1 มิถุนายน 2545 23:36 น.

ความแตกต่างที่อยากให้เหมือน

คม คด

ครั้งหนึ่งมีหนุ่มน้อยแสนอาภัพ
ประสบรักกับดอกฟ้าน่าหลงไหล
พ่อหนุ่มน้อยไม่อาจก้าวขึ้นไป
ยืนข้างกายสาวงามตามต้องการ

ไม่เพียงแต่ฐานะที่แตกต่าง
หน้าตาบ้างก็ไม่เข้าลำเนาขัน
ทั้งสามารถก็ไม่อาจเทียบเทียมกัน
เขาคนนั้นช้างอับเฉาเบาปัญญา

อันฝ่ายหญิงนั้นเล่าก็สูงศักดิ์
อีกทั้งหนักความรู้ชูรังสรรค์
แลปัญญาสามารถพัลวัน
ความดีนั้นกล่าวไม่หมดทดมากจริง

พ่อหนุ่มน้อยก็คิดอาจบังอาจเอื้อม
เขาต้องเฟื่องวิชาสามัญผลัน
จึงรีบเรียนให้ก้าวหน้าทุกวี่วัน
เพราะเฝ้าฝันคว้าดอกฟ้ามาชื่นชม

แต่ความต่างนั้นเล่ามหันนัก
ใครเล่าจักฝ่าฟันดันให้ถึง
พ่อหนุ่มน้อยกำลังหมดจึงคนึง
คว้าไม่ถึงก็ควรหลบสงบใจ

แต่ก็ด้วยความรักที่หนักอก
หนุ่มรันทดความดีที่มีไม่
จึงเข้าป่าแล้วเร่งบำเพ็ญใจ
หวังจะได้พัฒนาหาความดี				
29 พฤษภาคม 2545 21:55 น.

