10 กุมภาพันธ์ 2551 23:42 น.
ลานเทวา
ด้วยศรัทธาเรือปาจั๊ก
จงไสผลักความชั่วร้ายมะลายสูญ
ลอยลับสิ้นซึ่งโศกาอาดูร
ขอความสุขเพิ่มพูนแก่ชีวิต
อารยธรรมแห่งคนทะเล
ฝากคลื่นลมพรมเห่หนลิขิต
สุดขอบฟ้าเจิดแจ้งแสงอาทิตย์
จักฝ่าฤทธิ์แห่งคลื่นหวนคืนฝั่ง
โดยศรัทธาในบรรพบุรุษ
โชคจักฉุดคนสู้ไปสู่หวัง
โอ้หนุ่มสาวมาเถิดมาฟัง
เรื่องราวหนหลังของคนทะเล
ในคืบศอกบอกทางสร้างชีวิต
อรรณพห้วงที่สถิตหรือห่างเห
ด้วยมิอาจหยั่งถึงซึ่งคะเน
จึงร่อนเร่ตามเกาะเลาะอาศัย
อูลังลาโว๊ย คือคนกล้า
ผู้ทายท้ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่
กี่เกาะแก่งเบื้องหน้าข้าจักไป
ผจญภัยเพื่อเรียนรู้สู่ลูกหลาน
" โต๊ะอาโฆะบราตัย "
เชิญมารับของไหว้คาวหวาน
แล้วโปรดจงเมตตาประทาน
สุขสราญชื่นชุ่มสู่ชุมชน
โอ้ หนุ่มเอย สาวเอย
สายลมพริ้วรำเพยผ่านสู่หน
ถามโต๊ะหมอ แลเทียนเวียนวน
หาแลคู่สักคนนะปีนี้
ฝากสายลมลันตาสู่ฟ้าภูเก็ต
ต่อเรือเสร็จมาร่วมแห่นะพี่
สิบห้าค่ำเดือนหกร่วมยกพิธี
หากโชคหนุนบุญมีเราคงพบกัน
---------------------------
ลานเทวา
9 กุมภาพันธ์ 2551 12:18 น.
ลานเทวา
แลเรียบเชียบเงียบเหงาในก้าวย่าง
ดังโลกจางจากจิตพิสมัย
เหลียวกังวลหม่นร้าวหนาวฤทัย
เดียวดายในหนทางอ้างว้างนัก
ริมเจ้าพระยาสีโศก
คลื่นวิโยคยามพลบเร้ารบหนัก
ปรารถนาคลี่คลายระบายรัก
จะพิงพักใจล้าสักนาที
แสงสีแห่งเมืองรึเปลื้องปลด
ความเปลี่ยวเปล่าอันบังบดห้วงวิถี
คมชม้ายชายมองปองพาที
หวังจักมีความหนึ่งซึ่งพอใจ
สายลมค่ำย้ำขื่นในคืนสบ
เจ้าพระยามิอาจกลบความหวั่นไหว
เธอผู้ก้าวจากเงาแฝงของแสงไฟ
วาดละมัยรอยยิ้มแลพริ้มพราย
รอนรอนอ่อนอก โอ้ ดาวเดือน
เหงาแห่งข้าจักเลือนเคลื่อนลับหาย
โศกว้าเหว่เอกาคงคลาคลาย
ยามลมดึกคึกร่ายกระเจิงจินต์
ฝ่าเหน็บหนาวก้าวย่ำสู่บำบัด
ที่กำหนัดกำหนดจักปลดสิ้น
ท่ามเดือนดาวพราวพรายลมร่ายริน
รัญจวนกลิ่นน้ำปรุงจรุงกาม
ค่ำค่ำคลำค้นทางระหว่างค่ำ
สะดุ้งคำกระจ่างอยู่กลางท่าม
ห้วงกระสันกระเซ็นกระเด็นตาม
อารมณ์ทรามก็สิ้นถวิลลับ
สว่างแจ้งแสงไฟไขความแจ้ง
ชายผู้แฝงเงาพริ้มยิ้มสดับ
ว่าไงยะ พร้อมเสมอเจอละครับ
ปานชีวิตสิ้นอับลงตรงนั้น
---------------------------
ลานเทวา
8 กุมภาพันธ์ 2551 15:46 น.
