9 กุมภาพันธ์ 2554 22:38 น.
ลานเทวา
แลหม่นเหงาปานนั้น บ่ายวันนี้
เข็มนาทีแล่นเฉื่อย เหมือนเหนื่อยล้า
ทุกซอกซอยหงอยเงียบ ยะเยียบตา
โลกคล้ายรอระเบิดเวลา ทำหน้าที่
ไม่รู้ฟากเมืองใหญ่ เป็นไรบ้าง
ถามเงาข้างตึกปกกระจกสี
ร้อนสายแดดแผดเลือนวันเดือนปี
ไง สหาย สบายดีหรือมหานคร
ยังหอมหวนอยู่หรือนั่น ท่ามควันพิษ
คล่องตัวไหมเศรษฐกิจ จากแต่ก่อน
เสียงเพื่อนเก่าเมาคลาน อยู่บ้านดอน
ถามถึงอย่างอาวรณ์ มิตรสหาย
หลังบอบช้ำซ้ำซาก จากฟากฝั่ง
กลับมาเมาเป็นบ้าเป็นหลัง จ่มแพ้พ่าย
จบฝันเมืองที่ล่วงลับ กลับกลาย
พกความอาย มาตายรังทุกครั้งไป
มาทำใจปลุกปลอบ คลายบอบช้ำ
เมาล้างความต้อยต่ำ เพ้อร่ำไห้
รอเวลาหายเจ็บปวดเมื่อไร
จะหวนไปย่ำฝัน นั้นอีกที
ฝากข่าวสารผ่านพาถึงป่าตึก
ยังไหวหวามด้วยความระลึก อยู่ที่นี่
งามเมืองฟ้าเมืองฝัน ยังฝันมี
รอทำใจดีดี จะกลับไป...
...............................
โดยคำ ลานเทวา
4 กุมภาพันธ์ 2554 22:45 น.
ลานเทวา
...ความเดิม ของตอนจบ......
มันซ้ำซากจากเดิมเดิม ที่เริ่มต้น
ผ่านกี่ครั้งกี่หน เพื่อทนรู้
เราพบความเลวร้ายมาหลายฤดู
จนแลทุกทุกอณูนั้นหม่นเศร้า
เจ็บไหม กับบางสิ่งต้องเผชิญ
เรื่องราวของความตายที่เดินมาบอกเล่า
ฟังคล้ายเสียงกระซิบอันแผ่วเบา
แต่เสียดแทงใจเราทุกวี่วัน
แต่ละภาพแต่ละข่าวราวกับว่า
ธรรมดาการฆ่าเข่น เห็นไหมนั่น
ความจริงที่เราเห็นจริง เงียบนิ่งงัน
จนแลแทบไม่สำคัญ อีกต่อไป
จึงอีกศพ อีกกี่ศพไม่จบสิ้น
พรุ่งนี้ยังได้ยินเหมือนข่าวใหม่
เปลี่ยนแต่เพียงความตาย นั้นของใคร
แลเศร้าใจเพียงครู่คราว ก็ข่าวพ้น
มันซ้ำซ้ำซากซากจากเดิมเดิม ที่เริ่มรู้
แล้วคล้อยสู่เงียบหาย หลายหลายหน
จากทุกทุกเหตุการณ์ ที่ผ่านวน
รู้เท่ารู้ ทนเท่าทนกันต่อไป
...................................
โดยคำ ลานเทวา
.
.
5 มกราคม 2554 15:23 น.
ลานเทวา
.
๑.
เพลงนี้ วันนั้น.....
ฟังอ้างว้างต่างกันกับวันนี้
นับเวลาผ่านพ้นไป สิบหกปี
บางความรู้สึกดีดี ยังตราตรึง
๒.
เริ่มแต่การจากลา... นานมาแล้ว
นานจนไร้วี่แวว ความคิดถึง
วูบสุดท้ายของสายลม รำพึง
หอบพัดพาภาพคำนึง เลือนราง
ก่อนดับสูญในความอ้างว้าง ระหว่างภพ.....
สิ้นจบความหมาย หายห่าง
ไหวเพียงเงาความรู้สึก จางจาง
ซุกซ่อนในแรมทาง เดียวดาย
ดั่งรอ ชะตากรรม จำนน......
จากสรรพสิ่งเหตุผล กระแสสาย
โลก ความรัก ความงดงาม และความตาย
ยังซ่อนซุกอยู่ทุกพาย ให้พานพบ
ในเช่นเดียวกัน....... ฉันและเธอ......
ล่วงพ้นเพียงผ่านเจอ แล้วสิ้นจบ
กาลเวลามิอาจหวน ใดทวนทบ
ปล่อยทุกสิ่งทิ้งเลือนลบ กับคืนวัน
ไม่มีแล้วรอยยิ้ม..... จากถ่านเถ้า
เพราะเธอคือความเศร้า ในใจฉัน
สืบกว่าค่อนทางชีวิต ผูกพัน
ได้แต่ปล่อยความคิดถึงเงียบงัน อยู่ในใจ
เงียบอยู่กับความเหงาเศร้า
เงียบอยู่กับภาพเก่าเก่าเคยชิดใกล้
ก่อนเวลาอารมณ์จะพรมไกว
ความโหยหาอาลัย...... นั้นอีกครั้ง
กับบทเพลง เพลงนี้ ในวันนี้.....
แทนบทเพลงสิบหกปี แห่งความหลัง
หากวิญญาณเธอรับรู้ สักครู่ฟัง
ทุกซาบซึ้งนั้นยัง มิเสื่อมคลาย
ด้วยความรู้สึกที่ชวนให้หวนหา
งดงามแห่งคุณค่าและความหมาย
ก่อนสิ้นลมสิ้นกรรม สู่สัมปราย
ความคิดถึงสุดท้าย มีเพียงเธอ.......
.................................
โดยคำ ลานเทวา
23 ธันวาคม 2553 12:44 น.
ลานเทวา
.
.
ล่วงสืบสาวยาวนาน กว่าพานพบ
ลำดับภาพไม่สิ้นจบ แสวงหา
ทบแห่งหนรนเร่ วันเวลา
เรายึดพารูปเงา ใดเล่าแท้
จากความเขลาเล่าอ้าง บนทางชอบ
ตัณหาคือคำตอบ อันเผื่อแผ่
ความจริงสักเศษเสี้ยว ใดเหลียวแล
ปล่อยไปตามผันแปร อยู่เช่นนั้น
อาจบางเงาเร้ารบ การสบซึ้ง
ร่านประหนึ่งงดงาม ทุกความฝัน
โลกไม่เคยรอเราให้เท่าทัน
สืบหน่อเหง้าเผ่าพันธุ์ อยู่เรียงราย
เนิ่นกว่าเนิ่นเกินนับอัปภาคย์
ภาพชีวิตล้นหลาก รูปความหมาย
แต่เกิดดับลับเห็น ถ้วนเป็นตาย
จากทุกพาย พานพบสงบรู้
กระจ่างค้นหนไป ถึงไหนเจ้า
ทิ้งเส้นทางสายเก่า เพียงเล่าสู่
กว่าสิ้นหนาวสุดท้าย ปลายฤดู
ห่มอณูเขลาเร้น อยู่เช่นไร
จาก รูปเงาฉาบทามายาภาพ
หลับเถิดผู้ศิโรราบ โลกอ่อนไหว
จบเบื้องหลังครั้งเก่า ลำเนาใจ
รู้พ่ายแพ้อันเป็นไป ธรรมดา
....................................
โดยคำ ลานเทวา