เขาเรียกว่ามารยา

คม คด

ครั้งหนึ่งมีนักปราชญ์ฉลาดนัก...........ใครก็มักชื่นชมอยู่ไม่หาย
ท่านชอบหาความรู้ประดับกาย............เรื่องทั้งหลายท่านรู้ดูได้จริง
ท่านศึกษาความรู้จนเจนจบ.............จึงได้พบสุดยอดความรู้ยิ่ง
ชื่อมารยาสตรีอิตถีลิงค์.............มีมากจริงแต่ท่านรู้ดูจบความ
==========================================================
ท่านจึงเขียนตำราขึ้นเป็นเล่ม...............เขียนจนเต็มเล่มเกวียนเรียงล้มหลาม
ลองนับดูได้ร้อยแปดพอดีงาม.............ใครก็ตามได้เห็นเป็นตกใจ
เมื่องเสร็จงานเขียนที่เวียนหัว.............ก็นึกกลัวชายไม่รู้สู้ไม่ไหว
จึงคิดสอนความรู้นี้ออกไป...............ตกลงใจเข้าไปแพร่ในธานี
=====================================================
ระหว่างทางได้เจอผู้ชายเฒ่า.............ท่านจึงเข้าไปทักสมัครศรี
กล่าทักทายแลกว่าวสวัสดี..........เกวียนท่านนี้ใยจึงมีหนังสือเต็ม
อันเกวียนนี้เราบรรทุกแต่ตำรา............ซึ่งชื่อว่ามารยาหญิงลิงค์อิตถี
เราได้เขียนจากความรู้ที่เรามี.........ทั้งหมดนี้นับได้กว่าร้อยแปดเกวียน
เมื่อตาเฒ่าได้ยินก็ตะลึง.............ใยท่านจึงรู้มากสะอาดเขียน
ท่านนี้คงมีมากเรื่องความเพียร.........สามารถเขียนตำราท้านารี
=========================================================
เดืนต่อมาก็ประสบกับมานพ...............ซึ่งเจนจบตำรานารีศรี
ก็ยังต้องตกใจในคัมภีร์...............อันมากมีกว่าร้อยแปดเล่มเกวียน
======================================================
ท่านนักปราชญ์มีใจนึกกระหยิ่ม...........จึงเร่งรีบเดินทางไม่หันเศียร
ต่อมาพบสาวน้อยในวัยเรียน..............สวยเหมือนเขียนด้วยพู่กันมีจรรยา
หญิงดังกล่าวเห็นเกวียนจึงกล่าวทัก.................ท่านนี้จักขนเกวียนไปไหนหนา
ในเกวียนนี้มีหนังสืออะไรมา................ดูเข้าท่าน่าสนใจใยมากจริง
==========================================================
เมื่อนักปราชญ์ได้ยินก็หัวเราะ..............มันเป็นเพราะความรู้สุดยอดยิ่ง
ชื่อมารยาสตรีอิตถีลิงค์................มีทุกสิ่งที่ผู้หญิงแสร้งแกล้งทำ
อันสาวน้อยได้ฟังดังท่านกล่าว...............จึงคิดกร้าวท่านนี้ต้องระกำ
มาดูถูกหญิงเราทำให้ช้ำ...............จะต้องทำให้ท่านนี้สำนึกใจ
=======================================================
