมา
เราได้เห็นมาแล้วแลจักเล่า.........มาบอกกล่าวท่านเฒ่าท้าวมัจฉา
ธรณีมีหญ้าขึ้นนานมา...........เหล่าสิงห์สาวัวมาพากันเล็ม
มีสัตว์ใหญ่ใช้ชื่อว่ากุญชร.........มีภมรโผบินกินดอกไม้
มีสัตว์ดุกินเนื้อเจ้าเสือร้าย........สัตว์ทั้งหลายเดินได้ด้วยบาทา
===========================================
มัจฉาเฒ่าได้ฟังหัวเราะร่า..........ข้าเกิดมาได้ยินเรื่องขบขัน
ก็ไม่เท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง.........ช่างรังสรรคอารมณ์สมฤดี
ท่านนี้อาจเละเลือนเหลือจะกล่าว............สัตว์มีเท้าบนโลกนี้มีหรือ
ข้าเคยเห็นแต่เขาเล่าแลข่าวลือ...........ไม่เคยถือจิงจังดังท่านเป็น
=================================================
เต่าชราได้ยินแล้วสลด..........จึงประชดว่ายขึ้นหาดสะอาดใส
เห็นกวางมาก็ยินดีแลชื่นใจ........แล้วเล่าไปถึงสัตว์น้ำอันงามตา
==========================================
ดูก่อนท่านกวางผู้งามพักต์............ท่านประจักษ์อย่างไรในมัจฉา
อันตัวเรานั้นได้เห็นจนเต็มตา...........ถึงมัจฉาว่ายมาในสายชล
ปลาบางอย่างมีตาก็เพียงหนึ่ง..............โดยไม่พึ่งสิ่งใดว่ายได้นาน
ปลาบางพวกดำลึกสุดประมาณ............แม้ต้นตาลเจ็ดยอดทอดไม่ถึง
สัตว์บางพวกมีเปลือกแข็งทมึน...........เหล่านี้จึงใช้เหงือกช่วยหายใจ
มีบางอย่างเหมืนเป็นเช่นดอกไม้...........แต่นั้นไซร็เป็นปลาพาแปลกใจ
==============================================
กวางน้อยได้ยินหัวเราะร่า............ท่านนี้มาเล่าเรื่องเปลืองขบขัน
หากท่านฝันจงรีบตื่นเสียเร็ววัน.............ตัวท่านนั้นนอนนิทรามามากพอ
สัตว์อะไรหายใจได้ด้วยเหงือก............แถมมีเปลือกแข็งเป็นหินกินไม่ไหว.
มีตาเดียวจะอยู่ได้อย่างไร..............ท่านนั้นไซร้ไร้สาราหาประมาณ
==========================================
เต่าชราคิดแล้วก็แสนเศร้า..........อันตัวเราเห็นสองโลกโชคดีหนา
แต่ไม่อาจบอกใครได้ซักครา...........เขาว่าบ้าหาที่เปรียบเหยีบจมดิน
เมื่อบอกปลาปลาก็ว่าเรื่องตลก..........เล่าบนบกบอกกวางกวางขบขัน
เล่าที่ไหนบอกใครก็เหมือนกัน............ไม่มีวันได้พบเห็นดังเรามี
============================================
เต่าคลานไปเห็นตะพาบบนหาดเรียบ............ตะพาบเรียกสนทนาพาทีผลัน
เต่าก็ทักสุขสบายอย่างไรกัน...........เรามิทันเห็นท่านมานานพอ
ตะพาบน้ำบอกกล่าวเล่ากันสู่..............เรานั้นอยู่ดูหมดจดธารา
ทั้งบกเล่าเราก็เห็นมฤคา..........ท่านเล่าหนาเคยพบประสบใด
เต่าได้ฟังก็ยินดีปลีเกษม...........ท่านนั่นเองสัตว์สองโลกโชคดียิ่ง
อันตัวเราก็ได้เห็นเช่นนั้นจริง...........มีกระทิงในป่าปลาในชล
เต่าชราได้พบประสบเพื่อน...........จึงได้เตือนไว้อย่าเล่าให้เขาฝัน
เพราะท่านอาจถูกว่าบ้าเป็นวันๆ...........เหมืนเช่นกันเป็นมาเมื่อไม่นาน
===============================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป............ขอท่านหยุดคิดพินิตผลัน
บางคนรู้ในสิ่งไม่เหมือนกัน............ควรรับฟังไว้บ้างต่างก็ดี
บางคนรู้ในสิ่งที่ลึกลับ...........บางคนกลับเห็นสวรรคบรรณศรี
บางคนเห็นนรกตกง่ายดี.............บางคนนี้เห็นเทวามามากจริง
สิ่งเหล่านี้บางคนไม่เคยประสบ...........ไม่ควรลบหลู่ท่านมันไม่ดี
ท่านเหล่านั้นน่าสงสารเป็นทวี...........เพราะท่านมีแต่ไม่อาจตรัสให้ฟัง
ใครจักรู้ความในใจพวกเขา...........เหมือนกับเต่าถูกว่าบ้าพาโศกศรรค์
เขาไม่อาจพูดไปให้รู้กัน..........เพราะพวกท่านไม่เห็นเช่นท่านเป็น........				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคม คด