24 มีนาคม 2548 16:58 น.
คนอันดา คมวจี
ปีอะไรข้าก็จำไม่ได้
เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงลงมาบนแผ่นดิน หลังจากรัฐบาลใหม่ประกาศ นโยบาย
ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ออกมา เป็นผลทำให้ กองสลากลอตเตอรี่แห่งชาติต้องถูกสั่งปิดใน
12 ชั่วโมงถัดมา ตึกกระจกสูงตระหง่านและแวววาว ที่ประตูทางเข้า มีผ้าใบ ผืนใหญ่ เขียนว่า
ปิด โดยไม่มีกำหนด ภายในมีกองกล่องกระดาษจำนวนมหึมา ที่กำลังรอการจัดส่ง ไปยัง
ทั่วทุกจังหวัด ด้านหน้า มีกองทหารและรถหุ้มเกราะ จำนวนมากเรียงรายอยู่โดยรอบ ฝูงชน
จำนวนมหาศาลกำลัง ยืนชุมนุมอยู่ทั้งสองฝากถนน ในขณะที่รถรากำลังติดนิ่งอยู่บนถนนทุกสาย
ผู้คนกำลังหลั่งไหล ออกมาตามถนน และบ้างร้องตะโกน และชูกำปั้น
เอากองสลากคืนมา เราต้องการ รายได้ของเรา
ขาย ลอตเตอรี่เดียวนี้ เราต้องการรวย
ผู้สื่อข่าวจากสถานีและหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ กำลังถ่ายภาพ สัมภาษณ์ และจับตามอง
อยู่ที่ บริเวณนั้น อย่างไม่วางตา ขณะที่จอภาพขนาดยักษ์ ที่เคยออก รายการโฆษณาและจับสลากเป็นประจำ มาวันนี้กำลังถ่ายทอดสด รายการวิพากษ์รัฐบาลจากสถานีแห่งหนึ่ง
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน คนดังแห่งยุค กำลังให้สัมภาษณ์ โฆษกสาวสวย เรื่องความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ที่สั่งปิดกองสลาก ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ หัวหน้าองค์การตำรวจแห่งชาติ มีสีหน้าเครียด หลังจากปฏิเสธ ที่จะสั่งยกกำลังตำรวจเข้าปิด กองสลาก ยังผลให้ ท่านนายกคนใหม่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และมีทีท่าว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง
เป็นความชอบธรรม ของประชาชน ที่จะมีโอกาสร่ำรวย ด้วยการถูกรางวัลที่หนึ่ง
ท่านกำลัง เอา ความรวย ออกไปเสียจากมือพวกเขา ท่านช่างไม่มีความเข้าใจเสียบ้างว่า ประชาชนต้องการความหวัง และเขายินดีจ่ายราคาเพื่อสิ่งนี้
แล้วท่านคิดอย่างไร บ้างคะ กับนโยบาย ขจัดอบายมุขสร้างสังคมจริยธรรมและขยันงาน เพื่อความมั่งคั่งของ รัฐบาลใหม่ โฆษกสาวถาม
ทุเรศ ผมว่า มันทุเรศสิ้นดี มันทำให้ รายได้เข้ารัฐปีละ 8 ล้านล้านบาทหายไปในพริบตาเดียว แล้วจะมีสิ่งไร ที่ประชาชน จะจ่ายเพื่อบริโภคมากเท่าสิ่งนี้ ...
และเบียร์ ยี่ห้อดัง ด้วยใช่ไหมคะ เอาไว้ดื่มรอลุ้น รางวัล.. โฆษกสาวยิงวาทะเสริม
แล้วคุณจะรู้ว่า นี่ไม่ใช่ การแก้ปัญหาจริยธรรม เพราะ เขาจะไปพนันกันในรูปแบบอื่น
แล้วคุณคอยดู ว่าผมพูดจริงหรือไม่ เขาปิดท้ายด้วยเสียงเครียด
ภาพการถ่ายทอดหายไป ในฉับพลัน ชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้ามา ที่แผงเครื่องดื่มเล็ก ๆที่ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ รอบข้างคนเบียดเสียดเต็มไปหมด ทุกคนเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาร้องถามชายชราว่า
ปีนี้ปีอะไรละ ลุง ลุง ก็ตอบว่า ปีอะไร ข้าก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่า เขาฉลองครบ 100 ปี
กองสลากไปเมื่อวันก่อนเอง เอ็งไปอยู่ไหนมาละ ถึงไม่รู้ว่าปีอะไร
เราพวกเดียวกัน ลุง ผมคนขี้ลืม ผมเป็นคนที่เขาส่งมาปิดกองสลาก เรากำลังรอคำสั่ง
ยกเลิกการปิดอยู่ ผมว่าพรุ่งนี้รัฐบาลก็ต้องสั่งเปิดเหมือนเดิมแน่ เพราะพวกผมก็คอยจะรวยกับเขาเหมือนกัน
สายตาทุกคู่หันหันมามองที่ชายหนุ่มคนนั้น
ขอน้ำเย็นให้ผมขวดด้วยลุง ชายหนุ่ม หรือทหารหนุ่มคนนั้นพูด รับน้ำเย็นมาพร้อมกับจ่ายเงินและเดินจากไป
ทุกคนรอจะรวย................ มันจะเป็นอย่างนี้เสมอไป หรือคะ
จอภาพเริ่มเปิดออกมาใหม่ พร้อมกับเสียงกังวานของโฆษกสาวคนนั้น.
1 มกราคม 2548 13:00 น.