แล้วกล่าวชมพ่อนักปราชญ์เป็นอันมาก...............แล้วลาจากแยกกันไปไหนไหน
ท่านนักปราชญ์ก็ออกเดินเร่งต่อไป..........เพราะหวังในตำราหาเงืนทอง
===================================================
เมื่อเดืนไปไม่ทันจะตั้งหลัก..........ก็ต้องทักเสียงร้องตะโกนของ
ว่าช่วยด้วยฉันตกน้ำในลำคลอง................น้ำลึกสองวาฉันว่ายไม่เป็น
พ่อนักปราชญ์จึงวิ่งรีบรุดหน้า...........หวังจะหาเสียงร้องมองไม่เห็น
แล้วได้พบหญิงสาวในน้ำเย็น...............ตนจึงเป็นอาสาช่วยชีวิตจอง
========================================================
พ่อนักปราชญ์จึงเร่งลงไปรับ...................โดดไปจับเอวเธอจากน้ำหนอง
ปรากฎว่าน้ำนั้นสูงแค่ท้อง..............หญีงกลับร้องช่วยด้วยคนลวนลาม
ท่านนักปราชญ์ตกใจจึงรีบปล่อย..............คนไม่น้อยเข้ามาดูอยู่ไม่ถาม
หญิงสาวฟ้องคนดูที่มองยาม...........ท่านนี้ตามปล้ำฉันในทันใด
เหล่าคนดูก็เห็นพ้องเป็นต้องกัน.............ปราชญ์กระสันจนเก็บอันไม่หวาดไหว
จึงต้องขืนผู้หญิงที่ถูกใจ............จนหญิงไห้ตกไปในลำคลอง
========================================================
ท่านนักปราชญ์ผู้ฉลาดถึงกับอึ้ง..............แล้วก็จึงตั้งสติพินิจผลัน
อันตัวเรานั้นเจอมารยาถัน.............เขาเรียกกันมารยาหญิงอิงเราเขียน
แล้วจึงกลับเดินมามองตำรา.............ที่เป็นมาอย่างยากจนเวียนเศียร
ก็คับแค้นจนถึงกับเป็นวิงเวียน...............เลยเผาเกวียนและตำรามาวอดวาย
=========================================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป..................ขอท่านหยุดคิดพินิจฉันท์
ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกัน................ใยปราชญ์นั้นจึงจุดไฟไหม้กองเกวียน
เมื่อกล่าวถึงมารยาของผู้หญิง..................มันมากจริงใส่ขนเกวียนเขียนไม่ไหว
รู้ร้อยแปดก็ยังต้องแพ้ภัย..................มารยาไซร้ของสตรีมีครั้งเดียว
เหมือนความรู้ต่างๆก็มั่นเหมาะ..............รู้เหมาะเจะทั่วหล้าพาสุขสันต์
แต่ไม่อาจรู้หมดโลกเช่นเดียวกัน.................คนรู้มั่นที่แตกต่างบ้างก็มี
ความรู้เราเมื่อเทียบกันสมุทร...............มันก็สุดเม็ดทรายเพียงหนึ่งผง
แต่อีกมากที่อยู่อย่างบรรจง.................ท่านก็คงไม่อาจรู้ดูหมดไป				
22 พฤษภาคม 2545 11:57 น.

