10 มิถุนายน 2553 09:56 น.
คนเดียวกัน
.......เขาบอกมา ว่าที่นี่ มีคนเหงา
ผมจึงเข้า มาดู ให้รู้เห็น
แต่จะจริง หรือไม่ ใช่ประเด็น
เพราะผมเน้น เขียนกลอน ที่สอนใจ
กลอนผมนี้ จริงจัง ตั้งจิตคิด
มุ่งประดิษฐ์ ถ้อยคำ นำสมัย
มาฝากเป็น เช่นกลอน ซ่อนความนัย
แต่เป็นไร ใครเหงา ก็เข้ามา
วันนี้ผม เข้ามา เวลาสาย
ไม่สบาย นิดหน่อย ค่อยรักษา
อาการนั้น เหมือนดั่ง คนคลั่งยา
ไม่เข้ามา ก็ไม่หาย สบายตัว
ผมเข้ามา ที่นี่ เพราะมีลุ้น
แต่ถ้าคุณ ไม้เข้าใจ ก็ส่ายหัว
ใครจะกล้า อาจหาญ ประจานตัว
หากไม่ชัวร์ ก็จะชิ่ง ไม่อิงเกณฑ์
9 มิถุนายน 2553 22:01 น.
คนเดียวกัน
.....ผมไม่ได้ ไปไหน ไร้เพื่อนฝูง
คอยชักจูง ไปสังสรรค์ กับตามประสา
ไม่มีแล้ว รักเอย ผ่านเลยมา
แต่พอมี เวลา อยู่หน้าคอมฯ
เล่นเกมบ้าง ดูเวปบ้าง อย่างเหงาเหงา
พอคลายเศร้า ในทรว งห่วงถนอม
แต่งกลอนไป เรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็ยอม
ดีกว่าตรอม ใจตรม ข่มน้ำตา
ช่วงนี้มี ยามว่าง อยู่อย่างมาก
จึงมาฝาก งานประพันธ์ กลั่นภาษา
ขอเป็นมิตร ทุกคน บนโลกา
ขอเถิดหนา อย่าเครียด เจียดน้ำใจ
ขอขอบคุณ คุณคนเดิม เพิ่มคอมเม้นท์
ความคิดเห็น ต่างต่าง ช่างสดใส
ให้รู้สึก อบอุ่น ละมุนละไม
ตอบแทนให้ ด้วยกลอนนี้ ฝันดีนะคุณ......
9 มิถุนายน 2553 15:30 น.
คนเดียวกัน
.....ตั้งชื่อดี มีคนอ่าน สำราญจิต
ตั้งชื่อผิด คนมิเข้า น่าเศร้าหมอง
เขียนกลอนแล้ว ต้องมีชื่อ คือครรลอง
หรือจะต้อง ตั้งชื่อไป ตามใจความ
ขอบอกว่า กลอนนี้ ไม่มีชื่อ
โปรดอย่าถือ สาไป ให้ใจหวาม
ไม่ได้มี สาระใด ไร้นิยาม
ไม่ขอตาม ตั้งชื่อ ถือกฎเกณฑ์
กลอนผมนี้ อ่านไป ไม่เป็นเรื่อง
ใยต้องเปลื่อง เวลา มาคิดเห็น
มาตั้งชื่อ ยุ่งยาก มากประเด็น
ไม่จำเป็น อ่านครบ ก็จบกัน
อยู่ว่างว่าง เลยส่ง มาลงเน็ต
เรื่องจริงเท็จ ว่าไป ให้ขำขัน
อารมณ์ใคร ยังค้าง เถิดช่างมัน
คงมีวัน โชคดี พี่น้องไทย
9 มิถุนายน 2553 09:15 น.
คนเดียวกัน
.....ผมแต่งกลอน ตามใจ สไตล์นี้
อาจไม่มี คนไหน เข้าใจผม
แต่งกลอนไป เรื่อยเปื่อย เลื้อยอารมณ์
แอบชื่นชม คนอ่าน เบิกบานใจ
เวลาเหงา ร้าวรอน แต่งกลอนกาพย์
ให้ซึ้งซาบ ดวงจิต พิสมัย
ในหลายครั้ง ภาษา ก็พาไป
คงจะเป็น กลอนได้ ให้อ่านกัน
โลกจะแตก เมื่อไหร่ ใครจะรู้
ก็อยู่อยู่ กันไป ให้สุขสันต์
ไม่ต้องมัว มารบรา มุ่งฆ่าฟัน
ควรแบ่งปัน แบ่งสี ไม่ดีเลย
เคารพสิทธิ์ ผู้อื่น ฝืนใจบ้าง
ไม่มีข้าง ไม่มีคู่ ก็อยู่เฉย
หน้าที่มี ทำไป ไม่เฉยเมย
แสนเสบย ครับพี่น้อง นะตรองดู
8 มิถุนายน 2553 19:36 น.
คนเดียวกัน
......เคยร่ำเรียน วิชา ภาษาศิลป์
เคยได้ยิน ได้อ่าน งานภาษา
เคยได้ฝึก ได้ฝน อดทนมา
เลยได้รู้ คุณค่า ภาษาไทย
เคยเริงรื่น ชื่นฉ่ำ กับคำหวาน
จิตวิญญาณ ดื่มด่ำ กับคำไข
ดั่งสายน้ำ ไหลหลั่ง ชโลมใจ
ดั่งสายลม แกว่งไกว คลายอาวรณ์
ในบางคราว อารมณ์ สุดขมขื่น
แสนกล้ำกลืน ดวงจิต คิดทอดถอน
ใจมันเจ็บ เหน็บหนาว มันร้าวรอน
ได้อ่านกลอน ปลอบใจ ในลำพัง
ก็ได้พอ ผ่อนคลาย หายสะอื้น
ได้สติ กลับคืน ฟื้นความหวัง
เห็นค่าของ บทกวี มีมากจัง
อาจได้ตังค์ หากใคร แต่งได้ดี