31 พฤษภาคม 2551 23:12 น.
ลานเทวา
ก่อนจะเคลื่อนเลือนจางแล้วร้างลับ
ใจจะซับซ่านซึ้งไปถึงไหน
กว่าจะรู้จะเห็นประเด็นนัย
ก็สิ้นแล้วสายใยสายสัมพันธ์
กว่างดงามความจริงจะปรากฏ
บางสิ่งก็เลือนลดไปจากฝัน
เก็บร้าวโลกขมขื่นมายืนยัน
ในร่องรอยจาบัลย์แห่งชีวา
กว่าสำนึกจะตรึกชัดถึงสัจจะ
ต้องผลัดแพ้ผลัดชนะแสวงหา
เข้ากำหนดวิถีตีราคา
เป็นรูปเงาเป็นมายาอันเป็นไป
ก่อนจะเคลื่อนเลือนจางแล้วร้างลับ
โลกก็ซับกำซาบในวาบไหว
เราต่างซึ้งถึงทางอันกว้างไกล
เหมือนเข้าใจกับบางสิ่งอันจริงแท้
เถอะ ผู้เฝ้ารอการเยียวยา
โดยเสี้ยวกาลเวลาอันเผื่อแผ่
นานเท่าไรที่เราไม่เหลียวแล
โลกผันแปรสู่หนใดก็ไม่รู้
.......................
โดยคำ ลานเทวา
26 พฤษภาคม 2551 18:19 น.
ลานเทวา
ยุติธรรมใดไหนเล่าที่เจ้าเพรียก
อำนาจใดสำเหนียกการใฝ่หา
กี่หนครั้งพังพายเป็นตายมา
ทั้งหยดเลือดและน้ำตาเป็นของใคร
กี่ศพซากฝากย้ำมิสำนึก
แม้นเศษเสี้ยวตะกอนผลึกก็หาไม่
กี่ภาพความปวดร้าวหนาวหัวใจ
สิ้นสุดลงตรงไทยฆ่ากันเอง
อำนาจเงินโปรยหว่านสะท้านภพ
อำนาจธรรมอันสงบโดนข่มเหง
ทุรชาติแห่งคนชั่วหรือกลัวเกรง
ต่างละเลงถึงเลือดเนื้อถามเพื่อใคร
เพื่อความดีความงามความสำเร็จ
เพื่อบำเหน็จชาวประชาก็หาไม่
กี่ครั้งเสียงเพรียกร้องดังก้องไป
ถามสวรรค์ชั้นใดสิรับรู้
กี่ชีวิตรบมาค่อนชีวิต
บางชีวิตพลีร่างกระจ่างอยู่
บางชีวิตหยัดยืนโลกชื่นชู
บางชีวิตบางผู้ยังโสมม
ยุติธรรมใดไหนเล่าที่เจ้าเพรียก
อำนาจใดสำเหนียกใจร้าวข่ม
กี่หนครั้งความตายดั่งสายลม
กี่น้ำตาทุกข์ระทมเป็นของใคร
................................
โดยคำ ลานเทวา
21 พฤษภาคม 2551 20:23 น.
ลานเทวา
ย่ำไปบนลาภยศชื่อเสียง
แผ่วเบาเพียงก้าวใจล่วงพ้นผ่าน
ปลดเปลื้องคืนวันพันธนาการ
ดังปลดปล่อยวิญญาณเดียวดาย
โอ้ ! เวนยชาติทั้งปวง
แลเถิดบ่วงอันรัดรึงตรึงสาย
เทิดอธรรมคัมภีร์แห่งอบาย
ลุ่มหลงอยู่ทุกพายปุถุชน
ฟังเถอะ ฟังข้าจากภายใน
หยุดโต้ตอบสักเสี้ยวใจเถิดเหตุผล
ในรู้เห็นบำเพ็ญแค่เพื่อตน
ธรรมมิแท้หรืออดทนสภาวะ
ผู้มิรู้ข้อบกพร่องย่อมโง่เขลา
ลุ่มหลงเงามรรคาสารัตถะ
มหาธรรมใดเล่าเจ้าชำระ
เศษขยะใหม่เก่า ณ เหง้าใจ
จงรู้ที่จะปล่อยวาง
เพื่อกระจ่างความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่
ความน่ากลัวแห่งศัตรูใดใด
ยังมิเท่าบางสิ่งในตัวตนเรา
ดูเถิด มิตรสหายแห่งวัฏฏะ
ผู้เฝ้ารอการชำระความโง่เขลา
สิ่งใดเร้นเย็นร้อนสะท้อนเงา
บนร่องรอยเก่าเก่าของจิตใจ
..........................
