26 สิงหาคม 2553 09:04 น.
ลานเทวา
แลวัดวาอาราม ในยามนี้
เห็นพระเถรเณรชี ผิดวิสัย
มันเสื่อมถอยรอยเลื่อม จนเสื่อมใจ
ญาติโยมก็ช่างกระไร หนุนยินดี
จนพระเท่าที่เห็น ไม่เป็นพระ
ไม่สมดังสมณะ ทำหน้าที่
ปล่อยวัดวาสังสรรค์ ประชันมี
ประจำปีประจำเดือน ให้เกลื่อนงาน
หนังลิเก โนราห์จัดมาแข่ง
สร้างโบสถ์แต่งอวดโต รโหฐาน
สร้างศาลาเจดีย์ เทียมวิมาน
หล่อพระโตให้ตระการ ตั้งอวดไว้
เพื่อชาวบ้านศรัทธา แวะหาหวย
หาเลขรวยหาของขลัง ประดังใส่
ปลัดขิก สาลิกา บูชาไป
เรียกกุมารนางกวักให้ ทั้งผ้ายันต์
หนอ วัดวาอาราม ในยามนี้
จะแวะหาธรรมดีดี ที่ไหนนั่น
ยังแต่งานสร้างแต่ง แข่งประชัน
เทิดศรัทธาเมามัน วัตถุสร้าง
เจริญแล้วทรามพิสุทธิ์ พุทธพานิช
เมื่อหัวโล้นสิ้นคิด เมาไม่สร่าง
พันหมื่นล้านแสนร้อย ลืมปล่อยวาง
ที่จะเบาที่จะบาง ก็ห่างไกล
หลายแห่งมีตลาดนัด เต็มวัดวา
ยัดเยียดพาโลกล้นวัด อัธยาศัย
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ศรัทธาใด
ทุกข์ผู้คนจะพึ่งใคร เล่ายามนี้
หันเหลียวแลที่พึ่งอันประเสริฐ
ภาพที่เกิดกลับเลวร้ายแทบหน่ายหนี
ให้สิ้นหวังทั้งพระเถรทั้งเณรชี
ธรรมวินัยอันควรมี ไม่เคยสร้าง
เอาแต่สร้างวัตถุ ยุกิเลส
ธรรมวิเศษควรดำเนิน ก็เหินห่าง
เอาแต่เพรียกศรัทธา หาสตางค์
ให้เจ้ากูยึดเป็นทาง ไปนิพพาน
………………………..
โดยคำ ลานเทวา
25 สิงหาคม 2553 08:03 น.
ลานเทวา
หลายอาทิตย์ ไม่มีเสียงโทรศัพท์
จากเบอร์ที่เคยรับ ยังเงียบหาย
ไม่มีข่าวเหงาทุกข์ สุขสบาย
จากที่เคยบรรยาย มาทุกวัน
แล้วจู่จู่ ก็โผล่มา
โดยไม่นัดล่วงหน้า เหตุใดนั่น
หลายเรื่องราวตั้งตัว แทบไม่ทัน
แปลกคำพูดที่พูดกัน เหมือนบอกลา
ไม่ต้องถามถึงแววตา ว่ารู้สึก
ถึงบางสิ่งในส่วนลึก ส่งภาษา
ยิ้มที่เห็นก็ไม่หวาน เช่นผ่านมา
คล้ายบางอย่างมันค้างคา ให้ค้นคิด
ผ่านบางภาพลางเลือน แลเหมือนใกล้
แต่ความจริงห่างไกล ต่อไม่ติด
ไม่เหลือรักในร่องรอย สักน้อยนิด
ความรู้สึกนึกคิด เหมือนจืดจาง
เธอถามหาจุดยืน ในคืนเศร้า
ฉันก้มมองส้นเท้า ที่หยัดร่าง
ปล่อยความคิดสับสน กับหนทาง
ผ่านโศกเหงาเศร้าอำพราง ลึกหัวใจ
มีเหตุผลหลายหลาก เธอเรียกร้อง
จนความจริงฉันมอง ออกว่าใช่
อนาคตข้างหน้าเห็น ภาพเช่นไร
จบกันไปแต่วันนี้ นั้นดีแล้ว
โดยคำ ลานเทวา
6 สิงหาคม 2553 00:55 น.