คนอันดา คมวจี
มองฟ้ากว้าง อ้างว้าง อย่างอับเฉา
เพราะตัวเรา นั้นเป็น เช่นฝุ่นผง
เหมือนไร้ค่า ดั่งชีวิต ถูกปลิดปลง
เพียงยังคง ร่างไว้ ไร้วิญญาณ
คลื่นนรก ผ่านไป เราไร้บ้าน
ผู้คนผ่าน พ้นไป ไม่เหลียวหลัง
เรายังอยู่ แบกทุกข์ แต่ลำพัง
แบกความหลัง ฝังอยู่ กับผู้ตาย
กลิ่นศพซาก ยังไม่ลับ แม้หลับฝัน
เสียงสนั่น คลื่นกระหน่ำ ยังขวัญหาย
เสียงร้องช่วย ยังร้องอยู่ ก่อนชีพวาย
เสียงคนตาย เหมือนคนอยู่ ให้กู้ภัย
อีกกี่ก้าว ที่จะไป ในวันหน้า
ยังไม่รู้ เลยว่า ไหนจุดหมาย
เพราะทุกอย่า จบกัน มันทำลาย
สูญสลาย ไปนิรันดร์ ในวันเดียว
อยากจะยอม พ่ายแพ้ เพียงแต่ว่า
กำลังใจ หนุนมา ดั่งน้ำเชี่ยว
เราพบคน หนึ่งนั้น เพียงคนเดียว
ที่ยังเหลียว ดูเรา ไม่เปล่าดาย.
1 มกราคม 2548 11:51 น.
คนอันดา คมวจี
ขอถามที่เถอะ จะให้ข้ารื่นเริงปีใหม่หรือ
หรือชื่นบานทั้งน้ำตา
รอบตัวข้าล้วนกองขยะ และซากศพผู้ตาย
ทั้งญาติข้า เพื่อนข้า
จงรื่นเริงไปคนเดียวเถอะ
ข้าไม่มีจิตใจได้อย่างเจ้า
คนปลอบใจมากมาย หูข้ายังไม่ได้ยิน
หูข้าปิด ตาข้ามืดบอด มือข้ายังอ่อนแรง
ข้ายังคงนั่งอยู่ที่นี่
กว่าเวลามืดมนจะพ้นผ่านตัวข้าไป
ไปเถอะเพื่อน ไปรื่นเริงกัน
ปล่อยข้าไว้ที่นี่
ให้ข้าอยู่ลำพัง กับความทุกข์ของข้า
และรอเวลาของข้าที่จะมาถึง
เพราะข้าไม่ใยดีกับสิ่งใด
ในชีวิตอีกแล้ว
1 มกราคม 2548 11:15 น.
คนอันดา คมวจี
ถึงกระนั้น คนในกองสลักหักพัง
ไม่ยื่นมือของเขาออก
ร้องขอความช่วยเหลือในท่ามกลางภัยพิบัติของเขาหรือ
ข้ามิได้ร้องไห้เพื่อผู้้ที่ วันเวลาของเขายากเย็นหรือ
จิตใจของข้ามิได้โศกสลดเพื่อคนขัดสนหรือ
แต่เมื่อข้ามองหาของดี ของร้ายก็มาึถึง
และเมื่อข้าคอยความสว่าง
ความมืดก็มาถึง
จิตใจของข้าสับสน ไม่เคยสงบเลย
วันแห่งความทุกข์ใจมาพบข้า
ข้าหมองคล้ำไป มิใช่ด้วยแดด
ข้ายืนขึ้นในที่ชุมนุมชน
และร้องขอความช่วยเหลือ...
ผิวหนังของข้าดำและร่วงไปจากกายข้า
กระดูกของข้าร้อนอย่างไฟไหม้
เพราะฉะนั้นเสียงเพลงของข้า
กลายเป็นเสียงโหยไห้
เสียงขลุ่ยของข้า
กลายเป็นเสียงของผู้ที่ร้องไห้...
1 มกราคม 2548 10:17 น.
คนอันดา คมวจี
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเที่ยงที่แผดเผา
มันก้าวเข้ามา หาเขา ร่างดำทมึน
ไร้วาจา ไร้ความปราณี มีแต่คำรามอยู่ในลำคอ ของมัน
มันแหงนขึ้นดูฟ้า
ด้วยแววตาท้าทาย ใครสยบข้าได้
แม้แสงอาทิตย์กล้ายัง ระริก
ฟ้ามองลงมาด้วยความหมองหม่น ไม่อาจเตือน
อหังการ์ของมันเริ่มขึ้น
เมื่อมันเคลื่อนตัวเข้าใกล้แผ่นดินใหญ่
มันถาโถมเข้าใส่ อย่างไม่ยั้ง
ทุกกำปั้นที่กระหน่ำ ผู้คนล้มตายกระจัดกระจาย
ไป ทุกทิศทาง จนความหนำใจลดลง
มันหันหลังกลับ ทิ้งร่องรอยความพินาศวิบัติ
ไว้เบื้องหลังมัน อย่างไม่ใยดี
ชากศพ ซากสิ่งหักพังของบ้านเรือน
ต้นไม้ ลอยเป็นแพ มันไปแล้ว
และผู้คนรำ้่ำไห้ระงม ต่างเรียกหา
ญาติและเพื่อนที่พลัดพราก
หัวใจที่ตื่นตระหนก
บนใบหน้าทุกผู้เผชิญภัย
ดวงตาที่แดงกร่ำนองน้ำตา
ยังมีคำถาม
มันจะกลับมาอีกไหม
เจ้าเพชาฆาตผู้ไร้หัวใจ