15 ธันวาคม 2552 20:58 น.
ลานเทวา
ยังคงความเคลื่อนไหว ในคืนนี้
ผ่านวิถีเปลี่ยวผู้ มิรู้ฝัน
สยายปีกโรยแรง ฝ่าแสงจันทร์
ล่วงเดียวดายรำพัน เพลงเรไร
เอกาหนค้นหวน การทวนทบ
วิเวกภพซ่อนร้าว คาวสมัย
บางเลยล่วงห่วงหา บางอาลัย
เร้นหลืบใจอาวรณ์ อย่างรอนร้าว
เนิ่นกังวลค้นหา มรรคาโศก
เงียบเหงาโลกวันนี้ ไม่มีข่าว
โดดเดี่ยวคืนอ้างว้าง บางเรื่องราว
ข่มขื่นคาวคืนวัน อันบอบช้ำ
จากสัมผัสความรู้สึก นิรนาม
ที่คงความเคลื่อนไหว ในคืนค่ำ
เปล่าเปลือยล่วงบริบท การจดจำ
แลผ่านโลกอันกระทำ อย่างด้านชา
เสพไม่สิ้นมรรคา ในสาสม
โลกภิรมย์ใดวาด ปรารถนา
สืบกระสันซ่อนเร้น ความเป็นมา
เสาะสานเป็นชีวา อันเป็นไป
เดียวดายท่วงเอกา ชะตาเร้น
ชีวิตดังล้อเล่น บำเรอใคร่
วนโฉบเฉี่ยวเปลี่ยวดึก ระทึกใจ
มิรู้ใครเป็นใคร แปลกหน้าตา
ผ่านนุ่มหยาบกำซาบชัด สัมผัสล่วง
สิ่งทั้งปวงเกิดมั่น จากตัณหา
ความรู้สึกบัดสี ตีราคา
ใคร่เสพสมภิรมย์พา พล่านราตรี
สืบกระสันพรรณราย สายกระแส
โลกผันแปรไม่สิ้นสุด มนุษย์วิถี
ค้นความใคร่ในแรมทาง อันต่างมี
จะบัดพลีใดล่วง ทรมาน
ปลดเปลี่ยวโลกกำหนัด บำบัดท่วง
ปล่อยเปลือยห้วงร้าวหม่น ก้าวพ้นผ่าน
สัมผัสแห่งตัณหา ราตรีกาล
ช่างยาวนานเกินใจ จะไหวรับ
……………………………
โดยคำ ลานเทวา
14 ธันวาคม 2552 21:58 น.
ลานเทวา
วันนี้ตัวอักษร ไม่ทำงาน
คล้ายขี้คร้านในอารมณ์ เกินสมสู่
ไร้สิ้นคำบรรยาย ใดพรายพรู
ทุกสิ่งดูไม่เห็น เป็นกวี
ล่วงลับไปทุก จินตนาการ
โลกกันดารอารมณ์ ห่มวิถี
ค้นความรักความห่วงหา บรรดามี
ค้นเหงาเศร้าทุกนาที ไม่พานพบ
ไม่มีแม้รอยยิ้ม จะแย้มให้
เหมือนฝากฝังหัวใจ กับซากศพ
เลือนร้างสิ้นอารมณ์เก่า เคยเร้ารบ
เงียบสงบ แม้สำเนียงเสียงภวังค์
ทุกกลีบซอกดอกไม้ แลตายซาก
สายธารแล้งแห้งผาก ทุกฟากฝั่ง
แผ่วสายลมผ่านหาย กาลพ่ายพัง
ไร้ชื่นชมและชิงชัง ใดรู้รับ
แลเงียบหายทุกสายฝัน พยัญชนะ
แพ้เป็นพระสวมกอด ความมอดดับ
เงียบไปทุกถ้อยคำ ใจรำงับ
ว่างไปทุกท่วงทับ อันทบทวน
สิ้นไร้ไปทุก พันธนาการ
ทิ้งซากดอกไม้บนลาน สายลมหวน
เปลื้องหัวใจหักเห ความเรรวน
ปลดวางทุกกระบวน บริบทความ
เฉยเมยโลกงดงาม ในความเงียบ
ว่างกระดาษแผ่นเรียบ ไร้คำถาม
ล่วงผ่านทุกอารมณ์ นิรนาม
ไม่มีใดนิยาม เป็นบทกวี
………………………
โดยคำ ลานเทวา
12 ธันวาคม 2552 23:25 น.