ใครจักรู้

คม คด

เต่าชราแหวกว่ายในสายธาร.....แลไม่นานเจอมัจฉาชราไส
จึงรีบว่ายตรงลี่ปลี่เข้าไป.....ถามใส่ใจความเป็นอยู่คู่ธารา
=============================================
ท่านปลาเฒ่า เต่าทักดักข้างหน้า....... ท่านเคยมาถิ่นนี้ถี่หรือไม่
ท่านรู้จัก ธรณี เป็นอย่างไร........ท่านนั้นไซร้น่าจะรู้อยู่นานมา
เราได้เห็นมาแล้วแลจักเล่า.........มาบอกกล่าวท่านเฒ่าท้าวมัจฉา
ธรณีมีหญ้าขึ้นนานมา...........เหล่าสิงห์สาวัวมาพากันเล็ม
มีสัตว์ใหญ่ใช้ชื่อว่ากุญชร.........มีภมรโผบินกินดอกไม้
มีสัตว์ดุกินเนื้อเจ้าเสือร้าย........สัตว์ทั้งหลายเดินได้ด้วยบาทา
===========================================
มัจฉาเฒ่าได้ฟังหัวเราะร่า..........ข้าเกิดมาได้ยินเรื่องขบขัน
ก็ไม่เท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง.........ช่างรังสรรคอารมณ์สมฤดี
ท่านนี้อาจเละเลือนเหลือจะกล่าว............สัตว์มีเท้าบนโลกนี้มีหรือ
ข้าเคยเห็นแต่เขาเล่าแลข่าวลือ...........ไม่เคยถือจิงจังดังท่านเป็น
=================================================
เต่าชราได้ยินแล้วสลด..........จึงประชดว่ายขึ้นหาดสะอาดใส
เห็นกวางมาก็ยินดีแลชื่นใจ........แล้วเล่าไปถึงสัตว์น้ำอันงามตา
==========================================
ดูก่อนท่านกวางผู้งามพักต์............ท่านประจักษ์อย่างไรในมัจฉา
อันตัวเรานั้นได้เห็นจนเต็มตา...........ถึงมัจฉาว่ายมาในสายชล
ปลาบางอย่างมีตาก็เพียงหนึ่ง..............โดยไม่พึ่งสิ่งใดว่ายได้นาน
ปลาบางพวกดำลึกสุดประมาณ............แม้ต้นตาลเจ็ดยอดทอดไม่ถึง
สัตว์บางพวกมีเปลือกแข็งทมึน...........เหล่านี้จึงใช้เหงือกช่วยหายใจ
มีบางอย่างเหมืนเป็นเช่นดอกไม้...........แต่นั้นไซร็เป็นปลาพาแปลกใจ
==============================================
กวางน้อยได้ยินหัวเราะร่า............ท่านนี้มาเล่าเรื่องเปลืองขบขัน
หากท่านฝันจงรีบตื่นเสียเร็ววัน.............ตัวท่านนั้นนอนนิทรามามากพอ
สัตว์อะไรหายใจได้ด้วยเหงือก............แถมมีเปลือกแข็งเป็นหินกินไม่ไหว.
มีตาเดียวจะอยู่ได้อย่างไร..............ท่านนั้นไซร้ไร้สาราหาประมาณ
==========================================
เต่าชราคิดแล้วก็แสนเศร้า..........อันตัวเราเห็นสองโลกโชคดีหนา
แต่ไม่อาจบอกใครได้ซักครา...........เขาว่าบ้าหาที่เปรียบเหยีบจมดิน
เมื่อบอกปลาปลาก็ว่าเรื่องตลก..........เล่าบนบกบอกกวางกวางขบขัน
เล่าที่ไหนบอกใครก็เหมือนกัน............ไม่มีวันได้พบเห็นดังเรามี
============================================
เต่าคลานไปเห็นตะพาบบนหาดเรียบ............ตะพาบเรียกสนทนาพาทีผลัน
เต่าก็ทักสุขสบายอย่างไรกัน...........เรามิทันเห็นท่านมานานพอ
ตะพาบน้ำบอกกล่าวเล่ากันสู่..............เรานั้นอยู่ดูหมดจดธารา
ทั้งบกเล่าเราก็เห็นมฤคา..........ท่านเล่าหนาเคยพบประสบใด
เต่าได้ฟังก็ยินดีปลีเกษม...........ท่านนั่นเองสัตว์สองโลกโชคดียิ่ง
อันตัวเราก็ได้เห็นเช่นนั้นจริง...........มีกระทิงในป่าปลาในชล
เต่าชราได้พบประสบเพื่อน...........จึงได้เตือนไว้อย่าเล่าให้เขาฝัน
เพราะท่านอาจถูกว่าบ้าเป็นวันๆ...........เหมืนเช่นกันเป็นมาเมื่อไม่นาน
===============================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป............ขอท่านหยุดคิดพินิตผลัน
บางคนรู้ในสิ่งไม่เหมือนกัน............ควรรับฟังไว้บ้างต่างก็ดี
บางคนรู้ในสิ่งที่ลึกลับ...........บางคนกลับเห็นสวรรคบรรณศรี
บางคนเห็นนรกตกง่ายดี.............บางคนนี้เห็นเทวามามากจริง
สิ่งเหล่านี้บางคนไม่เคยประสบ...........ไม่ควรลบหลู่ท่านมันไม่ดี
ท่านเหล่านั้นน่าสงสารเป็นทวี...........เพราะท่านมีแต่ไม่อาจตรัสให้ฟัง
ใครจักรู้ความในใจพวกเขา...........เหมือนกับเต่าถูกว่าบ้าพาโศกศรรค์
เขาไม่อาจพูดไปให้รู้กัน..........เพราะพวกท่านไม่เห็นเช่นท่านเป็น........				
22 พฤษภาคม 2545 11:45 น.