โดยคำ ลานเทวา
18 พฤษภาคม 2551 20:43 น.
ลานเทวา
กลางมหานทีสีน้ำผึ้ง
ข้ากับหนึ่งนาวาจักฝ่าล่อง
มุ่งหมายสู่บุรีฝั่งสีทอง
ท่ามกลางแรงคะนองแห่งฝนฟ้า
ลิบลิบไกลโพ้นตาแลหาฝั่ง
ทิศแสงดาวพราวหวังนำค้นหา
แรมคืนเปลี่ยวเชี่ยวลมอันพรมพา
วังเวงลำนาวาล่องเดียวดาย
ปรารถนาเทียบยังฝั่งดอกโมก
ทิ้งเบื้องหลังทะเลโศกกระแสสาย
รอเรืองฟ้ารุ่งผ่องฝันพรรณราย
หม่นราตรีจักคลายทมึนเงา
ยุติการร่อนเร่วันเวลา
สู่ฟากฝั่งมรรคาแลขุนเขา
หวังสงบแห่งคืนวันจักบรรเทา
ความมัวเมาอันเร้นร่ายอยู่ภายใน
.........................
โดยคำ ลานเทวา
5 พฤษภาคม 2551 09:25 น.
ลานเทวา
( ๑ )
พ่อจ๋า....พ่อเห็นดาวนั้นไหม
ดาวสดใสระยับประดับฟ้า
หนูอยากปีนไปเก็บเอาลงมา
ประดับท้องทุ่งนา.....ยามค่ำคืน
เจ้าดอกดวงรวงดาวคงพราวสวย
ท่ามสายลมระชวยโชยชื่น
สุมไฟสุมฟอนท่อนฟืน
หลับสักตื่นพักผ่อนเอาแรง
( ๒ )
ลูกเอ๋ย.....เจ้าลูกรัก
โยงสายฝันทอถักผูกใจแกว่ง
เปลเดือนเคลื่อนหาวดาวแปลง
โรงละครแสดงตรงเพิงร้ายชายนา
หลับเถอะนะ...ขวัญอ่อน
ดาวใดจะจรสู่ปรารถนา
ดาวห้วงดวงไหนหรือสดใสกว่า
ดาวนัยน์ดวงตาของเจ้า...ลูกรัก....
หลับเถอะคนดี
ชาวนาวิถีนี้มันเหนื่อยหนัก
ซากซังแอบอิงให้พิงให้พัก
กองฟางจะถักแทนเปลเห่นอน
ค่ำนี้....นิทานรวงข้าว
คงไม่ยาวเหมือนเช่นคืนก่อน
งามดอกดาวพราวพร่างทางจร
เจริญแห่งนาครเข้ากลืนผืนนา
รวงเอ๋ยรวงทองผ่องรวงเรียว
งามทุ่งข้าวเขียวเขียวไปจดฟ้า
ข้าวเอ๋ยข้าวไทยได้ราคา
แต่เงินถึงเราชาวนาสักเท่าใด
หลับเถอะลูก หลับตา
หลับจากวิถีชาวนา.....อันสิ้นไร้
เหนื่อยพ่อท้อมาแต่ไร
รอเจ้าเติบใหญ่......อย่าได้เป็นชาวนา
( ๓ )
พ่อจ๋า....พ่อเห็นดาวนั่นไหม
ดาวสดใสระยับประดับฟ้า
หนูอยากปีนไปเก็บเอาลงมา
ประดับท้องทุ่งนา.....ยามค่ำคืน
........................
โดยคำ ลานเทวา