31 กรกฎาคม 2550 12:03 น.
ลานเทวา
อกขืนคราข่นแค้น........................ขื่นคำ
เปิบข่มกลืนระกำ.......................อย่างไร้
จนอับดั่งเวรจำ...................จองต่อ ชะตา
ฤานี่คือชีพใช้...........เซ่นย้อน บ่วงเวร ฯ
ผิว์โชคจักแล้งแล้ว........................ใจเอย
สุขผ่านหทัยเชย...........................ว่าน้อย
ตรากตรำผ่านวัยเลย............ยังยาก อยู่นา
แลบ่งแต่ชีพคล้อย.....ไป่สิ้น กรอมระกำ ฯ
---------------------------------------
โดยคำ ส.ผาติสุวัณณ
31 กรกฎาคม 2550 06:09 น.
ลานเทวา
กลียุคกาลีบ้าน..........................................โลมลน
แลเขื่องกระเดื่องดล...................................แก่กล้า
เสพสินอย่างแยบยล.....................ทรามเสื่อม หทัย
กินบ่สิ้นแรงล้า...........................ย่ำย้อน โสมม ฯ
ทุกหย่อมทุกย่านล้วน..................................โกงกิน
ทุกหมู่รู้กลยิน.........................................ดั่งแร้ง
ตามทันย่อมหลีกบิน........................ไปสู่ หลบภัย
คอยช่วงกลับมาแว้ง....................ย่ำย้ำ เขี้ยวคม ฯ
แลทรามส่ำสัตว์สร้าง..................................ตนตัว
หลงอยู่แต่ความเมามัว.................................ค่ำเช้า
กรรมเวรส่งกลับกลัว.......................หลบร่ำ โวยวาย
แลนี่หรือคือเจ้า...............................ผู้ล้น เงินตรา ฯ
----------------------------------------
โดยคำ ส.ผาติสุวัณณ ( ลานเทวา )
31 กรกฎาคม 2550 00:20 น.
ลานเทวา
ดอกยางแลเกลื่อนร่วงโรย
ณ ห้วงแดโดย
มิอาจเร้นซ่อนชีวา
ไก่เถื่อนขันเทือนดังมา
ปลุกชีพอีกครา
ให้ตื่นพบเห็นเย็นใจ
ลูกเมียยังอยู่เป็นไป
พ้นผ่านเภทภัย
จากค่ำอันหวาดผวา
ไม่มีเสียงปี่ชวา
มีแต่น้ำตา
กับความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
...................................................
เพลงไผ่ผิวหวิวแว่วจากแนวป่า
ตะวันลาแสงลับกับเหลี่ยมเขา
มัจจุราชผู้หาญแรงเข้าแฝงเงา
สุดบรรเทาการเข่นฆ่ารายราวี
เพลิงจักโหมเจิดจ้าคราคืนค่ำ
เงาจักย่ำกระหน่ำยิงทุกสิ่งที่
เถื่อนจิตใจชั่วช้าหรือปราณี
ลมราตรีพรากลมใจไปสิ้นลับ
อรุณเจิดแสงรุ่งเข้าปรุงฟ้า
ข่าวร้ายมาพร้อมแสงใหม่ให้สดับ
ที่สูญเสียผ่านมาคนานับ
เศร้าซึมซับเพียงน้ำตาทุกคราไป
ลำนำเถื่อนสะเทือนโศกวิโยคร่าย
เสียงสวดหมายพบสุขสันต์ ณ วันใหม่
วันที่มีรอยยิ้มมาพิมพ์ใจ
วันที่ไร้ศพซากพรากชีวิต
----------------------------------------------
ลานเทวา
31 กรกฎาคม 2550 00:12 น.
ลานเทวา
ฟังเถื่อนสนั่นสร้อง......................................เรไร
ห่มค่ำแห่งพงไพร...................................ดั่งถ้อย
เดือนกระจ่างแสงไกล................งามแจ่ม ในนวล
สีผ่องทาบพนาพร้อย............พร่างแพร้ว โลมดง ฯ
ราตรีจรุงร้อย............................................ลำนำ
พัดผ่านในลมคำ...................................ล่องพริ้ว
เตือนตรึงอยู่ในจำ........................โชยชื่น โลมใจ
ประหนึ่งรักร่ายริ้ว.....................ซ่านซึ้ง อารมณ์ ฯ
ยลจันทร์กระจ่างแจ้ง..........................นวลจันทร์
จมอยู่แต่รำพัน.....................................พร่ำเพ้อ
คนึงผ่านคืนวัน...........................ลับล่วง ตามกาล
หวานซ่อนเพียงใจเก้อ................กล่อมร้าว หทัย ฯ
ฝากลมพร่างผ่านซึ้ง..............................ในครวญ
แทนซึ่งถ้อยสำนวน.................................นอบใช้
ยามนุชผ่านมาชวน....................น้องอ่าน คำโคลง
อันพี่ร่ายสื่อไว้........................ดั่งพ้อง เจตน์จินต์ ฯ
--------------------------------------------
ส.ผาติสุวัณณ ( ลานเทวา )
30 กรกฎาคม 2550 00:38 น.
ลานเทวา
........แพรม่านหมอกน้ำค้างพร่างผืนหญ้า.......
แพรม่านดอกน้ำตา.......ซับใจโศก
ไหวเอย........................ไหววิโยค
จักซ่อนโลก ร้าวแฝง..ไว้แห่งใด....
......................................
แผ่วลำนำ พริ้วผ่าน ซ่านโสตซึ้ง
เคล้าเสียงขลุ่ย คนึง อันอ่อนไหว
สะเทือนทิพย์ เทวาลาน สะท้านไพร
ดั่งว่าใจ จะรอนร้าว หนาวน้ำคำ
เก็บถ้อยฝาก จากสายลม ที่พรมแผ่ว
ว่าลาแล้ว จากเคยปลื้ม ใจดื่มด่ำ
ฟังปลายเสียง เจรียงร้อย เป็นถ้อยย้ำ
ให้อกช้ำ มิสร่างเศร้า จากเงาใจ
จรุงจิต เพียงกาล ที่ผ่านผัน
จรุงฝัน เพียงลำนำ คำล่องไหล
สุขเพียงถ้อย พร่ำเพ้อ ละเมอไป
ย้ำหทัย บอบช้ำ ด้วยคำลา
ทิ้งชื่นใน รอยกาล ที่ผ่านพ้น
อดีตวน ภาพฝัน อันห่วงหา
บัดนี้คง เหลือเพียงช้ำ กับน้ำตา
ลานเทวา อาดูรโศก วิโยคตรม
--------------------------------------
ลานเทวา