ลานเทวา
ประโดยมนต์มธุรพจน์
แลดั่งพรหมกำหนดสิเน่หา
ฤามิดแม้นชะม้ายจากชายตา
ยามมิตรจิตมอบเอื้อมาโดยคำ
ในเทียวบริกัปสดับพ้อง
มิอาจปองลวงให้ใจถลำ
ด้วยพิสวาทวาดพะนอก่อนำ
เป็นบทจำอันอุรารักตราตรึง
ฝากคำมอบตอบแทนด้วยแสนรัก
ผูกสมัครใจเคียงอยู่เพียงหนึ่ง
ขอมอบฝากถ้อยย้ำจากรำพึง
ว่าคะนึงเพียงนวลรัญจวนใจ
แม้นมิเท่าทิพยรสอันสดหวาน
แต่มิได้หวั่งหว่านอย่างสาไถย
รักเจ้าแล้วแน่วแน่ไม่แลใคร
ถึงจะงามอย่างไรก็ไม่แล
------------------------
ลานเทวา
8 กุมภาพันธ์ 2551 12:08 น.
ลานเทวา
ระหกเหินเดินเดี่ยว
ในหนเปลี่ยวระโหยหา
มีฝันแปลกคอนแบกมา
ตามปรารถนา.....ที่เป็นไป
ระบายสีความฝันสรรค์แต่งเรื่อง
อยู่ในเมืองผีเสื้ออันสดใส
พริ้มตาหลับกับโลกวิไล
อักขราโลมไล้.....จินตนาการ
มาเถิด.....ผีเสื้อน้อย
มาเรียงร้อยจารจดบทประสาน
สร้างกวีอันชื่นล้ำฉ่ำดวงมาลย์
มาขีดเขียนตำนาน.....อักษรเสรี
ข้าจักมีตัวตนหรือไม่
นั่นมิใช่สำคัญกว่าในหน้าที่
ข้าคือผู้เขียนพจน์บทวจี
นิรนามแห่งชีวี.....มาแต่ไร
สุขของข้าคือเห็นคำอันฉ่ำชื่น
มาเริงรื่นโดยพจน์อันสดใส
ฝันของข้าคือบทคำอันอำไพ
ตราตรึงใจ.....คนอ่านชั่วกาลกัลป์
เชิญเถิด.....ท่านผู้สุนทรีย์
เชิญดื่มด่ำคำกวีแห่งความฝัน
ก่อนจะลับหายไปกับวัยวัน
เชิญเสพถ้อยรำพัน...แห่งวลี
.....ลานเทวา.....
อาจไร้ตัวตนอันมีค่าในโลกนี้
เพียงท่านจดจำไว้ในวันเดือนปี
ว่าข้าคือคนเขียนกวี.....นิรนาม
---------------------
ลานเทวา
12 มกราคม 2551 05:55 น.
ลานเทวา
โอนอ่อนอ้อนเอนระเนนไหว
กวัดไกวแกว่งพลิ้วระริ้วฝัน
งามแสงปรุงทุ่งหญ้าทายท้าตะวัน
แมลงปอเพ้อรำพันกลางสายลม
พิสุทธิ์งามแสงใหม่อันไหววาบ
ชื่นชีวากำซาบซึ่งสุขสม
เพลงผีเสื้อปีกแก้วแผ่วพรม
นกน้อยโผออกชมโลกวิไล
แสงตะวัน
ทอทาบบทกวีรำพันอ่อนไหว
ดังฝากซึ้งถึงดงแดนแสนไกล
กล่อมวิญญานิราศรัยสัญจร
สายลม
พร่างโบยโชยพรมมาอ่อนอ่อน
ดังพัดวีด้วยห่วงหาอาทร
เย็นเถอะใจที่แรมรอนเร่ร้าง
ทุ่งหญ้า
แลสุดเวิ้งขอบฟ้าเชื่อมสีต่าง
เมฆขาวพราวพรายระบายจาง
เบาบางเคลื่อนขาวโอบราวฟ้า
ชีวิต
เราสถิตชั่วดีที่คุณค่า
สรรพสิ่งทิ้งเห็นความเป็นมา
โลกและกาลเวลา ยังเช่นนั้น
--------------------------------
ลานเทวา