12 เมษายน 2550 15:55 น.
ลานเทวา
สายบุญไหลกลางธารบาป
ก้มกราบกิเลสตัณหา
คัมภีร์แห่งภาพมายา
ศรัทธาจากความงมงาย
ที่พึ่งคือความยึดติด
ถูกผิดเพียงแค่ความหมาย
ซึมซาบบาปบุญวุ่นวาย
มากมายขายกลพิธี
น้ำมนต์น้ำหมากขากพ่น
แรงดลปลอบปลุกทุกที่
ของขลังพลังชั้นดี
ชีวีชีวาพายึด
ขลั่งพิธีขลังมนต์ใช่คนขลัง
ใจคลุ้มคลั่งอย่างไรก็ไร้ผล
ไร้ความดีที่ชอบมอบแด่ตน
หมื่นแสนมนต์พร่ำไปก็ไร้ค่า
ไม่กราบพระแต่ชอบแขวนหลักแสนล้าน
พระก็ผ่านแค่คออย่ารอหา
ห้อยพระมาเพียงทักอวดศักดา
ความศรัทธางมงายคงคล้ายกัน
-------------------------------------------------
ลานเทวา
12 เมษายน 2550 14:36 น.
ลานเทวา
สิ้นแสงตะวันลับ
กระท่อมทับปลายนาแลว้าเหว่
ลมชายทุ่งพรมหวนพริ้วรวนเร
สุดคะเนทิศทางที่พร่างพรม
แสงตะเกียงยามพลบ
สาดแสงสบเฒ่าชราหลับตาข่ม
ค่ำคืนแห่งชีวิตลิขิตปม
เช่นสายลมเลยลับไปกับวัย
ล่วงวิถีตามยะถา
พานพบค่าใดปลงความสงสัย
สร้างกำเนิดเกิดก่อต่อสิ่งใด
สิ้นสุดไร้แลสิ้นหรือยินดี
ยังแต่ลมอันไร้ค่า
กับน้ำตากังวลที่ล้นปรี่
ลมสุดท้ายหมายใดให้ชีวี
รอนานปีในชะตาเอกานัก
สุมฟืนท่อนสุดท้าย
ก่อนล้มกายพักทรวงอันหน่วงหนัก
เฒ่าชราสุมไฟอิงนอนพิงพัก
เดือนดาวทักใจฝันวันสิ้นตรม
เฝ้าฝันรอวันพรุ่งจักรุ่งแจ้ง
รอไอ้แดงมาปลุกคงสุขสม
รอลูกหลานมาชื่นรื่นใจชม
รอสายลมสุดท้ายหมายพบเจอ
--------ลานเทวา --------
10 เมษายน 2550 20:42 น.
ลานเทวา
ลืมความจริง ทิ้งใว้ หาไม่พบ
ความสงบ ก็ลืมหาย มะลายสูญ
ลืมพระธรรม ลืมบทเอื้อ ที่เกื้อกูล
ลืมเพิ่มพูน ความดี ในหัวใจ
ลืมตัวตน บนทาง ที่ย่างย่ำ
ลืมบาปกรรม ลำพอง คะนองไหว
ลืมเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ให้แก่ใคร
ลืมสิ้นใน คำสอน ไม่ย้อนจำ
ลืมวิถี อันควร ไม่หวนค่า
ลืมปัญญา หยิบยก จนตกต่ำ
ลืมลิขิต คิดอ่าน การกระทำ
ลืมจดจำ ทางชอบ มอบชีวี
ลืมศีลธรรม นำพา ชีวาวาด
ลืมฉลาด ลืมประจักษ์ ลืมศักดิ์ศรี
ลืมตัวตน ลืมหนทาง สร้างความดี
ลืมทุกที ที่ประมาท พลั้งพลาดใจ
-----ลานเทวา-----
10 เมษายน 2550 20:39 น.
ลานเทวา
อ่อนแสงฝันตะวันรอน
วิหกจรหวนคืนถิ่น
อ่อนระโหยแรงโบยบิน
จากผกผันในวันคืน
ดั่งนกน้อยอ่อนล้าจากฟ้ากว้าง
ดั่งเส้นทางหวนวนสู่หนเก่า
กี่ก้าวย่างที่ย่ำในลำเนา
มิพ้นเงาทุกข์ท้อพ้อชะตา
พานพบประสบการณ์
แลผันผ่านในคุณค่า
หลากความหมายวุ่นวายพา
ให้เพียงหลงพะวงใจ
ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า
ยังคอยเช็ดเงาอ่อนไหว
ซับคราบแห่งเรื่องราวที่เป็นไป
โดยชีวิตหลั่งริน
เพียงแสงจันทร์เป็นเพื่อน ณ เรื่อนเหงา
ลมโชยเคล้าลั่นทมพร่างพรมกลิ่น
อาบแสงชื่นในคืนเหงาเฝ้าหลั่งริน
ปลอบชีวินว้าเหว่ด้วยเมรัย
ลานเทวา
4 เมษายน 2550 14:10 น.
ลานเทวา
พอจะซาบจะซึ้งถึงความรัก
กลับต้องหักอาลัยจากใจฝัน
เพราะโลกมอบความพลัดพรากให้จากกัน
เศร้าคืนวันไยมาเยือน ณ เรือนรัก
หวนวันคืนชื่นชิดสนิทแนบ
อุ่นอิงแอบตราตรึงซึ้งตระหนัก
สองใจผูกสัญญามามอบภักดิ์
สุขยิ่งนักยามนั้นฝันสองเรา
พึ่งจะหวานรักชื่นในคืนสุข
กระแสทุกข์ก็พัดโบกเป็นโศกเหงา
น้ำตารินไหลย้ำช้ำไม่เบา
ไยโลกเจ้า จึงโหดร้ายทำลายใจ
เพราะบ้านเพราะเมืองยังเรื่องร้อน
จึงจำจรจากขวัญสุดหวั่นไหว
สู่สามจังหวัดชายแดนอันแสนไกล
หักอาลัยเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน
สุดแล้วก็มีข่าวร้าย
สามีวายดับร่างในต่างถิ่น
เขาลอบยิงลอบฆ่าพร่าชีวิน
ฟังแล้วแทบดับดิ้นชีวาตาม
-
ลานเทวา