31 กรกฎาคม 2550 12:09 น.
ลานเทวา
กี่หนในมรสุมที่รุมเร้า
บทเรียนเก่าย้อนจำมาย้ำสอน
กี่หนในเอกราชที่ขาดตอน
กี่คนคอนกู้กอบแลกมอบมา
คือชีวิตและเลือดเนื้อ
อันมอบเพื่อชาติพลีเป็นที่หา
กี่แผ่นดินผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนพา
ชาติประชาได้ดำรงคงเป็นไทย
เถอะอ้ายอีทั้งหลายที่วายวุ่น
เอ็งลืมคุณแผ่นดินสิ้นแล้วไหม
ถึงได้สร้างแต่ความทรามจัญไร
ศักดิ์ศรีในวิญญาณมิพานพบ
กูสู้สร้างทางชอบประกอบผล
พาไทยพ้นความอัปรีย์ที่ประสบ
เอาชีวิตเข้ากอบกู้เข้าสู้รบ
รุกสยบศัตรูกู้แผ่นดิน
กูคือไทย.....ผู้ไม่แพ้.....
เลือดเนื้อแท้คงมั่นมิผันผิน
สร้างความชอบมอบปวงชนให้ยลยิน
ตั้งเจตน์จินต์พลีเพื่อชาติประกาศไทย
-----------------------------------------------
ลานเทวา
มอบแด่ สติสตัง ของชาวชน บนแผ่นดินนี้
31 กรกฎาคม 2550 12:03 น.
ลานเทวา
อกขืนคราข่นแค้น........................ขื่นคำ
เปิบข่มกลืนระกำ.......................อย่างไร้
จนอับดั่งเวรจำ...................จองต่อ ชะตา
ฤานี่คือชีพใช้...........เซ่นย้อน บ่วงเวร ฯ
ผิว์โชคจักแล้งแล้ว........................ใจเอย
สุขผ่านหทัยเชย...........................ว่าน้อย
ตรากตรำผ่านวัยเลย............ยังยาก อยู่นา
แลบ่งแต่ชีพคล้อย.....ไป่สิ้น กรอมระกำ ฯ
---------------------------------------
โดยคำ ส.ผาติสุวัณณ
31 กรกฎาคม 2550 06:09 น.
ลานเทวา
กลียุคกาลีบ้าน..........................................โลมลน
แลเขื่องกระเดื่องดล...................................แก่กล้า
เสพสินอย่างแยบยล.....................ทรามเสื่อม หทัย
กินบ่สิ้นแรงล้า...........................ย่ำย้อน โสมม ฯ
ทุกหย่อมทุกย่านล้วน..................................โกงกิน
ทุกหมู่รู้กลยิน.........................................ดั่งแร้ง
ตามทันย่อมหลีกบิน........................ไปสู่ หลบภัย
คอยช่วงกลับมาแว้ง....................ย่ำย้ำ เขี้ยวคม ฯ
แลทรามส่ำสัตว์สร้าง..................................ตนตัว
หลงอยู่แต่ความเมามัว.................................ค่ำเช้า
กรรมเวรส่งกลับกลัว.......................หลบร่ำ โวยวาย
แลนี่หรือคือเจ้า...............................ผู้ล้น เงินตรา ฯ
----------------------------------------
โดยคำ ส.ผาติสุวัณณ ( ลานเทวา )
31 กรกฎาคม 2550 00:20 น.
ลานเทวา
ดอกยางแลเกลื่อนร่วงโรย
ณ ห้วงแดโดย
มิอาจเร้นซ่อนชีวา
ไก่เถื่อนขันเทือนดังมา
ปลุกชีพอีกครา
ให้ตื่นพบเห็นเย็นใจ
ลูกเมียยังอยู่เป็นไป
พ้นผ่านเภทภัย
จากค่ำอันหวาดผวา
ไม่มีเสียงปี่ชวา
มีแต่น้ำตา
กับความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
...................................................
เพลงไผ่ผิวหวิวแว่วจากแนวป่า
ตะวันลาแสงลับกับเหลี่ยมเขา
มัจจุราชผู้หาญแรงเข้าแฝงเงา
สุดบรรเทาการเข่นฆ่ารายราวี
เพลิงจักโหมเจิดจ้าคราคืนค่ำ
เงาจักย่ำกระหน่ำยิงทุกสิ่งที่
เถื่อนจิตใจชั่วช้าหรือปราณี
ลมราตรีพรากลมใจไปสิ้นลับ
อรุณเจิดแสงรุ่งเข้าปรุงฟ้า
ข่าวร้ายมาพร้อมแสงใหม่ให้สดับ
ที่สูญเสียผ่านมาคนานับ
เศร้าซึมซับเพียงน้ำตาทุกคราไป
ลำนำเถื่อนสะเทือนโศกวิโยคร่าย
เสียงสวดหมายพบสุขสันต์ ณ วันใหม่
วันที่มีรอยยิ้มมาพิมพ์ใจ
วันที่ไร้ศพซากพรากชีวิต
----------------------------------------------
ลานเทวา
31 กรกฎาคม 2550 00:12 น.
ลานเทวา
ฟังเถื่อนสนั่นสร้อง......................................เรไร
ห่มค่ำแห่งพงไพร...................................ดั่งถ้อย
เดือนกระจ่างแสงไกล................งามแจ่ม ในนวล
สีผ่องทาบพนาพร้อย............พร่างแพร้ว โลมดง ฯ
ราตรีจรุงร้อย............................................ลำนำ
พัดผ่านในลมคำ...................................ล่องพริ้ว
เตือนตรึงอยู่ในจำ........................โชยชื่น โลมใจ
ประหนึ่งรักร่ายริ้ว.....................ซ่านซึ้ง อารมณ์ ฯ
ยลจันทร์กระจ่างแจ้ง..........................นวลจันทร์
จมอยู่แต่รำพัน.....................................พร่ำเพ้อ
คนึงผ่านคืนวัน...........................ลับล่วง ตามกาล
หวานซ่อนเพียงใจเก้อ................กล่อมร้าว หทัย ฯ
ฝากลมพร่างผ่านซึ้ง..............................ในครวญ
แทนซึ่งถ้อยสำนวน.................................นอบใช้
ยามนุชผ่านมาชวน....................น้องอ่าน คำโคลง
อันพี่ร่ายสื่อไว้........................ดั่งพ้อง เจตน์จินต์ ฯ
--------------------------------------------
ส.ผาติสุวัณณ ( ลานเทวา )