ใครจักรู้

คม คด

เต่าชราแหวกว่ายในสายธาร.....แลไม่นานเจอมัจฉาชราไส
จึงรีบว่ายตรงลี่ปลี่เข้าไป.....ถามใส่ใจความเป็นอยู่คู่ธารา
=============================================
ท่านปลาเฒ่า เต่าทักดักข้างหน้า....... ท่านเคยมาถิ่นนี้ถี่หรือไม่
ท่านรู้จัก ธรณี เป็นอย่างไร........ท่านนั้นไซร้น่าจะรู้อยู่นานมา
เราได้เห็นมาแล้วแลจักเล่า.........มาบอกกล่าวท่านเฒ่าท้าวมัจฉา
ธรณีมีหญ้าขึ้นนานมา...........เหล่าสิงห์สาวัวมาพากันเล็ม
มีสัตว์ใหญ่ใช้ชื่อว่ากุญชร.........มีภมรโผบินกินดอกไม้
มีสัตว์ดุกินเนื้อเจ้าเสือร้าย........สัตว์ทั้งหลายเดินได้ด้วยบาทา
===========================================
มัจฉาเฒ่าได้ฟังหัวเราะร่า..........ข้าเกิดมาได้ยินเรื่องขบขัน
ก็ไม่เท่าที่ท่านเล่าให้ฟัง.........ช่างรังสรรคอารมณ์สมฤดี
ท่านนี้อาจเละเลือนเหลือจะกล่าว............สัตว์มีเท้าบนโลกนี้มีหรือ
ข้าเคยเห็นแต่เขาเล่าแลข่าวลือ...........ไม่เคยถือจิงจังดังท่านเป็น
=================================================
เต่าชราได้ยินแล้วสลด..........จึงประชดว่ายขึ้นหาดสะอาดใส
เห็นกวางมาก็ยินดีแลชื่นใจ........แล้วเล่าไปถึงสัตว์น้ำอันงามตา
==========================================
ดูก่อนท่านกวางผู้งามพักต์............ท่านประจักษ์อย่างไรในมัจฉา
อันตัวเรานั้นได้เห็นจนเต็มตา...........ถึงมัจฉาว่ายมาในสายชล
ปลาบางอย่างมีตาก็เพียงหนึ่ง..............โดยไม่พึ่งสิ่งใดว่ายได้นาน
ปลาบางพวกดำลึกสุดประมาณ............แม้ต้นตาลเจ็ดยอดทอดไม่ถึง
สัตว์บางพวกมีเปลือกแข็งทมึน...........เหล่านี้จึงใช้เหงือกช่วยหายใจ
มีบางอย่างเหมืนเป็นเช่นดอกไม้...........แต่นั้นไซร็เป็นปลาพาแปลกใจ
==============================================
กวางน้อยได้ยินหัวเราะร่า............ท่านนี้มาเล่าเรื่องเปลืองขบขัน
หากท่านฝันจงรีบตื่นเสียเร็ววัน.............ตัวท่านนั้นนอนนิทรามามากพอ
สัตว์อะไรหายใจได้ด้วยเหงือก............แถมมีเปลือกแข็งเป็นหินกินไม่ไหว.
มีตาเดียวจะอยู่ได้อย่างไร..............ท่านนั้นไซร้ไร้สาราหาประมาณ
==========================================
เต่าชราคิดแล้วก็แสนเศร้า..........อันตัวเราเห็นสองโลกโชคดีหนา
แต่ไม่อาจบอกใครได้ซักครา...........เขาว่าบ้าหาที่เปรียบเหยีบจมดิน
เมื่อบอกปลาปลาก็ว่าเรื่องตลก..........เล่าบนบกบอกกวางกวางขบขัน
เล่าที่ไหนบอกใครก็เหมือนกัน............ไม่มีวันได้พบเห็นดังเรามี
============================================
เต่าคลานไปเห็นตะพาบบนหาดเรียบ............ตะพาบเรียกสนทนาพาทีผลัน
เต่าก็ทักสุขสบายอย่างไรกัน...........เรามิทันเห็นท่านมานานพอ
ตะพาบน้ำบอกกล่าวเล่ากันสู่..............เรานั้นอยู่ดูหมดจดธารา
ทั้งบกเล่าเราก็เห็นมฤคา..........ท่านเล่าหนาเคยพบประสบใด
เต่าได้ฟังก็ยินดีปลีเกษม...........ท่านนั่นเองสัตว์สองโลกโชคดียิ่ง
อันตัวเราก็ได้เห็นเช่นนั้นจริง...........มีกระทิงในป่าปลาในชล
เต่าชราได้พบประสบเพื่อน...........จึงได้เตือนไว้อย่าเล่าให้เขาฝัน
เพราะท่านอาจถูกว่าบ้าเป็นวันๆ...........เหมืนเช่นกันเป็นมาเมื่อไม่นาน
===============================================
อันนิทานเรื่องนี้จึงสรุป............ขอท่านหยุดคิดพินิตผลัน
บางคนรู้ในสิ่งไม่เหมือนกัน............ควรรับฟังไว้บ้างต่างก็ดี
บางคนรู้ในสิ่งที่ลึกลับ...........บางคนกลับเห็นสวรรคบรรณศรี
บางคนเห็นนรกตกง่ายดี.............บางคนนี้เห็นเทวามามากจริง
สิ่งเหล่านี้บางคนไม่เคยประสบ...........ไม่ควรลบหลู่ท่านมันไม่ดี
ท่านเหล่านั้นน่าสงสารเป็นทวี...........เพราะท่านมีแต่ไม่อาจตรัสให้ฟัง
ใครจักรู้ความในใจพวกเขา...........เหมือนกับเต่าถูกว่าบ้าพาโศกศรรค์
เขาไม่อาจพูดไปให้รู้กัน..........เพราะพวกท่านไม่เห็นเช่นท่านเป็น........				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคม คด
Lovings  คม คด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคม คด