30 กรกฎาคม 2550 00:38 น.
ลานเทวา
........แพรม่านหมอกน้ำค้างพร่างผืนหญ้า.......
แพรม่านดอกน้ำตา.......ซับใจโศก
ไหวเอย........................ไหววิโยค
จักซ่อนโลก ร้าวแฝง..ไว้แห่งใด....
......................................
แผ่วลำนำ พริ้วผ่าน ซ่านโสตซึ้ง
เคล้าเสียงขลุ่ย คนึง อันอ่อนไหว
สะเทือนทิพย์ เทวาลาน สะท้านไพร
ดั่งว่าใจ จะรอนร้าว หนาวน้ำคำ
เก็บถ้อยฝาก จากสายลม ที่พรมแผ่ว
ว่าลาแล้ว จากเคยปลื้ม ใจดื่มด่ำ
ฟังปลายเสียง เจรียงร้อย เป็นถ้อยย้ำ
ให้อกช้ำ มิสร่างเศร้า จากเงาใจ
จรุงจิต เพียงกาล ที่ผ่านผัน
จรุงฝัน เพียงลำนำ คำล่องไหล
สุขเพียงถ้อย พร่ำเพ้อ ละเมอไป
ย้ำหทัย บอบช้ำ ด้วยคำลา
ทิ้งชื่นใน รอยกาล ที่ผ่านพ้น
อดีตวน ภาพฝัน อันห่วงหา
บัดนี้คง เหลือเพียงช้ำ กับน้ำตา
ลานเทวา อาดูรโศก วิโยคตรม
--------------------------------------
ลานเทวา
30 กรกฎาคม 2550 00:16 น.
ลานเทวา
โดยลำพังชีวิตที่คิดวาด
เจ้าหมายมาดใดมุ่งจรุงฝัน
โดยเด็ดเดี่ยวหัวใจในคืนวัน
เจ้าเสกสรรค์ในชื่นด้วยอื่นใด
หรือเพียงหวังกลับกลอกหลอกชีวิต
สร้างทางทิศลวงตาว่าสดใส
หรือเพียงวาดสิ่งหวังประทังใจ
เพียงพ้นในมรรคาเวลานี้
อุดมการณ์แห่งใจอยู่ไหนเล่า
ลืมสัญญาหนเก่าแล้วหรือนี่
ปฏิญญาสำนึกที่ตรึกดี
ยังอยู่มีเช่นไรในใจนั้น
มิได้มาทวงถามในยามนี้
เพียงอยากเห็นความดียังคงมั่น
อยากเห็นก้าวที่กล้าพร้อมฝ่าฟัน
ไปประจัญผจญอย่างคนสู้
------------------------------------
ลานเทวา