27 ตุลาคม 2554 21:25 น.
คนเดียวกัน
...ส่งสารรักทักทายเธอหลายบท
มิอาจอดอาลัยในจอมขวัญ
แม้มิรู้ใจจริงทุกสิ่งอัน
ก็ยังฝันลมลมตามสมควร
ยังแอบเฝ้าติดตามด้วยความหวัง
และบางครั้งดวงใจสุดให้หวน
อ่านบทกลอนสองเราเคยเย้ายวน
ทั้งเสสรวญครวญคร่ำหลั่งน้ำตา
ในบางครั้งคารมไม่สมคิด
ให้หงุดหงิดทั้งวันเฝ้าสรรหา
จะร้อยเรียงคำใดให้ขวัญตา
เอ่ยออกมาแล้วคงจะตรงใจ
นี่อาจเป็นกลอนที่ไม่มีค่า
ก็สุดแต่น้องยาจะว่าไฉน
แต่ตอนนี้ต้องขอจบลบอาลัย
เพราะต้องไปขึ้นดอนก่อนน้ำมา
20 ตุลาคม 2554 20:29 น.
คนเดียวกัน
...เมื่ออ่านกลอนอ่อนใจอาลัยถ้อย
ผ่านวันเคลื่อนเดือนคล้อยยังคอยหา
จึงฝากคำร่ำพจน์รจนา
ให้รู้ว่ายังชอบมาตอบความ
เพราะความจริงชีวิตลิขิตต่าง
ต้องลาร้างดวงใจจนไหวหวาม
มิเคยได้เป็นสุขในทุกยาม
ยังคิดถึงนงรามเกินห้ามใจ
แต่บัดนี้น้ำหลากจนมากล้น
ให้ลำบากลำบนสุดทุนไหว
จำใจตัดญาติมิตรทิศห่างใกล
เหมือนตัวใครตัวมันไม่มั่นคง
ต้องเตรียมตัวกลัวชลจะท้นท่วม
ต้องรวบรวมของไว้ไม่เลือนหลง
น้ำจะมาเมื่อไหร่ให้ผะวง
อาจต้องลงลอยคอรอคอยเธอ
18 ตุลาคม 2554 11:21 น.
คนเดียวกัน
...วัฏจักรชีวิตนี้..................วนเวียน
ปรุงแต่งและแปรเปลี่ยน.....ปรับได้
รับรู้และเล่าเรียน...............รอยปราชญ์ มานา
เพื่ออยู่อย่างสุขไซร้.............ตราบสิ้น...ชีพสลาย
...คล้ายบางครั้งอับสิ้น.......หนทาง
ปรับจิตคิดปล่อยวาง.........ว่างเว้น
แม้หวังอาจเลือนลาง........ริบหรี่
หากแต่มิหลบเร้น............ยิ่งเร้า แรงโหม
...โทรมทรุดเมื่อล่วงพ้น............วันวาร
หมดเรี่ยวแรงทำงาน...............หนักได้
ขีดเขียยนแต่งกลอนกานท์.......ตามชอบ ใจเฮย
อยู่อย่างพอเพียงไว้.................สุขแล้ว ตามมี
...กี่ทุกข์เทวษล้วน...........รับมา
หวังพึ่งบุญนำพา..............ผ่านพ้น
แลได้พระธรรมมา..........นำจิต นั้นนา
แม้ท่วมด้วยทุกข์ท้น........ยิ่งท้า ทานทน