ลานเทวา
ล่วงครรลอง ใจเปลือยเปล่า
จากคำบอกเล่า ไร้เดียงสา
รอยยิ้มเธอ ผู้บอดตา
ดังแย้มย้ำนำพา ผู้บอดใจ
บางสิ่งที่พระเจ้า มิอาจรู้
นอกเหนืออณู แห่งความใคร่
เสียงกระซิบ เธอ ฉัน มัน ใคร
เหมือนสายลมที่ผ่านไป อยู่เช่นนั้น
บางสิ่งจริงแท้ แต่ไม่เที่ยง
กระสันเสียงรำพึง คนึงหวั่น
กาลเวลา ที่ไม่เคยเท่าทัน
บอกรอยก้าวคืนวัน เข็มนาฬิกา
พกฝันแปลก แบกสัมภาระ
ไปทุกท่วงขณะ แสวงหา
เพราะความเขลาต่างจูงเรามา
เพื่อเอ่ยคำอำลา ด้วยความรัก
ทอดไมตรี กลางแสงจันทร์
บอกเล่าความฝัน ให้รู้จัก
โลกใบนี้ มีอะไรมากมายนัก
เกินความหมายจะทายทัก ความเข้าใจ
………………………………
โดยคำ ลานเทวา
12 ธันวาคม 2552 08:49 น.
ลานเทวา
'' กล่อมกวี ''
เขียนสุขโศก โลกรู้สึก
ฝากเป็นคำบันทึก อารมณ์สรรค์
สรรพสิ่งร่ายร้อย ถ้อยรำพัน
เขียนคืนวันบทเรียน เขียนหัวใจ
สะพายย่ามลำนำมิรู้จบ
ร้อยความฝันบรรณภพ บำเรอไว้
ผลิดอกดาวห่มห้วง หฤทัย
เขียนโลกงามละไม ละมุนคำ
แม้จะอยู่กันคนละหลืบโลก
แต่ความเศร้าเหงาโศก แห่งคืนค่ำ
คล้ายกู่ก้องบริบท ให้จดจำ
ประหนึ่งถ้อยลำนำ มิรู้สิ้น
มธุรสใดเล่า ปรารถนา
บรรณาการชีวา ครุ่นถวิล
ดังสายธารหวานคำ จะฉ่ำริน
ดับเวลาอาจิณ แห่งโศกา
ก่อนจะนอน หลับฝันดี
อ่านเถิดบทกวี ผู้ห่วงหา
ขีดเขียนถ้อยความฝัน แบ่งปันมา
คลี่ห่มห้วงนิทรา เยาวมาลย์
หลับเอย จงหลับฝัน
สบตาดาวดวงนั้น เถิดแววหวาน
งามประหนึ่งมวลนางฟ้า ราตรีวาร
ผู้ขับกล่อมกลอนกานท์ รติรมย์
……………………
โดยคำ ลานเทวา
10 ธันวาคม 2552 19:10 น.
ลานเทวา
ไม่ทันจางรอยเท้า เจ้าผีเสื้อ
บนกลีบเนื้อ เกษรงามอ่อนหวาน
ไม่ทันอุ่นแดดใส ทอวัยวาร
ก็สิ้นฝันอันตรธาน อย่างเดียวดาย
ท่ามแดดเศร้า เพรางายเดียวดายโลก
แผ่วลมโศกรำเพย ระเหยหาย
งดงามในพริบตา แห่งความตาย
ล่วงผ่านโผยระโชยชาย ไปสิ้นลับ
ยังไม่ทัน รอยยิ้มเจ้าจะแย้ม
ให้หวานแรมเรือนขวัญ คืนจันทร์ดับ
ก็ร้างเลือนเคลื่อนคล้อย รอยประทับ
ทิ้งโลกลงย่อยยับ ไปกับตา
ครื้นแต่เสียงมโหรี ปี่พาทย์
วังเวงวาดสำเนียงโศก วิโยคหา
กล่อมสรรพสิ่งที่กลืนหาย ไปกับกาลเวลา
ร่มสุดท้ายชายคา มิอาจซ่อน
ทิ้งรอยเศร้าบรรณภพ ศพน้ำค้าง
บนเส้นทางความฝัน ของวันก่อน
พรากเช้าชื่น ไร้คำลา อาวรณ์
ไกลสู่ห้วงสัญจร อันเหน็บหนาว
………………….
โดยคำ ลานเทวา