ลานเทวา
ลึกกว่าลึกสุดใจ จะใฝ่หา
ทบท้นนัยน์แววตา กว่ารู้สึก
ล่วงบางสิ่งบางอย่าง อำพรางลึก
เหนือสามัญสำนึก จินตนาการ
สารพัดทุกข์สุข อันซุกซ่อน
ทั้งกร้านหยาบกำซาบซ้อน ทั้งอ่อนหวาน
ผลิวุ่นวายสู่สงบ ในพบพาน
ล่วงฝันใฝ่วัยวาร วิจิตรใจ
คล้อยเคลื่อนงามความจริง สิ่งปรากฏ
สรรพบทอันดำรง ความสงสัย
สรรพธรรมนำเห็น อยู่เช่นไร
ชีวิตยังเป็นไป อยู่เช่นนั้น
อัศจรรย์เหลือคะเน เวไนยยะ
ทบท้นผ่านท่วงขณะ ตื้นลึกหลั่น
มโนนึกตรึกเร้า ผองเผ่าพันธุ์
กำเนิดเนิ่นนิรันดร์ มรคา
กว่ารู้แจ้งชีวา การมาสู่
ผลิเชื้อเหนืออณู แห่งตัณหา
ความมืดบอดเหล่านั้น จูงฉันมา
เรียนรู้เป็นมรรคา เป็นชีวิต
ผ่านเกิดดับลับล่วง ห้วงกระแส
พ้นผันแปรสารพัด ดัดจริต
บางหนเลือนอ้างว้าง ในทางทิศ
บางหนคิดแทบสิ้น การยินรู้
ลึกกว่าลึกสุดใจ จะไฝ่หา
ชีวิตกาลเวลา อันมาสู่
หลายหนครั้งความคิด ผิดเป็นครู
สอนตัวตนค้นดู ใดสาระ
.......................
โดยคำ ลานเทวา
3 สิงหาคม 2553 21:51 น.
ลานเทวา
ล่วงแล้ว พรรษากาล
รติวาร พิสุทธิ์สมัย
แจ่มฟ้า บรรณาลัย
เจิดแสงผ่อง ครรลองธรรม
สงบห้วงมรรคา สัปปายะ
ไหวงดงามท่ามขณะ หยาดฝนฉ่ำ
ละอองชื่นดื่นพราย เริงร่ายรำ
สรรพธรรมงามเงียบ ยะเยียบลึก
สรรพสิ่งนิ่งสถิต วิจิตรภาพ
ดิ่งหัวใจสิโรราบ ทุกรู้สึก
งามสงบสว่าง พร่างพรายพรึก
งามทุกห้วงมโนนึก กระจ่างนัย
ชื่นเอย ชื่นทิพย์ละอองฝน
ชื่นสกลแจ่มหล้า มหาสมัย
วิเวกธรรมฉ่ำชื่น หวนคืนใจ
ท่ามม่านใสแจ่มฟ้า พรรษากาล
ดังคนธรรพ์บรรเลง เพลงน้ำค้าง
ประโลมธรรมนำทาง ผู้พ้นผ่าน
หนทางอันหม่นร้าว ที่ยาวนาน
จักลุถึงรติวาร แห่งมรรคา
งามเอย งามวิโมกข์
งามเหนือโลกสุขเศร้า เงาตัณหา
ดิถีแห่งฤดูล่วง ห้วงธรรมา
เถิด ปฏิบัติภาวนา ให้เกิดธรรม
…………………….
โดยคำ ลานเทวา
22 กรกฎาคม 2553 15:47 น.
ลานเทวา
แผ่วแผ่วห้วงคำนึงตรึงวิโยค
เศร้าดอกโศกเบ่งบานบนลานเถื่อน
ร้าวหวาดไหวในกาลอันผ่านเยือน
สายลมเชือนโชยพลิ้วหวีดหวิวใจ
ดั่งเราผู้แบกรับสรรพสิ่ง
ฤาอาจนิ่งท่ามคืนวันที่หวั่นไหว
ทั้งโลกรู้ประจักษ์หนักอย่างไร
ทุกข์ท้นในมรรคาอันลาโรย
คล้อยลีลาศแห่งเมฆา
ท่ามลีลาตะวันอันแผดโผย
ยลทุกข์สุขสรรพสิ่งดิ่งแดโดย
ท่ามสายลมโบกโบยแรงประดัง
หนักเอย ว่าหนักหน่วง
หนักในสิ่งทั้งปวงที่วาดหวัง
ปานจะสิ้นใจแฝงแรงกำลัง
อยู่ในโลกอันชิงชังและอ่อนล้า
แผ่วแผ่วห้วงคำนึงตรึงวิโยค
จบสิ้นโศกลับล่วงในห่วงหา
พร้อมจบสิ้นความฝันวันเวลา
ปล่อยชะตาเล่นร่ายดังสายลม
........................
โดยคำ ลานเทวา