27 กุมภาพันธ์ 2551 13:22 น.
ลานเทวา
ระยับฟากจากห้วง....รัตติกาล
สู่ทิพย์แห่งจักรวาล....สำนึก
ดาริกาพริ้มพร่าง....ท่ามกลางดึก
ให้เหงาลึก...เร้าใจไหวครวญ
โอ้ มาณวิกา...แห่งราตรี
สั่งสายลมพรมวี....ให้หวน
เคยซ่านซึ้งตรึงฝัน....รัญจวน
อย่าเรรวน...เร่ร้างจนห่างไกล
สิเย้าหยอกดอกนภา...เพลาดึก
ตะกอนผลึก...อันห่วงหารึสาไถย
จักซุกโศกซ่อนเศร้า...เหงาใจ
สู่หนใด..หนอปรารถนาแห่งราตรี
ใช่ลวงปลื้มดื่มด่ำ....เพียงคำพก
แน่นหัวอก...ด้วยรักเชื้อนั้นเหลือที่
หวังเพียงเจ้าเมตตา...ปรานี
ทอประกายชีวี....โอบอ้อมข้า
โอ้ แก้วดาริกา...มารศรี
สาปสรรถ้วนฤดี....ปรารถนา
เทิดรักไว้แล้วหนอ....แก้วกัลยา
เจ้าคือจอมชีวา...แห่งข้าแล้ว
--------------------------------
ลานเทวา
26 กุมภาพันธ์ 2551 12:08 น.
ลานเทวา
ใครผู้กล้าใครวีรบุรุษ
รึใครแค่เศษมนุษย์อันไร้ค่า
อุดมการณ์ผ่านผันวันเวลา
บ่งราคาจิตใจใครบางคน
ใช่สายลมพรมแผ่วแล้วลาลับ
ทิ้งประทับผิวผ่านพอซ่านขน
ในมรรคาวิถีวีรชน
รึจักปนความระยำมาชำระ
บางความหมายลับเลือนใครเบือนบิด
แลบางนัยความคิดยังกักขฬะ
สิหักร้างสร้างแค่แพ้ชนะ
กาลเวลาปล่อยปละมาเช่นไร
กว่าชื่อจักได้เชิดว่าวีรชน
ก็เหลือเพียงเถ้ากระดูกป่นตั้งกราบไหว้
กว่าจะเห็นคุณค่าประชาธิปไตย
เขาก็เหยียบย่ำไปจนสิ้นแล้ว
กว่าจักซึ้งในสิทธิ์และเสรี
จากวิถีอันลาโรยระโหยแผ่ว
ฟังแต่เสียงปลอบปลุกอยู่ทุกแนว
ไร้วี่แววฟ้าสีทองผ่องอำไพ
เถอะเจ้าสวะการเมืองผู้ฉาบฉวย
กี่ศพซากที่ช่วยเอ็งเป็นใหญ่
กี่น้ำตารินพรากจากหัวใจ
กี่สมัยผ่านยุคอันทุกข์ทน
ความเป็นจริงไยเล่าต้องชำระ
ใดใดจะแจ่มแจ่งแสดงผล
อันความจริงโดยความจริงใช่อิงกล
อย่าเอาความโสมมปน มาชำระ
---------------------------------------
โดยคำ ลานเทวา
24 กุมภาพันธ์ 2551 23:07 น.
