12 มกราคม 2551 05:55 น.
ลานเทวา
โอนอ่อนอ้อนเอนระเนนไหว
กวัดไกวแกว่งพลิ้วระริ้วฝัน
งามแสงปรุงทุ่งหญ้าทายท้าตะวัน
แมลงปอเพ้อรำพันกลางสายลม
พิสุทธิ์งามแสงใหม่อันไหววาบ
ชื่นชีวากำซาบซึ่งสุขสม
เพลงผีเสื้อปีกแก้วแผ่วพรม
นกน้อยโผออกชมโลกวิไล
แสงตะวัน
ทอทาบบทกวีรำพันอ่อนไหว
ดังฝากซึ้งถึงดงแดนแสนไกล
กล่อมวิญญานิราศรัยสัญจร
สายลม
พร่างโบยโชยพรมมาอ่อนอ่อน
ดังพัดวีด้วยห่วงหาอาทร
เย็นเถอะใจที่แรมรอนเร่ร้าง
ทุ่งหญ้า
แลสุดเวิ้งขอบฟ้าเชื่อมสีต่าง
เมฆขาวพราวพรายระบายจาง
เบาบางเคลื่อนขาวโอบราวฟ้า
ชีวิต
เราสถิตชั่วดีที่คุณค่า
สรรพสิ่งทิ้งเห็นความเป็นมา
โลกและกาลเวลา ยังเช่นนั้น
--------------------------------
ลานเทวา
6 มกราคม 2551 11:52 น.
ลานเทวา
ระยับหาวพราวพรายประกายพริ้ม
ดั่งรอยยิ้มราตรีเสกสีสรรค์
งามสร้อยแสงรัศมีมณีจันทร์
จรัสห้วงนิรันดร์แจ่มราตรี
ผะแผ่วพลิ้วลิ่วลมล่วงพรมผ่าน
รัตติกาลแห่งใจไหววิถี
ผัสสะแห่งอุราประดามี
เร้าทุกข์สุขชีวีอยู่เนิ่นนาน
เดียวดายแห่งชีวานิราศรัย
รั้งหัวใจร้าวหม่นเพียงพ้นผ่าน
ฝากเรื่องราวชีวิตสถิตกาล
เวียนว่ายวารวนหวังประทังใจ
ซีกมืดแห่งคืนค่ำ
แสงจันทร์นำประกายทองขึ้นผ่องใส
ระยิบดาวพราวสรวงห่มห้วงไกล
วะวับวาวไรไรแต่งฟ้าดำ
ซีกมืดแห่งชีวิต
ข้าเฝ้ายลหม่นทิศใดดื่มด่ำ
สิหาแสงใดผ่องมาส่องนำ
ยังแต่ทนระกำ หนอชีวิต
....................................
ลานเทวา