ลานเทวา
เพียงวูบหวานผ่านไหว
ข้าจะฝากชีวิตไว้ ณ ตรงนั้น
ตรงที่บทกวีร่ายรำพัน
ตรงแสงจันทร์ทาบม่านผ่านราตรี
ดอกดาริการะยับประดับห้วง
วาดศิลป์สรวงระยับประดับสี
บรรเลงกานท์ ณ.พิมานมณี
ด้วยหมื่นแสนเสรีแห่งถ้อยคำ
เพียงซึ้งซับสดับแว่ว
โดยร้อยกรองร้อยแก้วอันดื่มด่ำ
วูบหวานผ่านไหวในลำนำ
ปฏิภาณกวีจำจรดใจ
ด้วยมนต์เสกแห่งภาษา
จักปลุกมวลมาลาเริงสดใส
รติกาลห่มห้วงทรวงทหัย
เอมอิ่มในหวานพจน์บทกวี
เพียงวูบหวานผ่านไหว
ฉันขอฝากหัวใจไว้ตรงนี้
ตรงความฝันอันข้ามอบพลี
แด่ทุกพจน์บทวลีแห่งกลอนกานท์
มธุรสใดไหนเล่า
มาเทียมเท่าถ้อยล้ำอันฉ่ำหวาน
ฝันสุขใดในหล้าสิมาปาน
เท่าจินตนาการแห่งกวี
โดยคำ ลานเทวา
24 กุมภาพันธ์ 2551 12:40 น.
ลานเทวา
อยากพักเหนื่อย เต็มที แล้วนะลูก
ที่เคยสร้าง เคยปลูก มานานเนิ่น
ในยามนี้ หมดแรงฝืน จะยืนเดิน
ชราเกิน จะหาผัก หรือหักฟืน
ยังแต่ความ ท้อแท้ เหมือนแพ้พ่าย
ลูกหลานหาย จากไกล ไปเป็นอื่น
เฝ้ารอวัน พันผูก ลูกกลับคืน
มาหยิบยื่น หยูกยา รักษาใจ
เฝ้ารอคอย นานปี ที่เจ้าจาก
แม่ลำบาก กว่าเก่า เจ้ารู้ไหม
ตาฝ้าฟาง แรงถอยถด ทั้งหมดใจ
เพราะลูกหลาน ทิ้งไป ไม่มาแล
ทิ้งถิ่นฐาน บ้านนอก ทิ้งคอกเก่า
ทิ้งผู้เฒ่า จากไป ไม่แยแส
หลงเมืองฟ้า บ้าความฝัน ที่ผันแปร
ทิ้งคนแก่ คนเก่า ให้เฝ้าคอย
มิไยดี หนีลับ ไม่กลับหวน
ให้ผู้เฒ่า ร่ำครวญ ใจเหงาหงอย
นั่งพิงเสา มองฟ้า ตาเลื่อนลอย
หวังใจคอย ลูกหลานมา ทุกนาที
หากล้มหาย ตายไป ในวันหนึ่ง
จะหาใคร คิดถึง มาเผาผี
พวกเขาอยู่ แห่งไหน ไม่รู้ซี
ตั้งหลายปี ไม่เห็นกลับ เหมือนลับลา
--------------------------ลานเทวา----------------------------
24 กุมภาพันธ์ 2551 12:34 น.
ลานเทวา
โดยนิรนามแห่งบุหงา
นิยามค่าในกลิ่นถวิลไหว
นิรมิตฝันชื่นมาคืนใจ
นิรมลยลในงามสคราญ
ใช่เพียงมาพานพบ
ฤาสยบกลิ่นซึ้งอันตรึงซ่าน
ไหวเอยไหวล่วงจากห้วงกาล
ไหวด้วยหวานคนึงรำพึงครวญ
ข้าเฝ้าเก็บดอกน้ำตา
ยามสายลมพรมพาไห้หวน
ร่ำเถอะร่ำหาฝันรัญจวน
ก่อนสายลมจักเรรวนผันแปร
ด้วยปีกแห่งข้า
จะโอบอุ้มรักมาคอยเผื่อแผ่
หวังงามเจ้าผู้เฝ้าดูแล
ถนอมด้วยความรักแท้อย่างจริงใจ
ด้วยรัก...แด่เจ้าบุหงา
โดยคำมั่นแห่งภูผาอันยิ่งใหญ่
วันนี้ยังมีหวังรั้งหทัย
พร้อมกุมมือเจ้าไปด้วยกัน
------------------------------------
ลานเทวา